(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

(12) กรมราชทัณฑ์ได้หารือกรณีกรมราชทัณฑ์ได้มีคำสั่งลงโทษข้าราชการรายหนึ่งจากไล่ออกเป็นลดขั้นเงินเดือน 2 ขั้น และสั่งให้กลับเข้ารับราชการตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีแล้วโดยสั่งให้ผู้นี้กลับเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้รับเงินเดือนระดับ 1 ขั้น 1,470 บาท ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2531 และให้ลงโทษลดขั้นเงินเดือน 2 ขั้น จาก 1,470 บาทเหลือ 1,325 บาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2531 เป็นต้นไป จึงหารือว่า กรมราชทัณฑ์จะปรับเงินเดือนให้ผู้นี้ ตามหนังสือสำนักงานก.พ.ที่ นร 0610/ว1 ลงวันที่7 กุมภาพันธ์ 2527 ได้หรือไม่ ประการใด(สำนักงานก.พ.)

สำนักงานก.พ.พิจารณาแล้ว เห็นว่ากรณีนี้ กรมราชทัณฑ์โดยมติอ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทยได้สั่งไล่ผู้นี้ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2529 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ.2530 และผู้นี้ได้อุทธรณ์คำสั่งต่อก.พ. ที่สุดนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กรมราชทัณฑ์ลดโทษจากไล่ออกเป็นลดขั้นเงินเดือน 2 ขั้น ตามมติก.พ.นั้น ก.พ.ได้เคยพิจารณาเรื่องทำนองนี้แล้วเห็นว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาเรื่องการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติ ในวโรกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ. 2526 โดยเห็นว่าถ้าการพิจารณาอุทธรณ์ ฟังได้ว่ายังมีโทษอยู่ ไม่ว่าโทษจะหนักขึ้นหรือเบาลงหรือเท่าเดิมก็ตาม ผู้อุทธรณ์ย่อมเป็นผู้ถูกลงโทษทางวินัยจึงได้รับการล้างมลทิน ซึ่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ.2530 ก็มีสาระทำนองเดียวกัน ดังนั้น เมื่อกรมราชทัณฑ์ได้มีคำสั่งลดโทษผู้นี้จากไล่ออกเป็นลดขั้นเงินเดือน 2 ขั้น ผู้นี้จึงได้รับการล้างมลทินแล้ว กรมราชทัณฑ์จึงไม่อาจลดขั้นเงินเดือนตามคำสั่งกรมราชทัณฑ์ที่ 339/2531 ลงวันที่7 กรกฎาคม 2531 ได้ ผู้นี้ได้รับเงินเดือนขั้น 1,470 บาทเท่าเดิมกรณีจึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องการปรับเงินเดือนให้ผู้นี้ตามที่หารือแต่ประการใด (หนังสือสำนักงานก.พ.ที่นร0713/683 ลงวันที่ 5 ตุลาคม 2531)

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)