‘พี่ศรี’เฮ! ศาลยกฟ้องคดีร้อง กกต.ตรวจสอบ‘ทักษิณ’ครอบงำ‘พรรคเพื่อไทย’ ศาลระบุ เป็นสิทธิ์ของประชาชน ยืนยันให้ตรวจสอบ ไม่มีอคติ ‘ศรีสุวรรณ’ลั่นคอยดูดาบนั้นคืนสนอง
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำอ3127/2566 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน นักร้องเรียน ชื่อดังเป็นจำเลย ในความผิดฐาน รู้อยู่แล้วว่ามิได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำผิดสั่งสอบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำผิด หรือแกล้งบุคคลใดให้ต้องรับโทษ
อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยว่า เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2565 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจยื่นหนังสือร้องเรียนแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.)ว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ได้ควบคุม ครอบงำหรือชี้นำพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยยินยอมให้นายทักษิณ ควบคุม ครอบงำหรือชี้นำ เรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ทำให้พรรคการเมืองขาดความเป็นอิสระ อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28,29 จึงขอให้ กกต.ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ปรากฏตามหนังสือของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จ เนื่องจากนายทักษิณ มิได้ควบคุม ครอบงำหรือชี้นำพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด ทั้งนี้เพื่อให้นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยต้องรับโทษทางอาญา
โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา173,174,พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560มาตรา4,101 และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งจำเลยด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
เช้าวันนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมกับเปิดเผยว่า คดีนี้หลังจากที่ตนไปยื่นเรื่องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบนายทักษิณ ที่มีพฤติการณ์ครอบงำพรรคเพื่อไทย จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีตน ที่สน.ทุ่งสองห้องในฐานะส่วนตัว ซึ่งไม่ได้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ หรือ พรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด เพียงแต่กล่าวอ้างว่า เห็นข้อมูลจากข่าวจึงนำเรื่องมาแจ้งความ จากนั้น ตำรวจสรุปสำนวนส่งอัยการ และส่งฟ้องต่อศาล ก็มีการต่อสู้กันในชั้นศาล ซึ่งตนก็ต่อสู้ว่า การร้องเรียนต่อ กกต. เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญไทย และมองว่า นายวิญญัติ ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง แต่ก็เป็นสิทธิ์ ที่จะมาแจ้งความร้องทุกข์ได้
“การร้องเรียนเรื่องต่างๆ ของตนนั้น ถือเป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญไทย ในการตรวจสอบพรรคการเมือง ซึ่งหากเป็นแบบนี้ ใครไปร้อง กกต.ให้ตรวจสอบเรื่องต่างๆ ก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ใช่หรือไม่” นายศรีสุวรรณ กล่าว
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า หนังสือร้องเรียนที่จำเลยยื่นต่อ กกต. เป็นการแสดงความเห็น ตามข้อเท็จจริงไม่ใช่ยืนยันว่า นายทักษิณ กระทำความผิดแต่อย่างใด แม้ต่อมา กกต. มีหนังสือ แจ้งการยุติเรื่องร้องเรียน ว่านายทักษิณไม่ได้มีพฤติกรรมครอบงำกิจกรรมของ พรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันจำเลย ก็เบิกความยืนยันว่า ไม่ได้มีอคติต่อพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองหนึ่ง และไม่ได้มุ่งร้องเรียนเฉพาะนายทักษิณ เท่านั้น ที่ผ่านมาก็เคย ยื่นเรื่องร้องเรียน จนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยหลายคดี เช่น การยุบพรรคไทยรักษาชาติ ยุบพรรคอนาคตใหม่ และเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นต้น
ศาลเห็นว่ายังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งนายทักษิณ ชินวัตรอีกทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ก็ เป็นบุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นบุคคลในครอบครัวมีความ ใกล้ชิดกัน จึงอาจทำให้คนทั่วไป คิดเหมือนกับจำเลย และประชาชน มีสิทธิ์ร้องเรียนให้ตรวจสอบได้ การกระทำของจำเลย จึงยังไม่เป็นความผิดตามฟ้องโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
ภายหลังฟังคำพิพากษานายศรีสุวรรณ ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง ตน ดังนั้นคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานในการเดินหน้าตรวจสอบนักการเมืองต่อไป ส่วนที่มีการแจ้งความตนเองนั้นก็เพื่อเตะขัดขาไม่ให้ตนไปดำเนินการตรวจสอบสอบนักการเมืองดังกล่าวและมีภาระในการสู้คดี เมื่อศาลมีคำพิพากษายกฟ้องในครั้งนี้ ทำให้ตนและประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ตรวจสอบนักการเมืองได้ตามกฎหมาย โดยไม่ต้องกังวลว่าประชาชนร้องเรียนหน่วยงานใดจะมีความผิด เพราะเป็นการใช้สิทธิ์โดยชอบตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า มีความคิดเห็นต่อพนักงานสอบสวนหรืออัยการ ที่ทำคดีนี้อย่างไรบ้าง นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า คงต้องไปดูสำนวนและปรึกษาว่า มีกรณีไหนเป็นการขัดขวางการใช้สิทธิ์โดยชอบ และจงใจให้เป็นภาระทางคดี ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เหมือนศรีปราชญ์เคยกล่าวไว้ ว่า “ดาบนั้นต้องคืนสนอง” แต่ก็ยังไม่ใช้เร็วๆนี้ เพราะต้องให้ทีมที่ปรึกษากฎหมายได้พิจารณาและตรวจสอบคำให้การของพยานอย่างถี่ถ้วนทั้งหมด
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี