‘นายกฯอิ๊งค์’ตรวจการบ้าน‘รมว.คลัง’ รายงานแผนงานสั้น-กลาง-ยาว สั่งเร่ง‘ปิดดีล’ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เปิดตลาดใหม่กระตุ้นส่งออก ปรับโครงสร้างพลังงาน
เมื่อเวลา 14.28 น.วันที่ 3 มี.ค.68 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวิตข้อความผ่าน X และโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมภาพขณะนั่งพูดคุยหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โดยมีข้อความระบุว่า...
ในการประชุม คณะรัฐมนครี(ครม.)สัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันได้ให้นายพิชัย ทำแผนงานกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้จีดีพีโต 3-3.5% โดยในวันนี้หลังประชุม ครม. นายพิชัยได้รายงานความคืบหน้าจากการหารือกับกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงบประมาณ และ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.)โดยแบ่งแผนงานดังนี้แผนการดำเนินงานระยะสั้น-กลาง โดย
1.เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ กองทุนต่างๆ ซึ่งมีเงินค้างอยู่กว่า 1 แสนล้านบาท
2.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ และผันเม็ดเงินไปสนับสนุนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ
3.เร่งการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)ซึ่งในปี 2567 มีการยื่นขอสนับสนุนราว 1.14 ล้านล้านบาท โดยเราจะช่วยดูแลอำนวยความสะดวกเรื่องการรายงานผลการศึกษาจัดอันดับความยากง่าย ในการประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆทั่วโลก (Ease of Doing Business)โดยเฉพาะเรื่องใบอนุญาตต่างๆ
4.เร่งปิดดีลการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ระบบน้ำ เพื่อสอดรับกับความต้องการทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภค รวมถึงโครงการแลนด์บริดจ์ รถไฟเชื่อมต่อกับจีน ขยายสนามบินและท่าเรือ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่ง ตามนโยบาย Ignite Thailand หรือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้วิสัยทัศน์
5.กระตุ้นการส่งออก เช่น การเปิดตลาดใหม่ เร่งเจรจากับประเทศคู่ค้า ลดคอขวดด้านพิธีการส่งออก โดยดิฉันขอให้ดูแลเรื่องราคาสินค้าเกษตรควบคู่ไปด้วย 6.ด้านการท่องเที่ยว เน้นการจัดงาน เทศกาล เพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวและทำให้ระยะเวลาในการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว อยู่ในประเทศนานขึ้น
สำหรับแผนระยะกลาง-ยาว เน้นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน 1.เริ่มปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมแบบ Sandbox โดยยึดความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนไป และการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมเดิม 2.ปรับโครงสร้างด้านราคาพลังงาน และการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน เช่นนโยบายการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement) หรือ Direct PPA
และโครงการของภาครัฐ ที่ให้บริการจัดหาใบรับรองการซื้อพลังงานไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff : UGT) เพื่อตอบโจทย์มาตรฐานการค้าการลงทุนปัจจุบัน และ 3.เร่งปฏิรูปด้านเกษตรแบบ Sandbox โดยใช้ตลาดนำ เริ่มจากสินค้าเกษตรหลัก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และอ้อย เน้นเรื่องความสมดุลอุปสงค์-อุปทาน พัฒนาปัจจัยทุน ได้แก่ ดิน เมล็ดพันธุ์ น้ำ และเพิ่มผลิตภาพ ทั้งหมดนี้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ทั้งนี้ โอกาสต่อไป คณะทำงานจะหารือเพิ่มกับภาคเอกชนผ่านคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย
และจัดทำเป็นแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 2 สัปดาห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี