‘ชาวนา’ฮึ่ม! ‘สมาคมฯ’ร่อนหนังสือแจ้ง 9 ข้อต้องเคลียร์ เห็นต่าง‘มติอนุฯ นบข.’ ย้ำข้าวสดต้องได้ตันละ 8,000บาท
21 กุมภาพันธ์ 2568 นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ได้ออกแถลงการณ์ ดังนี้
สมาคมชาวนาเกษตรกรไทย ขอยืนยันว่า การประชุมคณะอนุกรรมการด้านการตลาด ข้อเสนอของสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย รวมถึงข้อเสนอของชาวนาที่ยื่นผ่านผู้ว่าฯแต่ละจังหวัด ไม่ผ่านการพิจารณา โดยแจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากขัดกับมติ ครม. เมื่อวันที่ 21 พ.ย.66 และ มติ นบข. (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หน้าตาตื่นเข็น' 3 มาตรการ'เร่งด่วน ยกราคาข้าวนาปรัง ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 8,000 บาท/ตัน)
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน กำหนดว่าในการจัดทำมาตรการ/โครงการ เพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือภาคเกษตรกร ให้หลีกเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือ ชดเชย หรือประกันราคาสินค้าเกษตรโดยตรงแก่เกษตรกร
ส่วนเรื่องที่ประชุมนำขึ้นมาพิจารณา โดย ฝ่ายเลขาเป็นผู้นำเสนอ ในเรื่องของมาตรการที่จะให้สหกรณ์ ดำเนินการรับซื้อ หรือรับฝาก โดยสหกรณ์ได้ 500 บาท/ตัน ชาวนาได้ 1,000 บาท/ตัน ราคาข้าวแห้งที่ 8,500 บาท/ตัน สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยไม่ได้เป็นผู้นำเสนอ และไม่ได้เป็นแนวคิดของสมาคม สมาคมฯขอยืนยันตรงนี้เพื่อความเข้าใจ
เพราะสมาคมฯ และคิดว่าหลายฝ่ายทราบดีถึงขีดความสามารถและจำนวนสหกรณ์ ว่าไม่มีกำลังพอ และส่วนที่จะเอาใครมาช่วยรับสมาคมฯไม่แน่ใจ แต่คิดว่าอาจจะมีการเอาโรงสีมาเข้าโครงการ และได้ค่าการจัดการ 500 บาท/ตัน และเงินชดเชยดอกเบี้ยอีก 6% ให้โรงสีซื้อนำตลาด โดยทุกฝายทราบว่าสมาคมได้ท้วงติ่งไปในหลายประเด็น
สรุป คือ มาตรการที่ออกมาทั้งหมด ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นของสมาคมชาวนา หรือของชาวนาที่ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้นำเสนอเลย ส่วนเรื่องการเผาฟางสมาคมได้นำเสนอต่อที่ประชุมเมื่อวานนี้แต่ที่ประชุมบอกว่าไม่มีความชำนาญเชี่ยวชาญพอ จึงขอให้กระทรวงเกษตรนำไปพิจารณาพิจารณาในคณะอนุกรรมการด้านการผลิตต่อไป
ประเด็นคำถาม ที่สมาคมฯตั้งประเด็นสอบถามในที่ประชุมมีดังนี้
1) พื้นที่นาปรัง 10 ล้านไร่ ผลผลิต 6.5ล้านตัน แต่โครงการมีเป้าหมายซื้อเพียง 1.5ล้านตัน คำถามคือ ส่วนที่เหลือจะทำอย่างไร และชาวนาที่เกี่ยวไปแล้วจะทำอย่างไร
2) ราคาที่ตั้งไม่ต่างจากราคาตลาด ที่มีการซื้อขาย ข้าวแห้ง (คช.15%) ที่ 8,500-8,800 บ./ตัน ข้าวสด (คช.ประมาณ 25%) 7,200-7,500 บ./ตัน
3) ต้องใช้หลักฐาน เช่นใบขึ้นทะเบียนเกษตรกร และอื่นๆหรือไม่ เพื่อยืนยัน สิทธิ์และจำนวนข้าวที่ขาย จะป้องกันอย่างไร จะเชื่อได้อย่างไรว่ามีการซื้อขายข้าวจากชาวนาจริง ไม่เป็นการเอาข้าวของผู้ประกอบการมาสวมแล้วใช้สิทธิ์ของชาวนาในการรับส่วนต่าง 1,000 บ./ตัน
4) ชาวนาที่ขายไปก่อนหน้านี้แล้ว จะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไร
5) การขึ้นทะเบียนในฤดูนาปรัง มีจำนวนพื้นที่ และจำนวนชาวนากี่ราย
6) ข้อเท็จจริงที่ในวงการค้าข้าว และชาวนารับรู้กันว่า ณ ปัจจุบัน มีเกษตรกรนำข้าวที่ไม่เป็นพันธุ์ข้าวของไทยมาปลูกจำนวนมากในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือ เราใช้ให้เข้า ใช้สิทธิ์ในการขายได้หรือไม่ หรือว่าจำกัดสิทธิ์ในการขาย และเราจะขึ้นทะเบียนเกษตรกรอย่างไร พันธุ์ที่เพาะปลูกจริงกับการขึ้นทะเบียนจะตรงกันหรือไม่
7) ในการที่ชาวนาเพาะปลูกข้าวในฤดูนาปรังมีหลายสายพันธุ์ เช่นข้าวหอมปทุม พันธุ์ข้าวกลุ่มข้าว5% กข.79พื้นนุ่ม ข้าวเหนียว จะดูแลแต่ละกลุ่มข้าวอย่างไร ควรจะกำหนดมาตราใน คราวเดียวกัน
8) สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ได้นำเสนอ จ่ายตรงชาวนา 500 บ./ไร่ หรือที่ชาวนาที่ออกเรียกร้องเสนอประกันรายได้ เพราะเหตุผลใดจึงไม่นำมาพิจารณา ทำไมไม่จ่ายตรงให้กับชาวนาเลย
ทำไมต้องซื้อข้าวไปเก็บแล้ว จ่ายค่าฝากให้ชาวนา 1,000 บ/ตัน และจ่ายให้สหกรณ์ และ/หรือโรงสี ที่เข้าร่วม 500 บ/ตัน ทั้งที่เกษตรกรได้รับประโยชน์ไม่ทั่วถึง
9) โครงการชดเชย ด/บ. ให้โรงสีที่เก็บฝาก เดิม ที่ให้ 3% เพิ่มชดเชยอีก 3% รวมเป็น 6% หรือว่าขึ้นโครงการใหม่เป็น6%โดยรัฐจะต้องใช้วงเงินเพิ่มอีก 500 กว่าล้านบาท ประโยชน์จะถึงชาวนาจริงหรือไม่ และมีคำถามจากในที่ประชุมว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ประกอบการจะซื้อนำตลาด 200 บาทจริง
ที่ประชุมคณะอนุ ด้านการตลาด สรุปว่า การเห็นด้วยในหลักการ ส่วนรายละเอียดต่าง จะมีกรรมการชุด ย่อยดำเนินการ และนำเสนอ นบข. และสมาคม เน้นย้ำว่าชาวนาต้องขายข้าวสด 8,000บาท/ตัน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี