‘ภูมิธรรม’เตือนซักฟอกในสภา

ห้ามพาดพิง‘แม้ว’

อ้างเจ้าตัวไม่ได้เป็นนายกฯ

ปัดตั้งองครักษ์พิทักษ์‘อิ๊งค์’

อย่าคิดไปไกลถึงขั้นยุบสภา

“ภูมิธรรม” ขอ “ฝ่ายค้าน” อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล สร้างสรรค์ อย่าใช้วาทะ หวังผลประโยชน์ทางการเมือง ชี้ “นายกฯ-รมต.” พร้อมถูกตรวจสอบลั่นต้องรับผิดชอบ พูดพาดพิง “ทักษิณ” เพราะไม่ใช่นายกฯ ย้ำไม่ต้องจัดองครักษ์พิทักษ์ “แพทองธาร”

อย่าคิดถึงขั้นอภิปรายจนต้องยุบสภา ‘สุดารัตน์’ให้แค่1วันหนีการตรวจสอบ’ไม่เป็นผลดีต่อตัว‘นายกฯอุ๊งอิ๊งค์’เอง ชี้ถ้ามั่นใจว่า ตั้งใจทำ‘การเมืองสุจริต’ ตอบข้อซักถามได้ดี กลับจะทำให้รัฐบาลได้มีโอกาสแสดงผลงาน เป็นผลดี ย้ำการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการวัด‘ศรัทธาประชาชน’มากกว่าจำนวนมือในสภา

เมื่อวันที่ 28กุมภาพันธ์2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณและกำลังพลว่า ตนมองว่า นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ใช้วิจารณญาณที่ดี เป็นสิทธิที่จะตรวจสอบ กระทรวงกลาโหม ก็มีความมั่นใจว่า สิ่งที่เราทำทั้งหมดถูกต้อง เป็นไปตามกระบวนการ เพราะฉะนั้นมีสิทธิที่จะตั้งคำถาม เพื่อการตรวจสอบได้ เพราะเป็นการทำหน้าที่ ซึ่งเราต้องทำตามหน้าที่ของเรา ในการชี้แจงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ได้รับทราบ อยากให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ว่า จะอภิปรายกระทรวงไหน อยากให้อภิปรายด้วยการสร้างสรรค์และคิดว่า เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายหรือไม่ หากมีปัญหาส่วนไหน อยากให้หยิบสิ่งที่เป็นรูปธรรมขึ้นมา ไม่อยากเห็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยการใช้วาทะ วาจาหรือคำพูด มาส่อให้เกิดความไม่เข้าใจในสังคม ขอให้พูดด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริง แจงออกมาชัดเจน ยืนยันได้ เราก็ดำเนินการแก้ปัญหาทันที หากใครผิด ก็ว่ากันไปตามผิด

พท.ชี้พาดพิง’แม้ว’รับผิดชอบกันเอง

ส่วนที่ฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนเดียว อาจมีจุดประสงค์พาดพิง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐบาลเตรียมรับมือและสนับสนุนนายกรัฐมนตรีอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่เราจะทำทั้งหมด เอาความจริงใจและความปรารถนาดีต่อประเทศชาติเป็นที่ตั้ง รัฐมนตรีทุกคนและนายกรัฐมนตรี พร้อมรับการตรวจสอบ ส่วนการไปดึงคนนอกเพื่อมาหวังผลทางการเมืองของตัวเอง ต้องคำนึงว่า การไปดึงคนนอกเข้ามา หากผิด ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย และนายทักษิณ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจไปซักฟอกนายทักษิณ วันนี้อยากซักฟอกนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ก็ซักฟอกได้ทันทีตามกฎหมาย

ไม่ถึงขั้นยุบสภา-อย่าคิดไกลเกิน

เมื่อถามว่า ต้องจัดทีมปกป้องนายกรัฐมนตรีเป็นพิเศษหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ต้องจัดทีม ขอให้เอาความเป็นจริง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความพร้อม และรัฐมนตรีมีความพร้อม ขอให้ถามตรงประเด็น อย่าถามอะไรไปเรื่อย ให้เกิดความคลางแคลงใจในตัวรัฐบาล เพราะวันนี้ประเทศอาการหนัก ไม่ได้พูดให้กลัว แต่เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะฉะนั้นทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่รัฐบาลต้องช่วยกันแก้ปัญหา อย่าถือดีถือเด่น อย่าพยายามเอาชนะทางการเมือง อย่าหวังผลคะแนนเลือกตั้งครั้งหน้า และใช้เกมทรงการเมืองมาอภิปรายไม่ไว้วางใจมาทำลายเครดิตกัน เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านตั้งเป้าจะซักฟอกรัฐบาล จนนำไปสู่การยุบสภา นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าคิดอะไรเยอะขนาดนั้น ให้ว่าไปตามกฎหมาย

‘ทักษิณ’สัญจรเมืองคอน1มีนาคม

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ในวันที่ 1 มีนาคม 2568 นายทักษิณ มีกำหนดการที่จะเดินทางไป จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเป็นประธานในพิธียกฉัตรพระประธานและทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและสมทบทุนก่อสร้างอุโบสถ ที่อุโบสถวัดสุทน ต.ทุ่งใส อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยจะเป็นการเดินทางไปเช้าเย็นกลับ สำหรับกำหนดการดังกล่าวคือ เวลา 09.00 น. นายทักษิณ จะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังสนามบินนานาชาตินครศรีธรรมราช จากนั้น เวลา 10.00 น.เริ่มพิธียกฉัตรและทอดผ้าป่า และในเวลา 11.30-11.40 น. นายทักษิณพบปะและพูดคุยกับผู้ที่มาร่วมงาน จนกระทั่งเวลา 11.40 น.นายทักษิณพร้อมคณะ ออกเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารเขาพลายดำรีสอร์ท และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเวลา 13.00 น.ทั้งนี้ มีรัฐมนตรีและสส.ร่วมคณะด้วย อาทิ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรค พท. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ อดีตรมว.วัฒนธรรม นายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช ผู้อำนวยการพรรค พท. นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

‘สุดารัตน์’ชี้ให้1วัน-หนีการตรวจสอบ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐบาลจะให้เวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เพียง 1วัน ว่า ถ้ารัฐบาลทำเช่นนั้นแสดงให้เห็นถึง“ความกลัว”และความพยายาม “หนีการตรวจสอบ” ของนายกฯ และรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตัวนายกฯ อุ๊งอิ๊งเอง ถ้านายกฯ มั่นใจว่าตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน และทำการเมืองสุจริต อย่ากลัวการอภิปราย และถ้านายกฯ ตอบข้อซักถามได้ดี กลับจะทำให้รัฐบาลได้มีโอกาสแสดงผลงาน เป็นผลดีต่อนายกฯและรัฐบาลเอง ยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ไม่ใช่เกมการเมืองในสภา จะไม่มีการใส่ร้ายป้ายสีในสิ่งที่เป็นเท็จ แต่จะตรวจสอบจากข้อมูลข้อเท็จจริงที่ปรากฏใน 3กรอบคือ 1.ความล้มเหลวในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ผิดพลาด ทำให้เศรษฐกิจทรุดตัว ประชาชนหมดความหวัง และไม่มีอนาคต2. การทุจริตที่เกิดขึ้นจริง โดยฝ่ายค้านมีข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เข้าข่ายทุจริตของผู้ใต้บังคับบัญชาของนายกฯ3.

ศรัทธาปชช.สำคัญกว่าเสียงโหวต

“การทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งหลายนโยบายที่อ้างว่า เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่มีนัยยะซ่อนเร้นผลประโยชน์ส่วนตัวมหาศาลและสร้างความเสียหายระยะยาวต่อประเทศ การอภิปรายเป็นแค่พิธีกรรมทางการเมือง แต่เราต้องนำข้อมูลข้อเท็จจริงมาตรวจสอบการทุจริตทั้งในเชิงงบประมาณ เชิงอำนาจและการทุจริตเชิงนโยบายจริงหรือไม่ และที่สำคัญ รัฐบาลจะตอบประชาชนได้หรือไม่ว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ กำลังจะนำพาประเทศเดินไปทิศทางไหน อนาคตของประเทศเป็นอย่างไร ทำไมเศรษฐกิจถึงย่ำแย่ลงทุกวัน ทำไมคอร์รัปชันจึงสูงต่อเนื่อง นายกฯจึงควรจะตอบคำถามเหล่านี้ให้ชัดเจน”คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำ

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องเรื่องเวลาการอภิปรายว่าฝ่ายค้านขอไว้5วัน แต่หากรัฐบาลต้องการลดเวลาลง อาจถูกมองว่าพยายาม”หนีการตรวจสอบ”ดังนั้นถ้ารัฐบาลมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดอะไร ก็ควรเปิดพื้นที่ให้มีการอภิปรายอย่างเต็มที่ ประชาธิปไตยต้องโปร่งใส การเมืองต้องสุจริต นายกฯ จึงต้องพร้อมตอบทุกข้อกล่าวหา ซึ่งผลของการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่ได้วัดแค่เสียงโหวตในสภา แต่ศรัทธาของประชาชนสำคัญกว่า จะเป็นการตัดสินของประชาชนทั่วประเทศว่า รัฐบาลชุดนี้ยังควรได้รับความไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไปหรือไม่

‘เทพไท’ยันซักฟอกโยง’แม้ว’ได้

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “อุ๊งอิ๊ง ประกาศตั้งองครักษ์อย่างเปิดเผย”โดยระบุว่า หลังจาก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ทำให้ถูกใจคอการเมืองแบบฮาร์ดคอร์จำนวนมาก ที่พรรคฝ่ายค้านล็อกเป้าอภิปรายไม่ไว้วางใจ แบบเฉพาะเจาะจงมุ่งไปที่ตัวนางสาวแพทองธาร ซึ่งเปรียบเสมือนกล่องดวงใจของนายทักษิณผู้เป็นพ่อ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้จะกระทบชิ่งไปยังนายทักษิณโดยตรง ซึ่งเป็นสิทธิของฝ่ายค้านสามารถอภิปรายถึง นายทักษิณ ได้ เพราะได้เขียนไว้ในญัตติว่า ยังสมัครใจยินยอมให้ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาชี้นำชักใยให้กระทำการ หรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง ที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ ดังนั้นการที่ สส.พรรคเพื่อไทย ออกมาข่มขู่และอ้างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ห้ามอภิปรายพาดพิงถึงบุคคลภายนอกนั้น ไม่สามารถใช้กับการอภิปรายในครั้งนี้ได้ เพราะนายทักษิณเป็นบุคคลที่ถูกระบุชื่อไว้ในญัตติ ถ้าหากผู้อภิปรายได้อภิปรายทำให้นายทักษิณเสียหาย ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ก็เป็นความรับผิดชอบของผู้อภิปรายเอง แต่เชื่อว่าไม่สามารถเอาผิดผู้อภิปรายได้ เพราะนายทักษิณเป็นบุคคลภายนอกก็จริง แต่เป็นบุคคลสาธารณะและเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลนี้โดยตรง ตามญัตติที่เสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร

จับตาลูกสมุนประท้วงวุ่นโชว์นาย

ส่วนตัวเชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ เป้าหมายหลักคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายทักษิณโดยตรง ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง ส่วนนางสาวแพทองธาร เป็นแค่นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด คงจะมาตอบคำอภิปรายตามข้อบังคับเท่านั้น และเชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้จะมีองครักษ์เป็นจำนวนมาก เพราะนางสาวแพทองธารได้ยอมรับกับสื่อมวลชนแล้วว่า จำเป็นต้องตั้งองครักษ์ขึ้นมาช่วยอย่างแน่นอน จึงเป็นการเปิดทางให้พวกองครักษ์ทั้งหลาย ที่ต้องการเสนอหน้าเอาความดีความชอบต่อนายทักษิณ ลุกขึ้นประท้วงกันอย่างวุ่นวายแน่นอน ขอให้จับตาดูว่าการอภิปรายครั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านจะกระแทกตรงไปยังนายทักษิณ และกระทบชิ่งมายังนางสาวแพทองธารอย่างไร และจะตอบคำถามของผู้อภิปรายได้มากน้อยเพียงใด จะเป็นการวัดกึ๋นว่าเหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่