จีนรับกลับเหยื่อแก๊งคอลฯ
3วัน621ราย
‘ภูมิธรรม’ยันลุยต่อเนื่อง
ประสานเพื่อนบ้านช่วย
โพลล์หนุนรบ.เดินถูกทาง
จี้เชือดข้าราชการมีเอี่ยว
นอร์ทกรุงเทพโพล เปิดเผยผลสำรวจ การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ระบุรัฐบาลมาถูกทางแล้ว หนุนออกหมายจับ “ข้าราชการน้ำเลว”ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่“ภูมิธรรม” ประกาศเดินหน้าลุยปราบแก๊งคอลฯ ประสานความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ประชาชนไทย และประชาคมโลก พ้นจากเครือข่ายมิจฉาชีพ ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ส่งกลับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จีนจากเมียนมา วันสุดท้าย รวม 621 คน
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ผศ.ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็น นอร์ทกรุงเทพโพล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2568 โดยได้สอบถามถึงกรณี “การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ของรัฐบาล” โดยสำรวจข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างรวมทั้งสิ้น 1,500 ราย จากทั่วทุกภูมิภาค โดยการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นเป็นปัญหาที่ประชาชนชาวไทยได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่อง
โดยภาพรวมมองว่ารัฐบาลไทยสามารถ “แก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ได้ถูกทาง” จากการดำเนินการทุกมาตรการในการแก้ปัญหา เช่น การร่วมมือกับทุกหน่วยงานเพื่อเร่งรัดในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติออนไลน์ การตัดสัญญาณในระบบสื่อสารโทรคมนาคมต่างๆ การตัดไฟฟ้า ตัดอินเตอร์เน็ต และระงับส่งน้ำมัน รวมไปจนถึง การร่วมมือกันกับประเทศเพื่อนบ้าน และอื่นๆ เป็นต้น เพื่อต้องการตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นปัญหามาอย่างยาวนานให้หมดสิ้นไป
สำหรับข้อสอบถามว่า มีความวิตกกังวลต่อ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” มากน้อยเพียงใด ผู้ให้สำรวจ ระบุว่า มีความวิตกกังวล 57% แบ่งเป็น วิตกกังวลมาก 45.7% และ ค่อนข้างวิตกกังวล 11.3% ขณะที่ผู้ให้การสำรวจ บางส่วน ค่อนข้างไม่วิตกกังวล 19.7% และ ไม่วิตกกังวลเลย 23.3%
ผศ.ดร.สานิต ได้ถามต่อว่า มาตรการ การแก้ปัญหา “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ของรัฐบาล “แพทองธาร” มีประโยชน์มากน้อยเพียงใด โดยผู้ให้การสำรวจส่วนใหญ่มองว่ามีประโยชน์ 61.2% แบ่งเป็น มีประโยชน์มาก 35.4% และค่อนข้างมีประโยนช์ 25.8% ขณะที่ผู้ให้สำรวจบางส่วนมองว่าค่อนข้างไม่มีประโยชน์ 20.2% และไม่มีประโยชน์เลย 18.6%
พร้อมกันนี้ได้ถามถึง รัฐบาลควรดำเนินมารตรการ การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใดบ้าง ซึ่งผลการสำรวจออกมาดังนี้ 1.ออกหมายจับข้าราชการ และชาวต่างชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 18.9% 2.หาตัวและลงโทษข้าราชการไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 3. ขอความร่วมมือกับประเทศจีน 4. ขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อบ้าน 12.5% 5. ตัดไฟ 9.9% 6. ใช้กำลังทหารเข้าจัดการ 9.6% 7.ตัดอินเตอร์เน็ต 7.4% 8. สร้างรั้วกั้นตลอดแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน 6.5% 9. ระงับการส่งน้ำมัน 5.7% และ อื่นๆ 3.1%
ทางด้าน นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โพสต์ถึงการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่ซับซ้อนและส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประชาชนไทย และประชาคมโลก รัฐบาลตระหนักดีว่าการแก้ไขปัญหานี้ ไม่ใช่เพียงแค่การจับกุมผู้กระทำผิด แต่ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การตัดเส้นทางปฏิบัติการของกลุ่มอาชญากร การช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกลวง ไปจนถึงการสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะปัญหาใหญ่ระดับนี้ไม่สามารถทำเพียงประเทศใดประเทศหนึ่งได้
ที่ผ่านมารัฐบาลไทย ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกภายใต้ความร่วมมือกับ จีนและเมียนมา ผ่านแผนปฏิบัติการ “ตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดน้ำมัน” ใน 5 จุดสำคัญ เพื่อลดศักยภาพของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ สามารถสกัดกั้นขบวนการเหล่านี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม และไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ตนได้ดำเนินการประสานงาน กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศของ สปป.ลาว ในโอกาสที่มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และได้มีความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ ที่จะช่วยกันปราบปรามยาเสพติด การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยได้เรียนให้ผู้นำทั้ง 2 ประเทศ รับทราบเพื่อทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน
นอกจากนั้น เพื่อป้องกันการย้ายฐานของเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ ยังได้สั่งการให้ พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เดินทางด่วนเพื่อร่วมประชุมวางแผนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติประเทศกัมพูชา
โดย พล.ต.อ.ธัชชัย ได้รายงานถึงข้อสรุปจากการประชุม ทั้งหมด 3 ข้อ ได้แก่ 1.ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป โดยมีเป้าหมายเข้าไปกวาดล้าง ตรวจค้น จับกุม ในจุดต่างๆ ที่เป็นที่ตั้งของแก๊ง โดยทางตำรวจไทยขอนำตัวคนไทยกลับมาลงโทษตามกฎหมายที่ประเทศไทย 2.ร่วมกันช่วยเหลือคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ให้กลับคืนสู่ครอบครัวอย่างรวดเร็ว 3.ให้มีการประสานงานร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อความรวดเร็วในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป การประชุมวางแผนปฏิบัติการครั้งนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างไทยกับกัมพูชา เพื่อจัดการปัญหาคอลเซ็นเตอร์ให้เด็ดขาด
“การแก้ไขปัญหานี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเกี่ยวข้องกับทั้งกฎหมาย อาชญากรรมข้ามชาติ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร มีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องประชาชนคนไทยให้พ้นจากเครือข่ายมิจฉาชีพ เราได้ลงมือทำจริง และวันนี้ ผลลัพธ์เริ่มปรากฏชัดเจนว่าการแก้ไขปัญหานี้เราเดินมาถูกทาง รัฐบาลจะเดินหน้าต่อไป เพื่อให้พี่น้องประชาชนปลอดภัยจากการถูกหลอกลวง และขอให้มั่นใจได้ว่ารัฐบาลจะไม่หยุดปฏิบัติการจนกว่าปัญหานี้จะหมดไป” รอนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าว
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร (ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร) แจ้วส่งกลับบุคคลสัญชาติจีน จากกระบวนการค้ามนุษย์ในประเทศหนึ่งมา โดยในวันนี้เป็นการส่งกลับเป็นวันที่ 3 เริ่มตัเงแต่เวลา 09.50 น. - 10.10 น. รถบัสเที่ยวที่ 1 จำนวน 2 คัน รับบุคคลสัญชาติจีน จำนวน 50 คน จากจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ.วังตะเคียน ม.7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก บุคคลสัญชาติจีน เข้าขบวนการตามกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของไทย
และเวลา 10.42 น. เครื่องบินเที่ยวที่ 1 สายการบิน China Southerm Airlnes เดินทางมาถึงท่าอาศยานนานาชาติแม่สอด ก่อนนำตัวทยอยขึ้นเครื่อง จากนั้นเวลา 11.15 น. เครื่องบินเที่ยวที่ 1 Take off จากท่าอาศยานนานาชาติแม่สอด เดินทางกลับปลายทางประเทศจีน
โดยระหว่างนั้นในเวลา 10.40 น.- 11.05 น. รถบัสเที่ยวที่ 2 จำนวน 2 คัน รับบุคคลสัญชาติจีน จำนวน 50 คน จากจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ.วังตะเคียน ม.7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก
จากนั้นเวลา 11.57 น. เครื่องบินเที่ยวที่ 2 สายการบิน China Southerm Airlnes เดินทางมาถึงท่าอาศยานนานาชาติแม่สอด และได้ นำกลุ่มบุคคลสัญชาติจีนทยอยเดินทางขึ้นเครื่อง และในเวลา 12.25 น. เครื่องบินเที่ยวที่ 2 Take off จากท่าอาศยานนานาชาติแม่สอด เดินทางกลับประเทศจีน
สำหรับเที่ยวสุดท้ายของวันนี้จะขึ้นจากท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอดในเวลา 13.24 น. ร่วม บุคคลสัญชาติจีนที่เดินทางกลับในวันนี้(22 ก.พ.) 121 คน ในวันที่ 20 ก.พ.เดินทางกลับ 4 เที่ยวบิน รวม 200 คน และ วันที่ 21 ก.พ. เดินทางกลับ 6 เที่ยวบิน รวม 300 คน รวมยอดทั้งสามวัน ที่ส่งกลับบุคคลสัญชาติจีน จำนวนทั้งสิ้น 621 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี