"มาริษ"เผย กต.เตรียมนำประชุมไตรภาคี 3 ปท.เร็วๆ นี้ เผยผลสำเร็จรัฐบาลไทย-กต.ผลักดันการแก้ปัญหานี้ผ่านเวทีนานาชาติมาโดยตลอด พร้อมต้องร่วมมือกับต่างประเทศอย่างเข้มข้น
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าการประชุมคณะไตรภาคี ระหว่างไทย จีน และเมียนมา ที่กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องเป็นเจ้าภาพดำเนินการว่า จะมีการประชุมในเร็วๆ นี้ เพื่อกำหนดรูปแบบในการแก้ปัญหาขบวนการอาชญากรข้ามชาติ สแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการกระทำผิดข้ามชาติในรูปแบบอื่นๆ ให้เป็นรูปธรรมระยะยาว ซึ่งมั่นใจว่า กลไกไตรภาคีนี้ จะเป็นความร่วมมือของ 3 ประเทศ ที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ร่วมกันต่อไปได้
นายมาริษ ยังได้ย้ำถึงการผลักดัน และความพยายามขับเคลื่อนการแก้ปัญหาขจัดขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าวอย่างจริงจังของรัฐบาลไทยมาโดยตลอด จึงทำให้ทางการจีน ได้ประสานงานตามกรอบความร่วมมือของหน่วยงานด้านความมั่นคง ระหว่างไทย และจีน เพื่อส่งผู้แทนมาร่วมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านไทยให้สิ้นซาก เพราะการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย กับประเทศเพื่อนบ้าน ต้องอาศัยความร่วมมือกับประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น และไทยพร้อมรับความร่วมมือจากทุกประเทศมาร่วมกันจัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจัง ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลไทย
นายมาริษ ยังได้ย้ำถึงบทบาท และการดำเนินการของรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศ ที่ผลักดัน และพยายามขับเคลื่อนการแก้ปัญหา และขจัดขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว ผ่านเวทีการหารือร่วมกับผู้นำต่างประเทศ รวมถึงประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเมียนมา และจีน ในห้วงการประชุมกรอบความร่วมมือต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดในห้วงเวลาที่ผ่านมา เช่น การหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย เมียนมา และอินเดีย ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2567 ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ซึ่งในครั้งนั้น ตนเองได้สนับสนุนความร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการจำกัดการแพร่ขยายของอาชญากรรมไซเบอร์อและการลักลอบค้าอาวุธ และอินเดียก็มีศักยภาพ ที่จะร่วมมือกันป้องกันและปราบปรามปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าวได้ และไทยก็จะร่วมมือกับเมียนมา ในการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์
หรือแม้แต่การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง หรือ MLC ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งถือเป็นกรอบความร่วมมือสำคัญ ที่มีทั้งไทย เมียนมา และจีน ซึ่งได้รับผลกระทบจากขบวนการการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต ร่วมเป็นสมาชิกในกรอบความร่วมมือนี้ด้วย และรัฐบาลไทย ได้ยกปัญหาดังกล่าว เป็นปัญหาเร่งด่วน เพราะกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน จึงได้เสนอแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนภายใต้กรอบ MLC ตามที่รัฐบาลไทยเสนอ และที่ประชุมมีมติรับรองแถลงการณ์ดังกล่าว
ที่สำคัญโดยเฉพาะการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างเมียนมากับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ Six Country Informal Consultation เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 และการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการแบบขยาย : Extended Informal Consultation หรือ EIC เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ นั้น นายมาริษ ระบุว่า 2 การประชุมดังกล่าว ตนได้สนับสนุนให้เกิดความร่วมมือ ในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงบริเวณชายแดน และต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะปัญหาลักลอบค้ายาเสพติด และการหลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญสำหรับอาเซียนด้วย โดยที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว และล่าสุดในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อ 19 มกราคม ที่ผ่านมา ที่เมืองลังกาวี ประเทศมาเลเซียนั้น ตนเองก็ได้ย้ำว่า ไทยจะเพิ่มความพยายามในการปกป้องประชาชนจากภัยคุกคาม โดยเฉพาะการลักลอบค้ายาเสพติด และการหลอกลวงทางออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งการแสดงบทบาทของไทย ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ เป็นส่วนที่ทำให้การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ สแกมเมอร์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีผลความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี