ซัด DSI จ้องล้มล้างการปกครอง
สว.ดิ้นสุดฤทธิ์!
รุมถล่มกลางวงประชุมวุฒิฯ
ผวา 6 มี.ค.รับเป็น ‘คดีพิเศษ’
สรุปคำอภิปรายส่งให้ครม.
ขู่เปิดซักฟอก‘ทวี-บิ๊กDSI’
ประชุมวุฒิสภา ถกญัตติกินโต๊ะ“ทวี-ดีเอสไอ”รับไม่ได้กล่าวหาฮั้วสว.อั้งยี่ ซ่องโจร ทั้งจะรับเป็นคดีพิเศษ ทำงานล้ำเส้นกกต.เจ้าภาพโดยตรง พร้อมส่งญัตติคำอภิปรายให้ ครม.พิจารณา เล็งขู่เปิดซักฟอกโดยไม่ลงมติพ่วงด้วยถอดถอนพ้นตำแหน่ง พรั้อม เสนอย้าย ‘กรมสอบสวนคดีพิเศษ’ ไปสังกัดอัยการสูงสุด เหตุตกเป็นเครื่องมือการเมือง
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 09.40น. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เสนอญัตติ เรื่อง ขอเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย
ยำกระบวนการยุติธรรมล่าช้า
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวชี้แจงหลักการว่า กระบวนการยุติธรรมไทยมีความล่าช้า ขาดประสิทธิภาพ อีกทั้งมีการแทรกแซงและครอบงำจากฝ่ายการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่โดยเฉพาะการดำเนินการของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีความผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อน มีผลกระทบต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของผู้ต้องขัง
อย่างไรก็ตาม ยังมีกรณีที่ให้สิทธิ์ผู้ต้องขังในการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการที่มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิพิเศษในการเข้ารักษาพยาบาลกว่าผู้ต้องขังผู้อื่น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องชาวอุยกูร์ที่มีการดำเนินการที่ไม่โปร่งใสขาดความชอบธรรม เห็นได้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จนถูกประณามจากองค์กรต่างๆ ระหว่างประเทศ
“การดำเนินการของรมว.ยุติธรรม ขาดความรอบคอบในการพิจารณาดำเนินการตามหลักสากล ขาดความรู้ความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งจะนำมาซึ่งความเสียหายกับประเทศชาติได้ในอนาคต” พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าว
อัด”ทวี-DSI”กลั่นแกล้งสว.
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวถึงการได้มาของสมาชิกวุฒิสภาปี 2567ว่า รมว.ยุติธรรม และอธิบดีดีเอสไอ ร่วมกันแถลงข่าว จงใจกลั่นแกล้งกล่าวหาว่าการได้มาดังกล่าว มีการฮั้ว เป็นอั้งยี่ และกระทำผิดฟอกเงิน มีความผิดความมั่นคงของชาติ สว.ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ว่าได้รับตำแหน่งมาโดยไม่ชอบทำโดยการสมยอมรวมหัวกัน เพื่อให้ได้เป็นสว. โดยไม่สุจริตและโปร่งใส เป็นการใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งฝ่ายกฎหมายวุฒิสภากำลังพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า การกล่าวหา ให้ข่าวกับสื่อมวลชนในลักษณะเหมาเข่ง ทั้งๆ ที่อธิบดีดีอเอสไอมีอำนาจตามกฏหมายอาญาและ พ.ร.ป.คดีพิเศษ สามารถดำเนินการได้หากพบว่ามีพยานหลักฐานมากเพียงพอที่จะสืบสวนสอบสวน แต่กลับกันอธิบดีดีเอสไอกลับพยายามที่จะทำให้เป็นคดีพิเศษ โดยเฉพาะการเสนอต่อคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (คกพ.) แต่การประชุมที่ผ่านมาเกิดปัญหาโรคเลื่อน อ้างว่ายังไม่ได้นำเข้าการพิจารณาประชุมของอนุฯกลั่นกรอง จะเห็นได้ว่าการทำงานของอธิบดีดีเอสไอขาดความรอบคอบในการที่จะนำเสนอเรื่องเข้าบอร์ดพิจารณา ทั้งทั้งที่มีอำนาจหน้าที่ที่จะกระทำได้ แต่ยังนำเรื่องเพื่อให้บอร์ดพิจารณาให้ตนเองมีอำนาจหน้าที่ ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าว่ากรณีการได้มาของ สว.เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ทำให้สว.เกิดความเสียหาย
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวอีกว่า รมว.ยุติธรรม และอธิบดีดีเอสไอ ยังได้แถลงข่าวเป็นรายวัน เพื่อขอความชอบธรรมจากสังคม ที่จะดำเนินการสอบสวน จัดให้มีการรับเรื่องร้องเรียนเป็นรายวัน เพื่อให้เห็นว่ามีผู้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก เป็นวงกว้างทั่วประเทศ มุ่งหวังให้สังคมเห็นว่าการได้มาของสมาชิกวุฒิสภาไม่สุจริตและเที่ยงธรรม การกระทำดังกล่าวมีการล็อกเป้าหมายในการดำเนินคดี โดยอ้างว่ามีกลุ่มสว. 138 + 2 ซึ่งตัวเลขนี้ก็ไม่ทราบว่าจะสามารถเปิดเผยหรือดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ได้หรือไม่ จึงสงสัยว่าการสืบสวนสอบสวนนี้สามารถล็อกเป้ากลุ่ม สว. โดยแยกประเภทสีได้อย่างไร โดยเฉพาะการมุ่งเน้นมาที่สีน้ำเงิน
ใส่เสื้อสีน้ำเงินพร้อมลุย
“วันนี้ผมใส่เสื้อสีน้ำเงินมาเพื่อขออภิปราย พร้อมที่จะรับแจ้งข้อกล่าวหาจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหากท่านมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ท่านเคยได้ยินไหมครับ0 มีค่ามากกว่า 1 นักคณิตศาสตร์ระดับโลกยังคิดไม่ได้ แต่มีผู้นำทางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศไทยสามารถที่จะคิดได้ ในการที่จะทำให้ 0 มีค่ามากกว่า 1 และได้จำนวนสมาชิกวุฒิสภาเข้ามาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตรงนี้มีเพื่อนสมาชิกที่ได้ไปพักโรงแรมใกล้กับอิมแพค เมืองทองธานี ได้พบเห็นมีการปิดห้องประชุมรับมีผู้เข้าประชุมประมาณ 400 คนมีการแจกจ่ายเอกสารหมายเลขที่จะให้เลือก ซึ่งลักษณะเช่นนี้อธิบดีดีเอสไอ ท่านรู้หรือไม่ ได้รับการร้องเรียนหรือไม่ ท่านพอจะมีข้อมูลทำการสืบสวนเพื่อเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ ผลสุดท้ายจากการดำเนินการก็ได้ตัวเลขออกมาที่น่าสนใจคือ 21 + 24 คล้ายครึ่งกับตัวเลข 138 + 2 เพราะฉะนั้น ผมฝากปัญหาว่า 2 ตัวเลขชุดนี้ท่าน อธิบดีดีเอสไอสามารถสืบสวนสอบสวนตามที่ท่านกล่าวหาเป็นการอั้งยี่ฟอกเงินหรือไม่” พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าว
ห่วงดีเอสไอรับใช้การเมือง
ต่อมาเวลา11.30น. นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมต่อ โดยนายชินโชติ แสงสังข์ สว. อภิปรายว่า ขอปรักปรำฟันธงว่า ถ้าวันที่ 6 มี.ค.นี้ ดีเอสไอรับคดีเลือกสว.มาทำ แสดงว่า มีวาระซ่อนเร้น รับใช้กลุ่มบุคคล กลุ่มการเมือง การเลือกสว.ไม่ใช่หน้าที่ดีเอสไอ เป็นหน้าที่กกต.จะทำงานช้า ผิดพลาด ก็ไปฟ้องกกต.ละเลยปฏิบัติหน้าที่ ที่เจ็บปวดคือ โยนข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจรให้สว. โจรอั้งยี่มีจริง โจรคอลเซ็นเตอร์มีจำนวนมาก ดีเอสไอทำเรื่องนี้หรือยัง จะทำกี่โมง ถ้าดีเอสไอทำเรื่องเลือกตั้งเองก็เอายางลบลบองค์กรอิสระออกจากสารบบได้เลย ต่อแต่นี้ดีเอสไอจะต้องรับทุกเรื่อง ในฐานะทำงานด้านแรงงาน ต่อไปถ้าโกงค่าแรง ไม่ต้องร้องกระทรวงแรงงาน วิ่งไปร้องดีเอสไอ ตนไม่มีอคติ แต่มีความรู้สึกดีเอสไอเล่นการเมืองมากเกินไป ดีเอสไอไม่มีหน้าที่เรื่องนี้ อย่าสะเออะ
หวดอีเอสไอทำงานซ้ำซ้อน
ด้านนายอลงกต วรกี สว. อภิปรายว่า ตนเป็นสว.สีน้ำเงินและสีเหลือง ที่จงรักภักดี หากผู้ใดไม่ใช่ ถือเป็นสว.กลุ่ม21 พวกปลาหมอคางดำ ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตนมีบัญชีหลักฐานว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ มีทั้งหมด 11+3 ล้มล้างการปกครองฯ มาตรา112 ในการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าอยากได้ข้อมูลมาเอาที่ตนได้ กรณีดีเอสไอจะรับคดีเลือกสว.เป็นคดีพิเศษ อ้างว่าใส่เสื้อเหลืองไปในวันเลือกสว.ที่เมืองทองธานี และวันรายงานตัวที่สำนักงานกกต. เป็นพวกอั้งยี่ซ่องโจร ถ้าเป็นเช่นนั้นคนใส่เสื้อเหลืองคงเป็นอั้งยี่ซ่องโจรทั้งประเทศ ดีเอสไอตั้งมา 20กว่ามีผลงานอะไรเป็นชิ้นอันบ้าง จากการศึกษารายงานคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่ไปศึกษาพ.ร.บ.กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ผลการศึกษาพบว่า การทำหน้าที่ของดีเอสไอซ้ำซ้อนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสร้างความแตกแยกในสังคม เพราะถูกนักการเมืองในแต่ละรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือ กลั่นแกล้งทางการเมือง จึงมีข้อเสนอให้ย้ายดีเอสไอไปสังกัดสำนักงานอัยการสูงสุดเพราะกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรอยู่ใต้การบังคับบัญชารมว.ยุติธรรม ขณะที่การรับฟังความเห็นประชาชนตามรายงานดังกล่าว ถึงขั้นเสนอให้ยุบดีเอสไอ
แนะ”ทวี-ดีเอสไอ”ถอยห่าง
ทั้งนี้ภายหลังจากที่สว.อภิปรายแสดงความเห็นในญัตติครบถ้วนแล้ว พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ อภิปรายปิดญัตติตอนหนึ่งว่าการอภิปรายของ สว. ทำให้เห็นว่า รมว.ยุติธรรม และ อธิบดีดีเอสไอ งานควรทำไม่ทำ กลับไปทำในสิ่งที่ไม่มีอำนาจอย่างไรก็ดีกรณีที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เตรียมพิจารณาคดีการฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษนั้น มีข้อโต้แย้งว่าการพิจารณาดังกล่าวเข้าข่ายก้าวก่ายอำนาจของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีกทั้งไม่มีหลักฐานเพียงพอทั้งเส้นทางการเงิน โพย ไม่มีพยานหลักฐานชี้ชัดว่าทุจริตเลือก จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับเรื่องไว้เป็นคดีพิเศษ
“การดำเนินการก้าวก่ายเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่บุคคลใดจะใช้สิทธิล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นการสอบสวนคดีฮั้ว เป็นอำนาจหน้าที่ของกกต. ไม่ใช่ ของดีเอสไอ ซึ่งการที่ดีเอสไอจะสอบสวนฮั้วเลือกตั้ง สว. เป็นการกระทำนอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ เมื่อพิจารณาแล้วหากดีเอสไอจะรับคดีฮั้วสว. เป็นคดีพิเศษต้องพิจารณาตามกฎหมายการสออบสวนคดีพิเศษ คือ คดีอาญาที่กำหนดไว้ตามมาตรา 21 และเมื่อพิจารณาแล้วคดีเลือกตั้งไม่ใช่คดีที่กำหนดไว้ในอำนาจของดีเอสไอ” พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ อภิปราย
กระบวนการยุติธรรมถูกครองงำ
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวด้วยว่า จากการอภิปรายของสว. แสดงให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมขาดประสิทธิภาพ ถูกครอบงำจากฝ่ายการเมือง ขอมติที่ประชุมส่งการอภิปรายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมและพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ส่งไปยังคณะรัฐมนตรีต่อไป หรือขอเปิดอภิปรายทั่วไป พ.ต.อ.ทวี กรณีผิดมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างร้ายแรงและยื่นถอดถอนต่อไป รวมถึงพิจารณาการทำหน้าที่ของ พ.ต.ต.ยุทธนา ฐานทุจริตต่อหน้าที่ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ให้กำลังใจ”ทวี”ทำคดีสว.
วันเดียวกันที่กระทรวงยุติธรรม แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายไพศาล หลีเส็น อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสตูล 2 สมัย และอดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสตูล พรรคประชา ชาติ เข้าให้กำลังใจพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระ ทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ สอบฮั้ว เลือกตั้ง สว.
นายไพศาล กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางจากจังหวัดสตูลมาที่กระทรวงยุติธรรมในฐานะที่ตนเองเป็นตัวแทนพรรคประชาชาติ จังหวัดสตูล เพื่อมาส่งกำลังใจจากชาวจังหวัดสตูล ที่ฝากกำลังใจมาให้พันตำรวจเอกทวี เพื่อให้ดำเนินการสอบฮั้วเลือก สว.เพื่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้นมาให้ได้ ทั้งนี้ จังหวัดสตูล เป็นจังหวัดเล็กๆ แต่มี ส.ว.ที่ผ่านการสรรหาในระบบที่มีปัญหาอยู่เข้ามาถึง 6 คน เพื่อไม่ให้เรื่องนี้เป็นที่ครหาของประชาชน จึงอยากให้มีการพิสูจน์โดยใช้กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งฝากความหวังไว้ที่ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รมว. ยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี