ลุ้นDSIรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่25ก.พ.
ฮั้วเลือกสว.แผลงฤทธิ์
‘สว.สีน้ำเงิน’ลุ้นนงไม่ติด
‘ภูมิธรรม’ปัดกลั่นแกล้ง
‘ทวี’ไม่หวั่นถูกถอดถอน
ปธ.วุฒิโต้ไม่ใช่หน้าที่DSI
สว.ถกลับ 1 ชม.หาทางแก้ลำ“ทวี-ดีเอสไอ”สอบปมฮั้วเลือกสว.เจอถามทำไมโพยฮั้วตรงเป๊ะ 138 คน ทำช็อตไปครู่หนึ่ง ด้าน“มงคล”โต้ยิบเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่ยันไม่กลัวตรวจสอบ อัดคนไม่มีอำนาจ พยายามเข้าแทรกแซง ยันต้องดำเนินคดี ‘บิ๊กเกรียง’ไม่เครียด ตรวจสอบ’ดีเอสไอ-ทวี’ลั่นไม่รู้เลยใครสว.สีน้ำเงิน การเมืองก็เป็นเช่นนี้ ไม่เหมือนทหาร ด้าน’ภูมิธรรม’ประชุม กคพ.25ก.พ.เคาะรับคดีฮั้วเลือกสว. ยันไม่ใช่กลั้นแกล้งการเมือง ปัดเคลียร์ใจ’ภท.’ทำไปตามหน้าที่‘ทวี’ยืดอกรับไม่กังวล ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร หลังสว.เตรียมรวมชื่อถอดถอน ยันทำตามกม.’นายกสภาทนาย’ลั่น ไม่มีใครกดดันได้ ด้าน‘ณฐพร’โวมีคลิปหลักฐานการกระทำผิดสาวถึงพรรคการเมืองเบื้องหลัง เตรียมยื่นศาลรธน.สั่งเลือกตั้งสว.เป็นโมฆะ
เมื่อเวลา 08.00น.วันที่ 24กุมภาพันธ์2568 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) นำโดย นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่1 ประชุมหารือกรณีการฮั้วเลือก สว.ที่อาคารรัฐสภา โดยมี สว.ผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา จำนวน 21คณะ ร่วมประชุม ซึ่งการประชุมเป็นการหารือภายในแบบลับ ซึ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าไปเก็บภาพหรือติดตามการประชุม บรรยากาศภายนอกห้องประชุมมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลความเรียบร้อยอย่างเข้มงวดแตกต่างจากทุกครั้ง
ปธ.วุฒิยัน’สว.’มาถูกต้องตามรธน.
ภายหลังการประชุม นายมงคล แถลงว่า สืบเนื่องจากเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ในวันที่ 25ก.พ. 68 เพื่อมีมติให้คดีเกี่ยวกับการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พ.ศ.2567 เป็นคดีพิเศษนั้น ตนได้มีการหารือกับท่านรองประธานวุฒิสภาและสว.จึงขอแถลงข่าวชี้แจงในประเด็นต่างๆ ต่อสื่อมวลชนเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง ประการที่1 ก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 การจัดการเลือกตั้งสส.เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศ เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร คือ กระทรวงมหาดไทยที่ทำหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง แต่มีการเอื้อกันและไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม เพราะฉะนั้น จึงได้มีการแก้ไข ให้จัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาหลายองค์กร เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลฝ่ายบริหาร รวมทั้ง การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และได้บัญญัติสืบต่อมาจนกระทั่งถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน รัฐธรรมนูญทุกฉบับได้บัญญัติให้การจัดการเลือกตั้ง สส.และการได้มา ซึ่ง สว. โดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์หรือความมุ่งหมายไม่ให้ถูกแทรกแซงของฝ่ายบริหาร หรือคณะรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีคนใด รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษและคณะกรรมการคดีพิเศษ “เพื่อมิให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจในการแทรกแซงหรือก้าวก่ายการได้มาและการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้น ตามรัฐธรรมนูญและพรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.พ.ศ.2561และพรป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 จึงบัญญัติให้การจัดการเลือกตั้งและการควบคุมการเลือกสว.ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม รวมทั้งการดำเนินคดีเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และการดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยเฉพาะ
ซัด’ทวี-ดีเอสไอ’กระทำไม่ชอบด้วยกม.
นายมงคล กล่าวต่อว่า ประการที่ 2 เมื่อการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต.แล้ว การที่ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมและพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แถลงข่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคำร้อง และเตรียมเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติให้คดีเกี่ยวกับการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเป็นคดีพิเศษ โดยที่ กกต. ยังไม่ได้มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว หรือมอบหมายให้ดีเอสไอดำเนินการ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่และอำนาจของดีเอสไอ อีกทั้งการตั้งข้อหาอั้งยี่และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ต้องถือเป็นการตั้งข้อหาและเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการก่อการร้าย หรือการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ รวมถึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานต่างๆ ดังกล่าวแต่อย่างใด หากแต่ สว.ที่ถูกกล่าวหาได้สมัครเข้ารับการเลือกและผ่านกระบวนการเลือกมาอย่างถูกต้อง จนกระทั่งได้รับการรับรองจาก กกต. เข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ การตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าว จึงเป็นความพยายามที่จะเชื่อมโยงให้เป็นไปตามข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง เป็นการใช้อำนาจฝ่ายบริหารเป็นเครื่องมือทำลายองค์กรวุฒิสภาด้วยการเผยแพร่ข่าวและเอกสารลับต่างๆ อันทำให้ สว.ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง เพื่อล้มล้างฝ่ายนิติบัญญัติ
พร้อมรับการตรวจสอบที่ถูกกม.
“เราไม่กลัวการตรวจสอบ เราพร้อมและให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกับองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่คือกกต.มาตลอด ขอเอกสารก็ส่งให้ เรียกบุคคลไปให้ถ้อยคำก็ไป แต่ผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่พยายามเข้ามาแทรกแซงหรือตรวจสอบเรา ที่ประชุมวันนี้ได้มีมติร่วมกันคิดว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จำเป็นต้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นายมงคล กล่าว
จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม เมื่อถามว่า การที่ดีเอสไอรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษนั้น มองว่าเป็นการล้ม สว.ชุดนี้หรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เราไม่อยากทราบเจตนารมณ์ของใครได้ แต่พฤติการณ์ต่างๆ ที่ออกมา ทั้งการประโคมข่าว ออกมาให้ข่าว รวมถึงเผยแพร่เอกสารลับนั้น ก็ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณดูแล้วกัน ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าดีเอสไอรับใบสั่งจากใครหรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เช่นเดียวกับเรื่องเมื่อสักครู่นี้ เมื่อถามถึงกรณีดีเอสไอระบุการดำเนินคดีส่วนนี้ คือส่วนอาญา ไม่เกี่ยวข้องกับ กกต.สามารถทำได้หรือไม่ นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่2 กล่าวว่า การสืบสวนในเบื้องต้นเป็นหน้าที่ของ กกต.เรื่องการได้มาซึ่งสว.ซึ่งกฎหมายนี้ก็จะมีกฎหมายอาญาตามมาทีหลัง
โยนหน้าที่กกต.รับรองการเลือกสว.
เมื่อถามถึงกรณีดีเอสไอ ระบุ โพยฮั้วเลือกตั้ง สว.ตรงกันถึง138คน จาก 140คน มีมูลพอที่จะตรวจสอบหรือไม่ คณะสว.นิ่งอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่ประธานวุฒิสภาจะหันไปทาง นายบุญส่ง พยักหน้าให้ตอบคำถาม ซึ่งนายบุญส่ง จะย้ำสั้นๆว่า เป็นหน้าที่ของ กกต.ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีการยื่นถอดถอน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม มีความคืบหน้าอย่างไร พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า เราทำตามอำนาจหน้าที่ของ สว.ในการตรวจสอบองค์กรที่ดำเนินการดังกล่าว เนื่องจาก สว.ทุกคนของเรายอมรับว่าเรามาตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นกระบวนการตรวจสอบ สว.ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเช่นเดียวกัน ดังนั้นเราจึงมีการเตรียมการในการอภิปรายทั่วไป ในเรื่องและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เขามีโอกาสมาตอบคำถาม หรือการตั้งกระทู้
‘บิ๊กเกรียง’พร้อมให้สอบปมฮั้วสว.
พล.อ. เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ให้สัมภาษณ์หลังแถลงข่าววิปวุฒิสภามีมติตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมและดีเอสไอ เพิ่มเติม ว่า เรื่องนี้ไม่เครียด เพราะเป็นการทำในนามของวุฒิสภาในกรอบของวิปวุฒิสภา เมื่อถามว่า แต่ภาพที่ปรากฏว่า ดูเหมือนเป็นการงัดข้อระหว่างผู้มีบารมีทางการเมืองใต้ดินนั้น พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า “ก็เป็นเรื่องที่คนข้างนอกเขามองแล้ววิเคราะห์กัน การเมืองก็เป็นเช่นนี้ ไม่เหมือนการทหาร หาก ท่านทวี สอดส่อง จะชี้แจงประเด็นใดก็เป็นหน้าที่ของท่านสมาชิกวุฒิสภาก็มีหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา จริงๆแล้วเป็นดุลอำนาจไม่ควรที่จะก้าวร่วมกัน”
เมื่อถามว่า หากท้ายที่สุดแล้ว ดีเอสไอรับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะท่านก็มีหน้าที่ ที่จะพิจารณาในส่วนของคดีพิเศษไป สว.ก็มีหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย ทุกวันนี้สว.หลายท่านต้องไปตอบคำถามของ กกต.แทบทุกสัปดาห์อยู่แล้ว กกต.ก็ทำงานอยู่ในเรื่องนี้ ไม่ใช่ท่านนิ่งเฉย ท่านสอบสวนไต่สวน เรียกสมาชิกไปตรวจสอบ มีเข้าไปชี้แจงเยอะ หากดีเอสไอ เรียกไปชี้แจง หากเป็นไปตามกฎหมาย ตนก็ยินดี อะไรที่ต้องทำตามกฏหมายก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
‘ภูมิธรรม’ถก’กคพ.’25ก.พ.เคาะคดี
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) กล่าวถึงการพิจารณารับหรือไม่รับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ ว่า ได้รับแจ้งว่า จะมีการประชุมในประเด็นนี้ ซึ่งมีข้อมูลต่างๆที่อยากประชุมเพื่อให้เข้าใจปัญหาและตัดสินใจ ซึ่งตนในฐานะประธานคณะกรรมการฯจึงเรียกประชุม เนื่องจากเห็นว่า มีข้อมูลและมีความชัดเจนหลายอย่าง ก็คิดว่าดี แต่หากไม่มีข้อมูลก็ไม่สามารถที่จะพูดหรือทำร้ายอะไรได้ และตนได้เสนอแล้วว่า งานนี้เราไม่ได้เอาเรื่องการเมืองมากลั่นแกล้งกัน ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย เป็นไปตามข้อเท็จจริงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีการยื่นเรื่องมาว่า เรื่องแบบนี้ต้องเป็นคดีพิเศษ ซึ่งในทัศนะของDSI ออกเรื่องมาดูแล้วก็มีเหตุมีผล เมื่อเขาเสนอเราก็ต้องบรรจุที่ประชุม
ต้องออกเสียง2ใน3รับเป็นคดีพิเศษ
เมื่อถามว่า หากรับคดีไปแล้วจะกลายเป็นชนวนเหตุ เพราะสว.ที่ได้รับเลือกไปแล้วตั้งแง่ว่าเป็นเรื่องการเมือง นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปคิดเป็นเรื่องการเมือง ตนยืนยันในฐานะประธานคณะกรรมการฯ ก็เรียกประชุมไปตามข้อเสนอที่มีเหตุและผล เพราะเขาเห็นว่ามีปัญหา เราก็ต้องรับอยู่แล้วในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการฯ เมื่อมีคนมาเสนอว่า มีปัญหาทางกฎหมาย เราไม่เรียกคงไม่ได้ แต่ยืนยันว่า เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ถ้าไม่ชัดเจน ไม่ถึงก็คงรับเป็นคดีพิเศษไม่ได้ แต่ถ้ามันชัดเจน ก็ไม่มีสิทธิ์ไปปกป้องอะไร เพราะเป็นไปตามกระบวนการ และไม่ได้จบแค่นี้ มันยังต้องมีการสืบสวนสอบสวนพยาน และการได้เป็นคดีพิเศษต้องใช้เสียง2ใน3ของคณะกรรมการคดีพิเศษ (15คนจากทั้งหมด22คน) ส่วนจะต้องมีการเคลียร์ใจกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนพูดหลายครั้งแล้วว่าตนไม่ได้มีหน้าที่เคลียร์ใจ แต่มีหน้าที่ทำให้เป็นไปตามกระบวนการ ในเมื่อเราเรียกร้องว่ากระบวนการยุติธรรมบ้านเรามีปัญหา พอมีคนคิดขึ้นมา 1-2คน เราต้องทำอย่างเต็มที่ ต้องให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการได้กับทุกภาคส่วน
‘ทวี’ยืดอกไม่กังวล- ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีดีเอสไอเตรียมยื่นเรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณีการคัดเลือกสว.มีกระบวนการ หรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริต หรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และประมวลกฎหมายอาญา เป็นคดีพิเศษตามมาตรา21วรรคหนึ่ง (2) หรือการเป็นคดีความผิดทางอาญาอื่น สำหรับการประชุมบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในวันที่ 25ก.พ.จะมีวาระการประชุม ซึ่งก็จะมีการนำเอาพยานเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าเสนอต่อคณะกรรมการฯ เนื่องด้วยคณะกรรมการฯ จะต้องมีดุลพินิจในการพิจารณา เราก็ตระหนักถึงหลายเสียง อย่างไรก็ตาม ตนมาจากการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตนถือว่าเรื่องอธิปไตยเรื่องสิทธิเสรีภาพมีความสำคัญ จะเห็นได้ว่า 13จังหวัดมี สส.68หรือ80กว่าคน แต่ถ้าจังหวัดนั้นมี สส. แต่ไม่มี สว.สักคน หรือบางจังหวัดมี สว.14คน มี สว.9คน7คน มันก็ไม่ได้เป็นไปตามหลัก ก็ควรจะมีการตรวจสอบ ทั้งนี้ เราต้องให้ความเป็นธรรม
ส่วนที่มีคำพูดว่า“อั้งยี่ ซ่องโจร”เป็นข้อกล่าวหาของผู้ร้องและความผิดนี้ก็มีมา117ปีแล้ว เราแก้กฎหมายหลายครั้งแล้ว เพราะการเป็นสมาชิกบุคคลที่ปกปิดการดำเนินการ แม้มิชอบด้วยกฎหมาย มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เขาก็เขียนกฎหมายที่อยู่ในกลุ่มของความสงบเรียบร้อย ซึ่งไม่มีอะไร กรรมการก็จะใช้ดุลพินิจโดยไม่มีอคติและจะให้ความเป็นธรรม ส่วนกังวลเรื่องจะถูก สว.รวมรายชื่อยื่นถอดถอนออกจากรัฐมนตรีนั้น คือเราต้องทำตามกฎหมายและเราไม่กลั่นแกล้งใคร ไม่มีอะไรที่เราจะต้องกังวล ตนยินดี
ไม่กังวลสว.เข้าชื่อถอดถอนพ้นรมต.
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานยืนยันว่า คดีโพยฮั้ว สว.จะถูกบรรจุรับเป็นคดีพิเศษโดยการพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) อย่างแน่นอน ส่วนหากดีเอสไอต้องมีการสรุปสำนวนการสอบสวนในภายภาคหน้าเมื่อทำสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว ด้วยความที่เป็นการสอบสวนถึงกรณีเหตุการณ์ก่อนที่สมาชิก สว.ได้รับการเลือกเป็น สว.นั้น จะต้องสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษ ส่วนความผิดอื่นใดที่บุคคลอาจกระทำในขณะดำรงตำแหน่ง สว.นั้น ดีเอสไอไม่ได้ดูส่วนนี้ ดูเพียงความผิดอาญาอื่น คือเรื่องอั้งยี่
‘อนุทิน’มั่นใจ’บิ๊กเกรียง’ยังเอาอยู่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงประเด็น สว.สีน้ำเงิน ว่า ขออย่าไปผูก อย่างเรื่อง สว. ห้ามถามตนเลย เพราะตนเป็น สส. และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตนก็อ่านข่าว เยอะไปหมด พยายามจะโยงให้มาเกี่ยวข้อง แต่คนเขารู้จักกัน รู้จักกันทุกองค์กร รู้จักเป็นการส่วนตัวเป็นพรรคพวกกัน แต่เรื่องงาน เราไม่เกี่ยวข้องกัน เมื่อถามว่า เป็นการเอาคืนกันไปมา เพื่อล้ม สว.สีน้ำเงินใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เราก็เสพข่าวเท่ากันทุกคน ใครก็ตามที่ผิดกฎหมาย อย่าว่าแต่ สว.เลย สส.ถ้าที่มาไม่ถูกต้อง ก็ต้องถูกดำเนินการกฎหมายว่าอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น
ทุกอย่างให้ว่ากันไปตามกฎหมาย
เมื่อถามย้ำว่าในฐานะที่นายอนุทิน มีความสนิทสนมกับพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา มั่นใจหรือไม่ว่าจะเอาอยู่กรณี ฮั้ว สว.นายอนุทิน กล่าวว่า พล.อ.เกรียงไกร บอกกับตนตั้งแต่ตอนสมัคร สว.ว่า มีสมัครพรรคพวกมากและสมัครที่ จ.สุราษฎร์ธานี ก็มั่นใจว่าผ่านเข้ารอบ ตั้งแต่ตอนที่เป็นที่ปรึกษาให้กับตนยังถามเลยว่าไหวเหรอพล.อ.เกรียงไกร ก็บอกว่าวางแผนไว้นานแล้ว มีโอกาสก็ไป เข้ามาได้ด้วยตัวเอง เป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 สู้รบตบมือกับอริราชศัตรู ทำงานด้านความมั่นคงจน ฮ.ตก มาแล้ว ตนคิดว่าก็ต้องมั่นใจ ในคุณสมบัติ แล้วก็ได้เข้ามาจริงๆ หากถามตน เชื่อว่าคนอย่าง พล.อ.เกรียงไกร และอีกหลายคน มีคุณสมบัติ ซึ่ง พล.อ.เกรียงไกร ก็เป็นรุ่นพี่ ที่รักกัน เมื่อถามอีกว่ายืนยันได้หรือไม่ ว่า สว.ค่ายน้ำเงินเป็นเอกเทศไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ตอบกลับทันทีว่า ยืนยันไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยว ทุกฝ่ายที่เคลือบแคลงสงสัย หรือได้รับคำร้องใดๆ มา เขาก็มีขั้นตอนสอบสวนอยู่ว่าใครจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ก็ตามข่าวนั่นแหละ ขอให้ทำตามกฎหมายและเป็นธรรมและทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
นายกสภาทนายลั่น ไม่มีใครกดดัน
ที่สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนพหลโยธิน นายณฐพร โตประยูร อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วย ดร.วิเชียร รุจิธำรงกุล, นายสุรชัย ชินชัย ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร สว.และคณะ เข้ายื่นหนังสือ เรื่อง คดีฮั้วการเลือกตั้ง สว.โดยมี นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ในฐานะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อขอให้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษเป็นผู้รับ นายวิเชียร กล่าวว่า วันที่ 25ก.พ.นี้จะมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อพิจารณาว่า จะมีมติรับคดีกรณีดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษการสอบหรือไม่อย่างไร ตนในฐานะคณะกรรมการคดีพิเศษจะนำพยานหลักฐานในวันนี้ไปมอบให้ประธานคณะกรรมการคดีพิเศษในวันที 25ก.พ.นี้ ส่วนจะโหวตยังไงต้องดูเหตุผลประชุม แต่กรณี สว.ให้ข่าวบอกว่า มีการกดดันคณะกรรมการคดีพิเศษนั้น เป็นเรื่องไม่จริง ตนไม่เคยรับสายใคร หรืออาจจะเพิ่งกลับจากต่างประเทศด้วยและที่สำคัญไม่มีใครมากดดันตนได้
‘ณฐพร’โวมีคลิปหลักฐานกระทำผิด
ด้าน นายณฐพร กล่าวว่า ประเด็นเหล่านี้เคยร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแต่ปรากฏว่า ร้องผิดมาตรา ซึ่งตอนหลังเรามาสรุปแล้วว่า มาตราที่เราควรร้องคือมาตราอะไร เราจึงขอให้ทางสภาความช่วยเหลือในเรื่องการทำคำร้อง เรื่องนี้ต้องแยก2ส่วน ดีเอสไอทำเรื่องคดีอาญา ส่วนที่เราทำคือ เรื่องการเลือกตั้งไม่สุจริตยุติธรรม สภาทนายความจะทำทั้ง 2หน้าที่ คือส่งให้กรรมการคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษและทำความเห็นเรื่องเลือกตั้งไม่สุจริตฯ เพราะเรื่องนี้เชื่อว่า เมื่อตนร้องไปแล้วศาลรัฐธรรมนูญจะต้องทำความเห็นมายังสภาทนายความ ตรงนี้คือมีมาตรการที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบ มันจะเป็นหลักฐานเอกสารประกอบได้
“ที่ผมนเห็นความผิดปกติในการเลือกเมื่อประชาชนสมัครหวังจะให้ตัวเองได้ แต่พบว่าสมัครแต่ไม่ได้เลือกตัวเองและการรับรองบุคคลจะต้องมีหน่วยงานรับรอง เช่น สภาทนายความจะต้องเป็นผู้รับรองกลุ่มอาชีพทนายความ แต่ปรากฏว่ามีการออกหนังสือรับรองโดยไม่บอกคุณสมบัติกลายเป็นมีผู้ผ่านคุณสมบัติเต็มไปหมด กลายเป็นใครรับรองก็ได้ เรื่องการรับรองก็ผิดตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่าการเลือกตั้งต้องเป็นไปในทางยุติธรรม จะต้องสรรหาจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญจะต้องมีตำแหน่งอาชีพเกิน 20 ปี”นายณฐพร ระบุ
เล็งยื่นศาลรธน.สั่งเลือกตั้งสว.โมฆะ
แต่พบว่า มีการแจกเสื้อ มีการประชุมตามโรงแรมมีการแจกเงินตนอายุ 75 ปียังไม่เคยเห็นการเลือกตั้งครั้งไหนที่แย่ขนาดนี้ ตนมีหลักฐานการโอนเงิน แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ตนมีคลิปในการเจรจามีเสียงเเละภาพถ่าย หลายแห่งจากการฮั้วเป็นหลายส่วนมีการระบุว่า จะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ เมื่อไหร่ ยังไง จะเห็นได้ว่าคนที่เป็นที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเป็นคนที่สมัครรับเลือกตั้งมาก่อน ตนสามารถเชื่อมโยงว่ากลุ่มนี้เป็นใครมาจากไหนและใครเป็นหัวหน้าหน่วยใครเป็นคนดำเนินการ
จ่อเปิดผู้เขียนโปรมแกรมการฮั้ว
อย่างไรยังทราบอีกว่าคนที่เป็นคนเขียนโปรแกรมและการฮั้วทั้งหมดเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ตนจะเปิดเผยในศาลรัฐธรรมนูญ บางแห่งมีการสมัคร คนสมัครไม่ลงชื่อเลือกตัวเอง ตนมีข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงถึงพรรคการเมืองและตัวบุคคลที่เป็นระดับใหญ่ของพรรคการเมือง ดีเอสไอมีหน้าที่ดำเนินคดีอาญา หากบอร์ดกรรมการคดีพิเศษโหวตไม่รับ ก็ยังมีพยานหลักฐานที่สามารถนำส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งใจร้องให้การเลือกตั้งนี้เป็นโมฆะซึ่งคนพิจารณาคือ ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ตนมั่นใจว่าคดีนี้บอร์ดดีเอสไอจะรับ เพราะมีผู้สมัครซึ่งเป็นผู้เสียหายหลายคนไปแจ้งความดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องการทำให้เขาเสียสิทธิอย่างไรหากมีการยื่นศาลแล้วศาลก็จะสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลเอกสารครบถ้วนสามารถสืบสรุปทำคำวินิจฉัยได้เลย เรื่องนี้จุดเริ่มต้นมาจากการวางแผนให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐ ที่ตนบอกไว้ว่า มีทั้งคนเขียนแผนดำเนินการทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี