‘สิงคโปร์’ ชม ‘ทวี สอดส่อง’ ส่งเสริมสันติภาพ พัฒนาศักยภาพประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างเครือข่ายผู้นำชุมชนมุสลิมที่ประสบความสำเร็จในประเทศ ไทย

วันนี้ (27 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากห้องรับรองประจำกระทรวงยุติธรรม ชั้น 3 อาคารกระทรวงยุติธรรม  ว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายรวิศ สอดส่อง หัวหน้าคณะทำงานของ รมว.ยุติธรรม , น.ส.นรีลักษณ์ แพไชยภูมิ ผอ.กองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม , น.ส.อทิตยา ทองบุญ ผอ.กองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และคณะ ให้การต้อนรับ นายมาซากอส ซุลกิฟลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและครอบครัว รัฐมนตรีคนที่ 2 กระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีกำกับดูแลด้านกิจการมุสลิม สาธารณรัฐสิงคโปร์  ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการในห้วงการเยือนประเทศไทย

ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นการติดตามผลการหารือระหว่างทั้งสองฝ่ายในช่วงการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยชุมชนแห่งความสำเร็จ (International Conference on Communities of Success : ICCOS) ครั้งที่ 2 ซึ่ง รมว.ยุติธรรม ได้ร่วมการประชุมดังกล่าวระหว่างวันที่ 14 - 15 ตุลาคม 2567 ที่สาธารณรัฐสิงคโปร์ รวมทั้งแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างกันเกี่ยวกับการเสริมสร้างการพัฒนาชุมชนชาวมุสลิม และการสร้างเครือข่ายผู้นำชุมชนมุสลิมที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย

ที่ผ่านมา นายมาซากอส ซุลกิฟลี รัฐมนตรีฯ สิงคโปร์ ชื่นชมบทบาทการนำของ พ.ต.อ.ทวี ในการส่งเสริมสันติภาพ พัฒนาศักยภาพประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ รวมทั้งยินดีร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศไทย ทั้งด้านการประสานความสัมพันธ์ การพัฒนาศักยภาพ การให้ทุนการศึกษา การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในทุกมิติ ฯลฯ แก่ชาวมุสลิมที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีฯ สิงคโปร์ ได้เชิญชวนให้ประเทศไทยเข้าร่วมโปรแกรมการสร้างชุมชนแห่งสันติสุข ซึ่งมีสิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพ เพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพใน 3 หัวข้อ คือ 1.การจัดมัสยิดในวัฒนธรรมสมัยใหม่ 2.การเสริมสร้างคุณค่าในครอบครัว รวมถึงการช่วยเหลือคู่สมรสที่กำลังมีบุตร และ 3.การพัฒนาความเป็นผู้นำชุมชน พร้อมทั้งได้เชิญ รมว.ยุติธรรม เข้าร่วมการประชุม ICCOS ครั้งถัดไป โดยสิงคโปร์ยินดีและพร้อมสนับสนุนกระทรวงยุติธรรม ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์และแนวปฏิบัติในประเด็นข้างต้น ซึ่งการหารือข้อราชการครั้งนี้ นับเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสิงคโปร์ ให้มีความแน่นแฟ้น ซึ่งนำไปสู่การขับเคลื่อนความร่วมมือในด้านอื่นๆ ให้มีความก้าวหน้าต่อไป

015