138สว.สะดุ้งเฮือก!
‘ทวี’โวหลักฐานเด็ด
โยงเอี่ยว‘ฮั้วเลือกตั้ง’
สว.ตั้งโต๊ะแถลงโต้
“ประธานวุฒิสภา” นำคณะ สว.แถลง โต้คดีฮั้วเลือก สว.’67 เชื่อเป็นเกมการเมือง หวังเกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญเพื่อรื้อใหม่ทั้งฉบับ ขู่ใช้ช่องทางกฎหมายสวนกลับ หากทำเสียหาย-บั่นทอนความเชื่อมั่น เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีระบุ กกต.รับรองเลือกตั้งแล้ว จึงไม่ใช่หน้าที่ของ ดีเอสไอที่จะมาสอบ
เมื่อเวลา10.00น.วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบกสวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์วุฒิสภา นำโดย นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา(สว.) พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่1 พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. เป็นต้น ร่วมแถลงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมรับเรื่องกรณีที่กลุ่มอดีตผู้สมัคร สว. ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบการได้มาซึ่ง สว.ปี 2567 นั้นได้มาโดยมิชอบ ไว้เป็นคดีพิเศษ เพราะเกี่ยวข้องกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116
นายมงคล กล่าวว่า จากการตรวจสอบในหลายด้านทราบว่าดีเอสไอ เตรียมบรรจุเรื่องตามคำร้องของ สว.กลุ่มสำรองที่ต้องการให้สอบสวนการทุจริตเลือก สว. ทั้งนี้ตนมองว่าประเด็นดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะการตรวจสอบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งขณะนี้ กกต. ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบแล้ว และสว.ได้ให้ความร่วมมือไปให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้สว.จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป หากเข้าข้อกฎหมายเรื่องใดมีความผิดปกติกับข้อกฎหมายเรื่องใดหรือเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดหรือบุคคลใดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อวุฒิสภาของเราเราก็จะดำเนินการตามกฏหมายอย่างที่สุด
“สว.เข้ามาอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ตามเงื่อนไขและระเบียบ ที่กกต.กำหนด และทำหน้าที่ของสว. อย่างตรงไปตรงมา ไม่ฝักใฝ่หรือเกี่ยวข้องกับผู้ใด ซึ่งการตรวจสอบของกกต.นั้นเป็นไปตามอำนาจและหน้าที่ของ กกต.ส่วนหน่วยงานที่ไม่อำนาจหน้าที่ออกมาให้ข่าวนั้น ทำให้สว.ต้องมาปกป้องสิทธิ ศักดิ์ศรี”ประธานวุฒิสภาphe
ด้าน พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ข่าวที่ปรากฎทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่นต่อสว. ในฐานะที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ อย่างไรก็ดีในกระบวนการของดีเอสไอนั้นไม่ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนใด แต่มีกระแสข่าวว่าจะรับ ทั้งนี้ในประเด็นข้อกฎหมายนั้นตนมองว่าการทำงานของภาครัฐต้องอยู่ในขอบเขตหน้าที่ และอำนาจ หากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญไม่ได้มอบอำนาจ ซึ่งการให้ข่าวจากหน่วยงาน และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ทำให้สว.เสื่อมเสียและเกิดความเข้าใจผิดในสังคม
“สว.ทุกคนมาโดยสุจริต โปร่งใส มาในการแข่งขันที่รัฐธรรมนูญกำหนด ส่วนข้อกล่าวหา อั้งยี่ ซ่องโจร เป็นการให้ข่าวที่ผิดไป ขณะนี้ได้เตรียมรวบรวมข้อมมูล และ ข้อกหมาย เพื่อแก้ข้อกล่าวหาให้กับ สว.ทั้งหมด” พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.กอบ กล่าวว่า สว.ปัจจุบันมาโดยรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มาโดยสมาคม หรืออั้งยี่ ซึ่งข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นนั้นเกินเลยจากข้อเท็จจริง อย่างไรก็ดี สภาฯ คณะรัฐมนตรี องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายเพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ การกล่าวหาว่า องค์กรของรัฐที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนประชาชนเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ คือ การใส่ความ
“มันผู้ใดก็ตามที่ใส่ความ สว. ทำให้เกิดดวามเสียหาย บั่นทอนความเชื่อมั่นในกระบวนการนนิติบัญญัติคนที่ทำต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตนเองกระทำ ทั้งหน่วยงานของรัฐ ผู้บริหารบ้านเมือง ต้องรรับผิดชอบ ในการกระทำของตนเอง ส่วนผู้ร้อง ที่เคยเข้ากระบวนการคัดเลือกเป็น สว. แต่เข้ามาไม่ได้ กลับมากล่าวหาว่าเป็นกระบวนการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ต้องมองย้อนกลับไปว่า ท่านทำตามกติกาแต่ทำไม่ได้ ก็มากล่าวหาว่าไม่ชอบกฎหมายดังนั้นต้องรับผิดชอบ” พ.ต.อ.กอบ กล่าว
พ.ต.อ.กอบ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีกระบวนการจัดตั้ง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวิธีการฉ้อฉลเพื่อทำให้เกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้รัฐธรรมนูญที่ใช้ปัจจุบัน แก้ปัญหาวิกฤตรัฐธรรมนูญ คือให้คนดีเข้ามาปกครองบ้านเมือง แต่กลับมีกระบวนการนี้กลับมาเพื่อทำให้เกิดวิกฤต ทำให้คนกระด้างกระเดื่อง ดังนั้นสว.ต้องอยู่เพื่อให้การดำรงอยู่ของกฎหมายเป็นไปอย่างผาสุข สงบเรียบร้อย ดังนั้นใครบังอาจที่บิดเบือน ฉ่อฉลต้องรับผิดชอบ
เมื่อถามว่ามองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ พ.ต.อ.กอบ กล่วว่า การใช้ข้อกฎหมายอ้างอิงเพื่อดำเนินคดีกับ สว. นั้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริง คือ กลุ่มคนที่ทำ มี รมว.ยุติธรรมด้วย ดังนั้นมองได้ว่าเป็นเรื่องของเกมการเมือง โดยเฉพาะการกล่าวอ้างข้อกฎหมายว่ามาโดยไม่ชอบ คือ การใช้กฎหมายเพื่อสร้างปัญหาต่อการปกครองบ้านเมือง
“มีกลุ่มคนไม่สำนึก นำพา ไม่เคารพกติกา กฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมืองเพื่อสร้างให้เกิดวกฤตรัฐธรรมนูญ การใช้กฎหมายยอาญามาตรา 116 อ้างว่ากลุ่มที่สมัคร สว.ที่รับรองจาก กกต. แล้ว ว่าไปยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบละเมิดกฎหมายบ้านเมือง หากมองโดยหลักของกฎหมายที่ถูกต้อง คนที่ทำเรื่องนี้ไม่ใช่ สว. แต่คนที่ทำคือ คนที่กล่าวหานำเรื่องไปสู่ดีเอสไอ คือ คนที่ขัดขวางความมั่นคง บั่นทอนระบบการปกครอในระบอบประชาธิปไตย” พ.ต.อ.กอบกล่าว
พ.ต.อ.กอบ กล่าวอีกว่า กรณีที่ดีเอสไอ หรือรมว.ยุติธรรมกล่าวอ้างนั้นถือเป็นการ บิดเบือน ฉ่อฉลอำนาจตามรัฐธรรรนูญ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นใมนบ้านเมือง เพราะจะเกิดปัญหารอบด้าน เช่น กรณีปัญหาที่รัฐมนตรีจะแก้ไขมีจำนวนมาก แต่กลับทำกระบวนการที่บั่นทอนฝ่ายนิติบัญญัติ
“รัฐสภาเป็นองค์กรใช้กฎหมายนิติบัญญัติแทนประชาชน จะมายุแยง ยั่วยุ ปลุกปั่นประชาชนให้ปั่นป่วนและกล่าวหาฝ่ายนิติบัญญัติ แสดงว่าบ้านเมืองนี้ไม่มีการปกครองโดยใช้กฎหมาย เมื่อไม่มีการปกครองโดยกฎหมายจะใช้หลักอะไรในการบริหารประเทศ อยากรู้จะแก้ปัญหารอบด้านชายแดนอย่างไร จะให้ต่างชาติมาชี้นำแก้ปัญหาให้ กรณีมีคนต่างด่าวที่มาทำผิดกฎหมายในประเทศ จู่ๆ ก็สั่นคลอนในกระบวนการยุติธรรมและยกฟ้องคดีสำคัญ เช่น คดีตู้ห่าว ที่เป็นตัวอย่างเล็กๆที่ใช้อำนาจทุจริตในเชิงประจักษ์” พ.ต.อ.กอบ กล่าว
พ.ต.อ.กอบ กล่าวด้วยว่า เป็นการกระทำที่ปกติวิสัยฉ่อฉล บิดเบือนกฎหมายและกระบวนการครั้งนี้กลับมาอีกครั้ง เพื่อแกัไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่แก้ปัญหาไปแล้วด้วยการกำหนดให้คนที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์เข้ามาปกครองบ้านเมือง ประชาชนต้องมมีหน้าที่ช่วยปกป้องและรับใช้เพื่อให้บ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมถึงให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง ตอนนี้ประชาชนสับสนเพราะมีการยุยงปลุกปั่น โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือบิดเบือนอำนาจ ทั้งนี้ไม่อยากระบุบุคคล แต่สิ่งที่ปรากฎตามสื่อ กระบวนการนี้กำเริบเสิบสานมาอีก ไม่ให้ใช่อำนาจนิติบัญญัติที่เรียบร้อย ให้ทำบ้านเมืองวุ่นวายและจะเป็นวิกฤตรัฐธรรมูญเพื่อให้กระบวนการนี้กลับมา การที่สว. ทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ให้ประชาชน ตามหน้าที่และอำนาจที่รัฐธรรมนูญกำหนด
“คนที่จะถูกตรวจสอบ คือคนที่ไม่มีหน้าที่ แต่กลับก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองจะเป็นคนที่ต้องถูกดำเนินคดี และตรวจสอบว่ามาอย่างไรมีองค์กรใดอยู่เบื้องหลังที่ทำใหเ้กิดความปั่นป่วน” พ.ต.อ.กอบ กล่าว
ด้าน พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวโยงอยู่กับกระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น ความพยายามบางอย่างตนมองว่าไม่ค่อยปกติ ฉะนั้น จากนี้ไปสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่ง จะใช้กระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกันในการกล่าวโทษดำเนินคดีในประเด็นต่างๆ และจะลงชื่อกันอภิปรายไม่ไว้วางใจผู้บริหารที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ต่อไป
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลุ่ม สว. เพื่อประชาชน ที่อยู่ในบัญชี สว. สำรอง มาติดตามเร่งรัดการดำเนินการพิจารณาตรวจสอบเรื่องร้องเรียนและร้องคัดค้านการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ไม่สุจริต และเที่ยงธรรม
พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ซึ่งมีชื่อในบัญชีสว.สำรอง กล่าวว่า ตามที่ปรากฏกลุ่มเราได้เข้ายื่นหนังสื่อเร่งรัดการพิจารณาเรื่องดังกล่าวจากทาง กกต. เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา และต่อมาวันที่ 10 ก.พ. ได้ยื่นร้องทุกข์เพิ่มเติมให้กรมสอบ สวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบเรื่องการทุจริตเลือก สว.ด้วย และล่าสุดเราทราบมาว่า ทางดีเอสไอได้ทำหนังสือมสอบถามมายังกกต. ว่าความผิดที่พบนั้น กกต.จะรับเรื่องใดไว้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่หรือเรื่องใดจะมอบหมายให้ ดีเอสไอรับผิดชอบดำเนินการ เพื่อที่จะได้นำขออนุมัติเป็นคดีดีพิเศษต่อไป แต่กลับไม่มีการตอบกลับ อย่าง ไรก็ตาม ทราบในทางลับ นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. ได้ทำหนังสือตอบดีเอสไอกลับไปด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่ควรนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกกต. ที่มีกรรมการทั้ง 7 คนร่วมพิจารณาก่อน เพื่อมีความเห็น ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่า ทั้ง 7 คนนี้รู้เรื่อวหรือไม่ ก็ไม่ทราบ
“แต่นายแสวง กลับไม่นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมแล้วทำเรื่องตอบไปในนามของเลขากกต.คล้ายๆ ว่าเรื่องยังไม่ชัดเจน เลยยังไม่ตอบว่ารับหรือไม่รับ ผมคิดว่าเป็นการชิงตัดตอนหรือไม่ วันนี้เราจึงต้องมาขยี้เรื่องความไม่โปร่งใสต่างๆ ขณะเดียวกันผมยังรู้สึกว่ามีขบวนการเตะถ่วงในกตต. เพราะทราบว่า มีสว.ที่มีตำแหน่งในสภาคนหนึ่ง ส่งลูกหลานนามสกุลเดียวกันมาเป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่ในกกต. กินเงินเดือน 4-5 หมื่นบาท และเผอิญอยู่ในตำแหน่งสำคัญที่ต้องคอยกลั่นกรองเรื่องสำนวนพวกนี้ จึงกังวลว่าจะมีการเตะถ่วงหรือไม่ จึงต้องกระทุ้ง กกต. รีบปรับปรุงแก้ไข และทำความจริงให้ปรากฏ” พล.ต.ท. คำรบ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี