(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

อย่างไรก็ดี สำนักงานก.พ.เห็นว่า การพิจารณาตีความตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ พ.ศ.2530 เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกฤษฎีกาจะพิจารณา ดังนั้น เพื่อความรอบคอบ กรมป่าไม้จึงควรที่จะได้หารือเรื่องนี้ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยตรงอีกทางหนึ่งต่อไป (หนังสือสำนักงานก.พ.ที่นร0712/715 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2531)

(11) กระทรวงพาณิชย์ได้หารือ กรณีข้าราชการของกระทรวงพาณิชย์ซึ่งถูกลงโทษปลดออกจากราชการแต่นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วให้ลงโทษผู้นี้จากปลดออกเป็น
ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น แค่เห็นผู้นี้ควรได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษาพ.ศ.2530 การที่กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการลดขั้นเงินเดือนผู้นี้1 ขั้น น่าจะเป็นผลร้ายแก่ผู้นี้และไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติล้างมลทิน จึงหารือข้อกฎหมายดังกล่าวไปยังก.พ.นั้น

ก.พ.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ.2530 บัญญัติให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ถูกลงโทษทางวินัยในกรณีซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2530 และได้รับโทษหรือรับทัณฑ์ทั้งหมด หรือบางส่วนไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ทางวินัยในกรณีนั้น ดังนั้น ผู้ที่จะได้รับการล้างมลทินจึงต้องเป็นผู้ถูกลงโทษทางวินัยแล้ว และเพื่อประโยชน์ในการล้างมลทินให้แก่ผู้นี้ กระทรวงพาณิชย์จึงต้องออกคำสั่งลงโทษผู้นี้จาก ปลดออกเป็นลงโทษ ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น ตั้งแต่วันที่สั่งให้กลับเข้ารับราชการ แต่เนื่องจากผู้นี้ได้รับการล้างมลทินแล้ว กระทรวงพาณิชย์จึงไม่อาจลดขั้นเงินเดือนตามคำสั่งดังกล่าวได้ (หนังสือสำนักงานก.พ.ที่นร0713/ล.612 ลงวันที่ 30 กันยายน 2531)

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)