‘อนุทิน’สอนมวย
คนการเมือง‘ห้ามพูดเท็จ-ใส่ร้าย’
ไม่เอาผิด‘ธนดล’แม้ที่ดินถูกก.ม.
“อนุทิน”ซัดคนเดียวอยากเล่นการเมืองทำประชาชนเดือดร้อน หลังถูกสอบปมที่ดินเขาใหญ่ เตือนระวังตรงนั้นมีที่ใครบ้าง-ท้าจัดการให้หมดทุกพื้นที่ มองกระทบที่อื่นไม่กล้าพัฒนาบอกเป็นผู้ใหญ่ ไม่เรียกร้องความรับผิดชอบ หลัง“ธนดล”รับปมที่ดินเขาใหญ่ไม่ผิดกฎหมาย ได้ทีสอนมวย คนการเมืองห้ามพูดเท็จ-ใส่ร้าย เพราะจะหมดความน่าเชื่อถือจากสังคม ขณะที่“ไตรศุลี” ระบุ การตรวจสอบเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องรอบคอบ อย่าทำคนอื่นเสียหายเพราะประชาชนก็มีสิทธิ์ใช้กฎหมายปกป้องตัวเอง
เมื่อ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ดินเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ที่กระทรวงเกษตรฯ ระบุว่ามีการทับซ้อนกับที่ดิน ส.ป.ก. ว่า ไม่มีอะไรต้องชี้แจง เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ เป็นเรื่องของทางราชการกับราชการ ฉะนั้นไปว่ากัน 3 กระทรวง (กระทรวงเกษตร กระทรวงพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงมหาดไทย) ก็ต้องไปพิสูจน์กัน เพราะประชาชนทั่วไปเข้าไม่ถึงข้อมูล
เมื่อถามว่า หากมีการขุดคุ้ยการขายตั้งแต่รุ่น 1 และรุ่น 2 ถ้าหากพบว่าผิดยินดีคืนที่ดินดังกล่าวใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันไม่ได้ยินดีที่จะคืน ผิดก็คือผิด แต่ใครผิดไม่รู้ แต่คนที่ซื้อมาครอบครองโดยสุจริตเขาก็ผิดไม่ได้ ผู้ที่ซื้อที่ดินเป็นโฉนดในประเทศไทยถ้าเชื่อโฉนดที่ออกไม่ได้แล้วจะเชื่ออะไรได้อีก อย่างที่พูดกันบางทีเอามาเป็นประเด็นทางการเมือง ตอนนี้ถามว่าใครเดือดร้อน ตนไม่ได้เดือดร้อนแต่เป็นชาวบ้าน และพอเป็นปัญหาก็เดือดร้อนกันไปหมด ก็ต้องดูว่าเค้าจะรับผิดชอบอย่างไร
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ที่ดินข้อพิพาทดังกล่าวมีพื้นที่กว้าง ไม่ใช่เฉพาะที่ปากช่อง แต่รวมถึงเขาใหญ่ ไปโดนอะไรบ้างก็ต้องดูให้หมด ก็ต้องระวังมีใครอยู่ตรงนั้นบ้าง ถ้าโดนก็ต้องโดนหมดแล้วจะกล้าไหม ส่วนจะมีใครบ้างก็ต้องไปหาเอาเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางครอบครัวจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ที่ทำให้เสียหาย นายอนุทิน ย้อนถามกลับว่า แล้วจะไปฟ้องอย่างไร เขาบอกว่าเขาสงสัย จะบอกว่าครอบครัวตนเองเสียหายก็ไม่ได้ เพราะครอบครัวของตนไม่ได้ตั้งใจจะขายที่ดินนี้ และสุดท้ายอย่างที่บอกหากการออกโฉนดผิดกรมที่ดิน ก็ต้องเพิกถอน และก็ต้องชดใช้จ่ายค่าที่ดินมา ซึ่งครอบครัวตนก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ชาวบ้านทั่วไปเสียหาย รวมถึงคนที่ไปลงทุนอื่นๆ ซึ่งครอบครัวตนไม่มีสนามกอล์ฟนี้ก็ยังมีใช้ ตนแค่มีทรัพย์สินและกิจการอยู่ตรงนั้น แต่ประชาชนถ้าเขายังต้องยังชีพอยู่ตรงนั้นประชาชนเค้าก็เดือดร้อน
“ครอบครัวผมมีธุรกิจหลัก เป็นของตัวเองกันอยู่แล้ว ตัวผมเองก็เลิกทำมากกว่า 20 ปีแล้ว ทุกวันนี้อยู่ได้ด้วยเงินที่เก็บสะสมมาตั้งแต่ทำธุรกิจ แบ่งลูกแบ่งหมดแล้ว หย่าสองครั้งก็ดูแลเมียเก่าหมดแล้ว เหลือแค่ผมไม่ได้ใช้อะไรเยอะแยะ แต่สงสารชาวบ้าน เพราะคนคนเดียวต้องการเล่นการเมือง แล้วก็ไปทำให้เกิดความเสียหาย ตรงนั้นชาวบ้านทั่วไปน่าสงสารมากกว่า เพราะไม่เป็นธรรมกับชาวบ้าน ไปสั่งปิดร้านกาแฟเขา อย่างที่บอกต้องดูให้เยอะๆ ไอ้เส้นที่เขาขีดใครเป็นเจ้าของบ้าง ต้องทำให้หมดนะ ไม่ใช่ถึงเวลามีเส้นปะแบบนี้“ นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า จะเป็นในลักษณะที่ผ่านมาหรือไม่ แหย่แล้วก็เงียบไป นาบอนุทิน กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน กว่าจะพิสูจน์กันแต่ละเรื่องต้องใช้เวลา 20 ถึง 30 ปีชาวบ้านแถวนั้นบางคนที่เห็นแก่อามิสสินจ้าง สุดท้ายก็ขายที่ไม่ได้ เพราะเห็นมีอยู่หลายแปลงเหมือนกัน พร้อมระบุว่ามันจะไม่ใช่แค่ปากช่อง เขาใหญ่ แต่จะลามไปทั่วประเทศ ต่อไปใครไปดูที่ดินที่ยังไม่ได้พัฒนาก็จะไม่กล้าซื้อแล้วการพัฒนาจะเกิดได้อย่างไร
นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษารมว.เกษตร และสหกรณ์ ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดินให้สัมภาษณ์ในช่องข่าวแห่งหนึ่ง โดยยอมรับว่าผู้ถือครองที่ดินในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รวมถึง แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ทแอนด์คันทรี คลับเป็นการได้มาที่ถูกต้อง ไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมาย ว่า ที่ฟังจากข่าวครอบครัวของตนที่ซื้อที่ดินมาโดยมีโฉนดจากกรมที่ดินอย่างไรก็ไม่ผิด ไม่ต้องให้นายธนดลบอก มันผิดไม่ได้ เพราะเราซื้อมาจากเอกสารราชการ ซึ่งนายธนดล บอกว่าไม่ผิดเขาก็พูดถูกอยู่แล้ว เพราะคนถือครองโฉนดไม่มีความผิด แต่เขาบอกว่าต้องไปดูก่อนว่าที่ดินนี้ได้มาอย่างไร ซึ่งคนที่ถือครองที่ดินไม่มีทางไปทราบด้วยอยู่แล้ว และตอนนี้ตนโชคดีที่อยู่กระทรวงมหาดไทย จึงไปถามกรมที่ดิน เขาเลยบอกให้โทรศัพท์ทางไกลไปถามคนที่ออกโฉนดเมื่อ 70 ปีก่อน ซึ่งคงต้องไปจุดธูปถาม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้นายธนดล พยายามโยงว่าเป็นที่ดินผิดกฎหมาย แต่ตอนนี้กลับมารับเองว่าผู้ถือโฉนดแรนโชชาญวีร์ฯ ไม่ผิดกฎหมาย จะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าในทางการเมืองจะไปฟ้องกันไปมานั้นไม่มีประโยชน์
“สิ่งที่ทางการเมืองถือที่สุด การใส่ร้ายป้ายสี และนำข้อมูลอันเป็นเท็จมาพูด ก็ดูสิใครเอาเรื่องเท็จใส่ร้ายป้ายสีมาพูดก็จะไม่มีความน่าเชื่อถือ ต่อไปพูดอะไรคนก็จะไม่เชื่อ เอาเป็นว่าถ้าจะเล็งครอบครัวผม และหวังกระทบชิ่งมาที่ตัวผม คิดว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะอย่างไรก็ไม่มีความผิดในโทษทางอาญา เพราะเราสามารถพิสูจน์ได้ เราซื้อที่ดินมาถูกต้อง เพราะซื้อมาจากชาวบ้านไม่ได้ครอบครองมาก่อน ถามว่าแค่นี้เราจะฟ้อง เราผู้ใหญ่แล้ว คนที่อยากทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องขึ้นมาก็ให้สังคมตัดสิน และพิพากษาเอาเอง ไม่เป็นไรหรอกเรื่องแค่นี้ อย่างที่เคยบอก ทนแค่นี้ไม่ได้จะมาอยู่การเมืองได้อย่างไร เพราะโดนเรื่องอื่นหนักกว่าเยอะ เพราะหากทำผิดจริง แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้ แต่หากไม่ผิดยังไงก็ไม่ผิด” นายอนุทิน กล่าว
ทางด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายธนดล ได้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน อ.ปากช่องจ.นครราชสีมาว่า การดำเนินการดังกล่าวได้ทำให้กระแสสังคมเกิดความเข้าใจว่าโครงการลงทุนต่างๆ ที่ตั้งในพื้นที่อ.ปากช่องได้รุกพื้นที่เขต ส.ป.ก.รวมถึงโครงการแรนโช ชาญวีร์ ซึ่งเป็นธุรกิจของบุคคลในครอบครัวของนายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทยด้วยนั้น ล่าสุดนายธนดล ได้ระบุยอมรับผ่านการให้สัมภาษณ์ในรายการคมชัดลึก ช่องเนชั่นทีวี ในช่วงเย็นวันที่ 19 ก.พ. 2568 ว่าผู้ถือครองที่ดินที่ในพื้นที่ดังกล่าวในปัจจุบันซึ่งรวมถึงแรนโช ชาญวีร์ เป็นการได้ที่ดินมาถูกต้อง ไม่ได้ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย เพราะที่ดินมีโฉนดตามประมวลกฎหมายที่ดินปี 2497 ทุกอย่างถูกต้องหมด พร้อมระบุว่าการตรวจสอบที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้เป็นการตรวจสอบกระบวนการออกโฉนดที่ดินซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 60 ปีที่แล้ว
“นายธนดล ระบุ ชื่อนายอนุทิน และย้ำถึงความบริสุทธิ์ของตัวรัฐมนตรี 2-3 ครั้ง ถือว่าให้ความเป็นธรรมกับผู้ถือครองซึ่งสอดคล้องกับหลักฐานข้อมูล ของหน่วยราชการ ที่ยืนยันว่า เอกสารโฉนดในที่ดินซึ่งกำลังเป็นข่าวนั้น ถูกต้องสมบูรณ์” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อว่า การให้สัมภาษณ์ผ่านรายการดังกล่าว ถือว่านายธนดลยอมรับเองว่าโครงการแรนโช ชาญวีร์รวมถึงอีกหลายโครงการ เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการในปัจจุบันได้ที่ดินมาโดยถูกต้อง ไม่ได้ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่กำลังตรวจสอบในสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งผลที่เกิดขึ้นเวลานี้คือประชาชน และสังคมส่วนใหญ่กำลังเข้าใจว่าผู้ที่ลงทุนพัฒนาโครงการในพื้นที่ได้ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งกระทบต่อทั้งชื่อเสียง ความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวด้วยว่า การดำเนินการตรวจสอบต่างๆ เป็นสิ่งที่ดี แต่ควรดำเนินการอย่างรอบคอบ และระบุให้ชัดเจนว่ากำลังตรวจสอบอะไร จุดใดที่ต้องสงสัยว่ามีความผิด เพื่อไม่ให้กระทบเกิดความเสียหายต่อผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมาย และสำคัญที่สุดต้องระมัดระวังไม่ให้ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ การลงทุนในพื้นที่ถูกกระทบจากความไม่ชัดเจน ไม่แน่นอน เพราะแม้แต่ที่ดินที่ได้มา มีโฉนดถูกต้องยังถูกตรวจสอบเช่นนี้ก็คงไม่มีนักลงทุนกล้าตัดสินใจลงทุนแล้วการที่จะมาตรวจสอบที่มาของการออกโฉนด เป็นสิทธิ์ที่นายธนดลทำได้ แต่หากมีการบิดเบือนข้อมูล จนมีผู้เสียหายก็เป็นโอกาสที่อีกฝ่าย จะใช้กฎหมายเข้าไปจัดการเช่นกัน ฝากเตือนนายธนดลว่า แม้นายธนดลจะมีสิทธิ์ตรวจสอบ แต่ประชาชนก็มีสิทธิ์ใช้กฎหมายปกป้องตัวเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี