ให้เลิกมโนเหตุรุนแรง
‘บิ๊กอ้วน’ยันดูแลเข้ม
พร้อมพาสื่อเยือนจีน
ติดตามอุยกูร์ 40 ชีวิต
นายกฯยืนยัน ส่ง 40 อุยกูร์กลับจีนทำตามสิทธิมนุษยชน ย้ำไทยปลอดภัยพร้อมสร้างความเชื่อมั่นกับต่างประเทศ“ภูมิธรรม”ติงอย่าใช้จินตนาการว่า จะเกิดเหตุรุนแรงในไทย ยันฝ่ายความมั่นคงดูแลเต็มที่ตลอด ไม่หวั่นถูกยกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ต้องใช้หลักฐานเป็นรูปธรรม เตือนหยุดพูดทำร้ายปท. ‘ทวี’ขอหารือ‘บิ๊กอ้วน’ก่อนนำสื่อบินดูความเป็นอยู่อุยกูร์ที่ถูกส่งกลับ แจงจดหมายอุยกูร์3ฉบับ ไม่มีจริง
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 3 มีนาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีที่จะมีการชี้แจงเรื่องความปลอดภัย หลังจากที่หลายประเทศออกมาเตือนพลเมืองเรื่องการก่อการร้าย เนื่องจากประเทศไทยส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับประเทศจีนใน ระหว่างร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว ITB Berlin 2025 ที่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีหรือไม่ว่า เราทำถูกต้องตามสิทธิมนุษยชนทุกอย่าง ซึ่งสื่อมวลชนต้องช่วยสื่อสารตรงนี้ และเราก็ได้มีการไปดูทุกอย่างตามที่ทางการจีนให้ ซึ่งเรื่องนี้เราทำถูกต้องแล้ว วันแรกที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นนั้น ยังมีการอธิบาย แต่ที่ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหมก็อธิบายชัดเจนแล้ว ทางต่างประเทศอื่นๆ ก็ได้รับข้อมูลครบถ้วนหมดแล้ว
เมื่อถามว่า การไปต่างประเทศครั้งนี้ จะเป็นการไปย้ำความเชื่อมั่นใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ย้ำแน่นอน และครั้งนี้ที่ไปเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข้อพิพากษ์วิจารณ์ในการที่รัฐบาลส่งตัวชาวอุยกูร์ให้ทางการจีน ซึ่งอาจทำให้เกิดความรุนแรงในประเทศไทย ว่า เรื่องนี้เราต้องเริ่มต้นจากความเป็นจริง ไม่ใช่เริ่มต้นจากความเชื่อ ถ้าเชื่อว่าจะมีระเบิดมันก็จะเชื่อไปเรื่อยๆ เชื่อไปได้มากมายซึ่งไม่เป็นผลดีกับสุขภาพ ซึ่งในแง่ความมั่นคงเรามีความระมัดระวังอยู่แล้วต่อให้มีเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม เพราะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เราทำเรื่องนี้ตนคิดว่าพรรคฝ่ายค้านหรือองค์กรสิทธิมนุษยชน เป็นการมองด้วยจินตนาการย้อนหลังไปเป็นสิบปี ซึ่งตนไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะเป็นเรื่องของประเทศจีนที่ต้องชี้แจง แต่วันนี้บ้านเมืองเขามีการเปลี่ยนแปลงไปมาก สิ่งที่คิดว่าจะโจมตีเขาได้ก็ไม่น่าจะโจมตีได้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไม่ใช้ความเชื่อว่าเขาไปแล้วจะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ประเด็นของเรื่องนี้คือเราไปละเมิดสิทธิ์เขา ซึ่งเราก็จัดการแก้ปัญหาโดยคิดถึงทางเลือกที่ดี ขณะที่ทางการจีนได้ออกหนังสือทางการทูตที่ยืนยันได้ชัดเจน ตามหลักการความระมัดระวังการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหนังสือที่รับประกันโดยสถานทูตจีนในนามรัฐบาลจีนเพื่อให้เราได้รับความมั่นใจ
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีประเทศที่ 3 ขอยืนยันว่าไม่มี หากใครบอกว่ามีให้มาพูดคุยกันแล้วเอาเนื้อมา ขณะที่ทางการจีนจากการพูดคุยกันแล้วเขายืนยันว่าคนเหล่านี้เป็นพลเมืองของเขา และขอรับคืน เรารอมาแล้ว 10 ปีซึ่งทำอะไรไม่ได้ ขณะที่ประเทศที่ 3 แม้กระทั่งประเทศใหญ่ๆที่ตนคุยมาก็ไม่มีใครเอา ฉะนั้น เมื่อไม่มีประเทศที่ 3 ก็ต้องเดินไปตามกระบวนการ หลายๆ เรื่อง อย่าเอาความเชื่อส่วนตัวมาพูด และไปคำนึงถึงหลักปรัชญาบางอย่างแล้วมาทำร้ายประเทศตัวเอง ขอร้องถ้าจะทำอย่างนั้นจริงๆ ให้ทำเหมือนสส.พรรคประชาชนที่มายื่นทุจริตยา เอารูปธรรมมาหาทางแก้ปัญหาไม่วช่พูดไปเรื่อยเปื่อยให้เกิดความหวาดกลัว
“ผมคิดว่าอยู่ที่ความจริง ถ้าความจริงเป็นแบบนี้แล้วกระบวนการทางจีนเขายอมรับ เราก็ยังสามารถไปตรวจสอบเขาได้ ในเมื่อเขาไม่กลัวให้เราไปตรวจสอบแล้วเราจะไปกลัวว่าเขาจะไปตายได้อย่างไร ขึ้นเครื่องลงเครื่องไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายไม่มีพันธนาการ แม้เชื่อว่าจะเป็นการจัดฉาก แต่โลกนี้ไม่ใช่โรคยุคดึกดำบรรพ์ ไม่ได้อยู่ในเกาะ ไปดูกันได้เมืองซินเจียงเขาก็ไม่มีอะไรปิดบัง ใครอยากไปทำข่าวก็ไปเลย และทางเราหลังจากนี้ 15 วันก็จะมีรัฐมนตรีคนอื่นๆไปดู ผมก็อาจจะไปด้วย นอกจากนี้ เรายังให้สถานทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งไปดูเป็นระยะ แล้วจะเอาอย่างไรอีก หรือต้องให้บ้านเมืองนี้ถูกทำลาย ถูกวางระเบิดถึงจะสะใจ ดังนั้น เอาความจริง อย่าเอาความเชื่อไปสร้างปัญหาให้ประเทศ” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า หากฝ่ายค้านจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็อภิปรายได้เลย เอาหลักฐานมาว่าเขาตายหรือถูกทำร้ายร่างกายอย่างไรอย่างไรอย่าใช้ความเชื่อมา อภิปราย เพราะถ้าใช้ความเชื่อมาอภิปรายเราจะไม่ตอบ
ส่วนการที่สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น แจ้งเตือนประชาชนของตนเองที่อยู่ในประเทศไทย ให้ระมัดระวังเหตุความรุนแรง ก็เป็นไปได้ที่แต่ละประเทศเกิดความไม่สบายใจและได้แจ้งเตือนประชาชนของเขา ซึ่งเขามีสิทธิ์เตือนแต่ความเป็นจริงจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม หน่วยงานความมั่นคงเราดูแลเรื่องความปลอดภัยอยู่ตลอดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องนี้หรือไม่ก็ไม่เคยละเว้นไม่เคยประมาท
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ส่งกลับชาวอุยกูร์ ไปยังประเทศจีน ไม่มีความโปร่งใส ว่า เรื่องนี้จะมีการหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย เพื่อที่จะเดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ ที่ถูกส่งตัวกลับอีกครั้ง โดยจะมีการนำสื่อมวลชนไปด้วย ซึ่งยอมรับว่าไทยมีความห่วงใย แต่ต้องยึดหลักบ้านเมือง ถือความเป็นธรรม เพราะชาวอุยกูร์ต้องทรมานมานานนับ 10 ปี และรัฐบาลไทยเราไม่อยากส่งมรดกของการทรมานไปให้คนอื่น เมื่อไทยประเมินในสิ่งที่ดีที่สุดก็ต้องเคารพการตัดสินใจ ซึ่งการประชุมได้มีการพิจารณาอย่างละเอียด
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเผยแพร่จดหมาย ชาวอุยกูร์ 3 ฉบับ แสดงเจตจำนงไม่อยากกลับประเทศจีน ซึ่งกรมราชทัณฑ์ กล่าวอ้างว่าไม่มีเอกสารดังกล่าว พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้กรมราชทัณฑ์เป็นผู้ชี้แจง ไม่เช่นนั้นก็อาจเกิดความเสียหายต่อกรมราชทัณฑ์ หรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ เพราะกรมราชทัณฑ์ ได้รับการยืนยันจากชาวอุยกูร์จำนวน 5 คน ในข้อหาปล้นทรัพย์ที่อยู่ในเรือนจำคลองเปรม ยืนยันว่าไม่ได้เขียนจดหมาย ส่วนกระดาษที่มีตรากรมราชทัณฑ์นั้นเป็นกระดาษที่มีขายในเรือนจำเพื่อให้ผู้ที่ถูกคุมขังเขียนจดหมาย แต่ถ้าจดหมายเผยแพร่จะต้องมีการเซ็นเซอร์ที่ซองจดหมาย ก่อนส่งออกข้างนอก ส่วนจดหมายที่ออกมาจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ก็ขอให้ไปถาม ตม.ในเรื่องนี้ เพราะ ตม.ก็จะมีระบบเช่นกัน
ส่วนกรณีที่เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “วันนี้พรรคสีส้มโกหกอะไร” ได้เผยแพร่ข้อความเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 กล่าวถึงจดหมายของผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ ซึ่งมีตราประทับจาก เรือนจำกลางคลองเปรม ส่งถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นั้น
กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว ขอเรียนว่า ผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ให้การยืนยันว่า ไม่เคยเขียนจดหมายฉบับดังกล่าวตามที่ปรากฏในสื่อ และลายมือที่ปรากฏมิใช่ลายมือของพวกตน โดยในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยส่งจดหมายออกภายนอกเรือนจำแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นเรือนจำฯ ได้เปรียบเทียบลายมือแล้วพบว่า แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้ เรือนจำกลางคลองเปรมได้ตรวจสอบข้อมูลการรับ-ส่งจดหมาย ไม่ปรากฏว่ามีจดหมายฉบับดังกล่าว อีกทั้ง ตราประทับที่ปรากฏบนจดหมายฉบับนั้น มิใช่ตราประทับของเรือนจำกลางคลองเปรมแต่อย่างใด โดยตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ก่อนส่งจดหมายถึงภายนอกเรือนจำฯ ต้องตรวจสอบเนื้อหาว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคงหรือความสงบเรียบร้อยหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีจดหมายฉบับดังกล่าว และโดยเฉพาะจดหมายผู้ต้องขังจากเรือนจำจะไม่มีตราประทับของเรือนจำแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ต้องขังดังกล่าวไม่มีญาติหรือทนายความมาเยี่ยมเยียน ขอยืนยันว่า จดหมายฉบับดังกล่าวไม่ใช่จดหมายที่ออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม ดังนั้นจึงน่าจะเป็นจดหมายที่ทำขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง โดยเรือนจำฯ ได้ตรวจสอบและถือปฏิบัติตามระเบียบ และแนวทางที่กรมราชทัณฑ์กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความใน X ตอนหนึ่งว่า ทราบว่าหลายท่านยังคงมีข้อสงสัยในจดหมายที่ผมนำมาเปิดเผย จนเป็นประเด็นใหญ่โตเพราะกังวลว่าจะไม่ใช่จดหมายจริง ในเมื่อผมเป็นคนแชร์จดหมาย ก็เป็นคนที่รับผิดชอบต่อข้อมูล 1.จดหมายไม่ได้มาจากคนที่ถูกคุมขังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีศาลพระพรหมฯ ทั้งสองคนไม่ได้อยู่เรือนจำคลองเปรม และเป็นคนละกลุ่มกับผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้ 2.จดหมายมาจากในห้องกักสวนพลู ผมไม่เคยบอกว่ามาจากเรือนจำคลองเปรม 3.ไม่มีใครปลอมจดหมาย เพราะมันไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่ในฐานะที่ต่อสู้เรื่องการส่งกลับ ผมก็ต้องยันหลักฐานที่ผมมีว่าเขามิได้สมัครใจกลับ ถ้าอยากจะตรวจสอบว่าจริงหรือไม่จริง ยินดีเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความจริงครับ ฟ้องได้เลย 4.หากทางรัฐไม่สามารถแสดงหลักฐานยืนยันว่าเขาสมัครใจกลับไป ที่ท่านมีหน้าที่ตามกฎหมายให้เปิดเผยออกมา 5.จดหมายจากประเทศจีนที่ส่งมาขอตัวกลุ่มนี้ เค้าเขียนมาว่า ถ้าจีนเชิญ เราถึงจะส่งเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมได้ 6.ต่อจากนี้จะมีประเด็นใหม่ๆ มาอีก แต่ผมขออนุญาตไม่ตอบที่มันซ้ำแล้ว จะพยายามลดข้อกังขาให้มากที่สุด
นอกจากนี้ นายกัณวีร์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมีหลักฐานจดหมายตัวจริง ซึ่งจะนำไปเสนอที่สภา มีการจัดเสวนาขึ้น จะเอาไปยื่นให้กับทุกคนได้เห็น ก่อนเที่ยงวันที่ 4 มีนาคม เชิญพี่น้องสื่อมวลชนไปดูด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี