แฉพกโพยเข้าคูหาฮั้วเลือกสว.
ลามโยงเลขาฯกกต.
ไฟเขียวผู้สมัครนำเข้าไป
ปูดซ้ำจ่ายตอบแทนเพียบ
สว.สำรองตามทุบสีน้ำเงิน
ล้ำเส้นเล่นงาน‘ทวี-ดีเอสไอ’
กลุ่มอดีตผู้สมัครและสว.สำรอง ตามแฉไม่ยั้ง ขบวนการฮั้วเลือกสว.ระบุถ้าใครทำเข้าเป้า ให้เงินแสน วางแผนตั้งแต่ระดับอำเภอ ปูดหนักข้อมีโพยอยู่หลัง“สว.3”ทั้ง 20 กลุ่ม ลามแฉ“เลขาฯกกต.”ไฟเขียว ผู้สมัครเอาโพย เข้าห้องได้ ขณะเดียวกัน กลุ่มสว.สำรองบุกยื่น ประธาน ‘วันนอร์’ฟัน สภาสูง 67 ปมจริยธรรม ขัดขวางการทำหน้าที่คดีฮั้วชิง สว.ของ‘ทวี-ดีเอสไอ’ ด้าน รมว.ยุติธรรม ทุบโต๊ะประชุมบอร์ดคดีพิเศษ 6 มี.ค.ต้องจบว่าจะรับหรือไม่รับคดีฉาวเป็นคดีพิเศษหรือไม่
เมื่อเวลา10.00น. วันที่ 3 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา กลุ่มตัวแทนผู้สมัคร สว.กว่า 30 คน ทั้งกลุ่มสว.สำรอง และผู้สมัครสว.อื่นๆนำโดยนายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง รวมถึงภาคประชาชน เข้ายื่นหนังสือ ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทาประธานรัฐสภา ผ่านนายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้สอบจริยธรรม สว. ที่ร่วมลงชื่อพิจารณาไต่สวนและดำเนินการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เกี่ยวกับการกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยนายอัครวัฒน์ กล่าวว่า การเลือกตั้ง สว. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล หรือมีพฤติกรรมการจัดตั้ง ตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด จนถึงระดับประเทศ เรามองว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมามันไม่เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรมและมีการร้องเรียนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
“แต่ 8 เดือนแล้วประมาณ 8 เดือนแล้ว แทบ ไม่ได้มีผลงานอะไรออกมาจาก กกต. เลย ว่าท่านสามารถทำคดีต่างๆที่เกี่ยวกับการเลือก สว. 2567 ลุล่วงไปได้ขนาดไหน เรื่องคุณสมบัติที่ผ่านมา แค่ตรวจสอบเลขใบสมัคร สว.3 ก็ใช้เวลาสิ้นเปลืองอย่างมากมาย เป็นการส่งผลเสียต่อระบอบประชาธิปไตย เพราะ สว.เหล่านั้นอาจจะเข้ามาหาโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม แล้วเข้ามาอยู่ในกระบวนการการเลือกตั้งสรรหาหน่วยงานองค์กรอิสระต่างๆ มันจะส่งผลให้เกิดเป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรมตามกฎหมายของบ้านเมือง”นายอัครวัฒน์ กล่าว
ร้องผ่านผู้ตรวจการ/ปปช.อีกทาง
นายอัครวัฒน์ กล่าวต่อว่าเราได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน สุดท้าย ได้ไปพึ่งกระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอได้เห็นแล้วว่าที่ผ่านมามีการทำโพยในการฮั้ว มีการรวมพลว่าจ้างจัดตั้งเป็นจำนวนมาก ซึ่งผิดกฎหมาย ต่างกรรมต่างวาระกันหลายมาตรา
นายอัครวัฒน์ กล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้ที่เข้ามาแสวงหาอำนาจเข้ามาสู่ระบบการเมืองไม่ได้คำนึงถึงรัฐธรรมนูญเลย ว่าการเป็นปวงชนชาวไทยที่ดีควรทำอย่างไรบ้าง ท่านละเมิดกฎหมายหลายข้อ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายอำนาจใดๆทั้งสิ้น อุกอาจ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยเสียหาย กลับกัน มี สว. กลุ่มหนึ่งยื่นหนังสือต่อรัฐสภา เพื่อขอให้ยื่นต่อไปที่ ป.ป.ช. เอาผิด 157 ซึ่งประชาชนทั้งประเทศทราบดีว่าเอาผิดข้าราชการที่ประพฤติตัวไม่ดี ซึ่งเราต้องส่งเสริมหน่วยงานที่ดี ให้เขาได้ทำคุณงามความดี องค์กรเหล่านั้นมีหน้าที่ปฏิบัติตนเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ เราไม่ส่งเสริม นักการเมืองกลุ่มหนึ่งกำลังไปซ้ำเติม
โพยพยานคดีฮั้วของแท้
“ท่านกำลังขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ อย่างไร” นายอัครวัฒน์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ปรากฏโพยพยานคดีฮั้ว สว. 1,200 รายชื่อ กลุ่ม สว.สำรองมีข้อมูลหรือไม่ นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า มีรายละเอียดและข้อมูลว่าแต่ละท่านมีที่มาที่ไปอย่างไร มีใครอยู่ในโพยบ้าง จึงอยากจะขอแจ้งไปยังผู้ร่วมขบวนการทำผิด หากเห็นหรือทราบ จากสื่อต่างๆขอแนะนำ ให้ไปติดต่อที่ ดีเอสไอ ไปเป็นพยานดีกว่า เพราะจะติดนานถ้าสารภาพติดน้อยดังนั้นเป็นพยานดีที่สุด ส่วนที่ทำให้ 1,200 ชื่อที่หลุดไปในสื่อนั้นไม่ทราบแต่รู้ว่ากระบวนการนี้มีการใช้คนจำนวนมากเพื่อบล็อคโหวตให้เป็นไปตามที่ต้องการ และเท่าที่เห็นขบวนการที่พวกเราลงสมัครเลือก สว.โดยตรง รายชื่อส่วนหนึ่งที่สมัครสว. และมีสมาชิกวุฒิสภาที่อยู่ในสภาปัจจุบัน ทั้งหมด
คนบริสุทธิ์ไม่ต้องร้อนรน
“คนที่เข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ความโปร่งใส ย่อมเป็นธรรมดา เขาไม่มีความร้อนรนกับเรื่องใดๆ ที่จะเกิดขึ้น เพราะความจริง ทำให้เขามีความสบายใจ แต่กลับกัน คนที่มาด้วยความไม่บริสุทธิ์ ไม่มีความเที่ยงตรงเที่ยงธรรม ใช้กลอุบาย ใช้ช่องว่างของกฎหมาย เข้ามาโดยวิธีที่ไม่ชอบ จะร้อนรนเป็นธรรมดา ผมเชื่อว่ารายชื่อทั้งหมดที่อยู่ในเอกสารชุดนี้ คงจะพอทราบว่าลำดับแต่ละคนหมายเลขอะไร ได้คะแนนเท่าไหร่ ก็เอาไปเปรียบเทียบกันเองก็แล้วกันนะครับ” นายอัครวัฒน์ กล่าว
และว่า มีบุคคลที่พลีชีพลงไปเลือก สว. เพื่อให้ได้เงินได้ทอง เลือกตามโพย แต่ละโพยเกิดขึ้นในสายรอบไขว้ เมื่อมีการเลือกตามโพยใช้คนเข้าไปเลือกตามที่วางแผนกันไว้ โอกาสที่จะเกิดขึ้นมันแทบเป็นไปไม่ได้ว่าคนเป็น พันคนจะเลือกเหมือนกันเป๊ะทุกช่อง เมื่อมาดูคะแนนจากผลสัมฤทธิ์ของรายชื่อ อันดับ 1-6 คะแนนจะสูงมาก ซึ่งอยู่ในโพยตามที่เราได้มาแสดงให้ดู
โพยหลุดว่อนไปทั่ว
ทั้งนี้ นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ตัวแทนกลุ่มสว.สำรอง ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกรณีที่การระบุมีเจ้าหน้าที่ของ กกต. อนุญาตให้ผู้สมัครสว.นำโพยเข้าไปในวันเลือกได้ว่า เรื่องนี้มีโพยหลุดออกไปเป็นจำนวนมาก โดยแต่ละกลุ่มที่ได้รับเอกสารมาก่อนที่จะเดินเข้าห้องเลือกที่เมืองทองธานี มีการเขียนไว้ที่ใบข้อมูลแนะนำตัว หรือ “สว.3” และเขียนใส่กระดาษเพื่อให้ติดตัวไว้ และเมื่อมีการตรวจสอบ และประกาศว่าห้ามเอาเอกสารเข้าหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งในระหว่างนั้นมีผู้ตรวจการเลือกตั้ง ได้พบพฤติกรรมการอนุญาตให้นำโพยเข้าไปหน่วยเลือกตั้งได้โดยที่กกต. บอกว่าให้เอาเอกสารเข้าไปได้ ทำให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งสงสัยว่าถ้าปล่อยให้ขบวนการนี้เกิดขึ้น คงจะมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้ในคืนวันเลือกตั้งไปร้องต่อกกต.แต่ไม่ได้เป็นผลอะไร จนการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงผู้ตรวจการเลือกตั้งจึงได้ไปแจ้งความต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ที่กกต.มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องโพยกลับกลายเป็นว่าคณะกรรมการเป็นลูกน้องของผู้ที่ถูกร้อง คือนายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. ที่แต่งตั้งลูกน้องขึ้นมาให้ตรวจสอบตัวเอง จึงเป็นไปได้ยากที่จะได้รับความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามผู้ร้องได้มีการให้ปากคำต่อดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว
เผย”แสวง”อนุญาตใช้โพย
เมื่อถามว่าแสดงว่านายแสวง ให้เอาโพยเข้าไปใช่หรือไม่ นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า จากที่ผู้ตรวจฯไปให้ปากคำต่อดีเอสไอ แจ้งว่านายแสวง เป็นคนอนุญาตให้เอาโพยเข้าไปได้ ซึ่งมีในใบสว.3 และกระดาษจะถูกเขียนด้วยโพยอยู่ด้านหลังเป็นตารางทั้ง 20 กลุ่ม มีตัวเลขระบุให้เลือกตามช่อง ซึ่งเรามีหลักฐานเป็นสว.3 ที่ยึดมาได้ อยู่ที่ดีเอสไอจำนวนมาก
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ระบุ เขาให้เขียนโพยเข้าไปได้เพราะผู้สมัครอาจจะจำได้ไม่หมด นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาโพยเข้าไป เพราะเป็นการทุจริต แต่สว.3 ที่เขาแจกมาให้เพื่อทุกคนได้ศึกษาว่ากลุ่มต่างๆชอบใคร หากมีโอกาสได้ไขว้กันเราสมควรจะเลือกใคร ซึ่งคนที่เลือกก็ต้องเปิดดูประวัติในสว.3 แต่ที่ไม่ยุติธรรมที่สุดคือการเขียนโพยเป็นร้อยๆโพย อยู่หลังสว.3 แล้วเลือกตรงกันทั้งหมดทั้งประเทศ
อึ้งถ้าทำได้ก็รับทรัพย์1แสน
“ยกตัวอย่าง จากเอกสารตัวจริงที่อยู่ที่ดีเอสไอแล้ว ซึ่งเป็นการเขียนด้วยลายมือของแต่ละคนหลากหลาย ซึ่งเขาบอกว่าทุกคนต้องเขียนด้วยลายมือตัวเอง และมีเทรนเนอร์ไปสอนว่าต้องเขียนโพยอย่างไป และเมื่อเข้าไปสู่กระบวนการเลือกตั้งเขามีข้อกำหนดว่า ห้ามเปิดดูสว.3 เป็นอันขาด ถ้าใครเปิดดูสว.3 เขาจะหักเงิน จะไม่จ่ายเท่าที่ตกลงกันไว้ คือก่อนเดินทางมาจ่าย 2 หมื่นบาท ขากลับจากเมืองทองให้อีก 3 หมื่นบาท ถ้าได้เกิน 120 คน จ่ายให้อีกเป็นแสน ”นายอัครวัฒน์ กล่าว
นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า การที่ต้องยื่นให้มีการตรวจสอบการฮั้วเลือกตั้งสว.เพราะเห็นว่าเป็นขบวนการที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นขบวนการที่ทำลายระบอบประชาธิปไตย ซึ่งวิธีการคือการแข่งขันกันระหว่าง 2 ฝ่าย คือฝ่ายจัดตั้ง ฝ่ายฮั้ว ฝ่ายบล็อคโหวต และอีกฝ่าย คือมาสมัครด้วยความบริสุทธิ์ ใสซื่อ เป็นอิสระทั้งนี้ พวกตนไม่ได้เห็นด้วยที่จะให้การเลือกตั้งสว.เป็นโมฆะเพราะกฎหมายและระเบียบออกมาดีแล้ว แต่มีคนที่ใช้ช่องว่างเอาชนะด้วยเทคนิคต่างๆ เราจึงอยากให้กระบวนการยุติธรรมนำผู้กระทำความผิดมารับโทษตามกฎหมายให้ได้เพราะหลักฐานที่กกต.ไม่ยอมเปิด ซึ่งเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วทั้งจากกล้องวงจรปิด กระบวนการจัดการเลือกตั้ง
พิรุธแต่งตัวเหมือนกกต.
“ทำไมผู้สมัครที่มาจากสายบล็อคโหวตหรือฮั้วต้องแต่งตัวแบบเดียวกับเจ้าหน้าที่กกต. และคะแนนที่อยู่ในหีบเลือกตั้งไม่ว่าจะเช้าหรือบ่ายก็ตรงกับในโพย ซึ่งหลักฐานที่จะทำให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษได้คือการจ่ายเงินโอนเงิน เส้นทางการเงินเรามีหมด การพูดคุยทางโทรศัพท์ การนัดหมาย รวมถึงการเข้าไปพักในโรงแรมต่างๆในเขตปริมณฑลซึ่งถูกจัดขึ้นทั้งนั้น ซึ่งใช้คนเป็นจำนวนมากในการสอนให้ผู้เลือกแต่ละคนทำตามที่บอก ถือเป็นพยานหลักฐาน ที่จะมัดผู้ร่วมขบวนการในครั้งนี้ได้”นายอัครวัฒน์ กล่าว
เมื่อถามว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าการตรวจสอบครั้งนี้ จะไม่ล้มทั้งกระดาษ เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการฮั้วตั้งแต่ระดับอำเภอ นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า เราคัดค้านที่จะให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ เพราะไม่ใช่ความผิดของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นความผิดของขบวนการ ซึ่งมีการนี้ฮั้วกันมาตั้งแต่ยังไม่ประกาศกฤษฎีกาเลือกตั้ง มีการวางแผนกันมาตั้งแต่เห็นรัฐธรรมนูญแล้ว ว่าจะทำอย่างไรจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยมีการรวบรวมกลุ่มและใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ตั้งแต่ระดับอำเภอมา โดยมีการออกเงินให้ขนคนมาเลือกตั้งสว.มาจนถึงระดับจังหวัดและประเทศคือกระบวนการที่ต่อเนื่องกันมาจนได้สว.ตามโพยที่เขาวางไว้ ดังนั้น จะต้องหาคนผิดมาลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
“ทวี”ย้ำ6 มีนาคมต้องจบ
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีเอกสารหลุดรายชื่อผู้สมัคร สว. และผู้ได้รับเลือก สว. ประมาณ 1,200 ราย เป็นบุคคลที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมเรียกสอบปากคำในฐานะพยานในคดีฮั้วเลือก สว. ว่า เอกสารดังกล่าวไม่ได้หลุดจากดีเอสไอ แต่ได้สอบถามไปว่าในวันที่มีการเลือก สว. ที่เมืองทองธานี มีการเลือกประมาณ 3000 รายเศษ ทราบว่ามีโพยและรายชื่อประมาณ 1,000 คน ซึ่งน่าจะเป็นข้อมูลชุดนี้มากกว่า ในส่วนของดีเอสไอจะตรวจสอบรายชื่อที่เข้ามา และอาจมีมากกว่าประมาณ 1,200 คน ซึ่งการที่มีรายชื่อไม่ได้ยืนยันว่าเขาทำผิดหรือไม่ ตามหลักการของดีเอสไอ จะพยายามเรียกทุกคนที่รู้เห็นมาให้ข้อมูล ส่วนจะเป็นข้อมูลใหม่หรือไม่ ต้องไปถามพนักงานสอบสวน แต่ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกเมืองทองธานี ก็ต้องมาให้ข้อมูล แต่ขอให้มีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ก่อน เพราะยังไม่มั่นใจว่าเป็นคดีพิเศษหรือไม่ แต่ทุกอย่างต้องจบ
ไม่ตกใจพยานคดีฮั้วสว.
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา(สว.) กล่าวถึงกรณีที่รายชื่อพยานที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ จำนวน 1,200 รายชื่อหลุดออกมาว่า ไม่กังวล ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของเขา แต่อย่าลืมว่าถ้ามีการให้ข่าวข้อมูลที่เป็นความลับที่ไปพาดพิงถึงบุคคลใดทำให้เขาเสียหาย เขาก็มีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตลอดทั้งช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อ สว.ที่อยู่ในกลุ่ม 138 คน แต่ไม่สามารถติดต่อ บางคนไม่รับสาย บางคนปิดเครื่อง ซึ่งอาจเป็นเพราะวันนี้มีการประชุมวุฒิสภา ในขณะที่สมาชิกบางคนไม่สะดวกที่จะพูดถึงเรื่องนี้ เพราะอยู่ในกระบวนการของดีเอสไอแล้ว ไม่อยากก้าวล่วง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี