‘จตุพร’ชี้ 6 มี.ค.ลุ้นมติ กคพ.ฝ่ายข้าราชการไปทิศทางใด ชี้งดออกเสียงหรือสวนรัฐบาล ส่อสัญญาณเริ่มแตกหัก สะท้อนอนาคตอำนาจรัฐอ่อนแอหรือเข้มแข็ง เชื่อ‘เพื่อไทย’ถอยมัดมือชกฝ่ายค้านซักฟอกวันเดียว ระบุยิ่งซ้ำเติมทำลายสภาพัง ตรวจสอบไม่ได้ ย้ำ‘บ่อนกาสิโน’เข้า ครม.ถูกต้านหนัก วอน‘แพทยสภา’ออกผลสอบหยุดหายนะประเทศ
5 มีนาคม 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์คืนวันที่ 4 มี.ค.68 ว่า ต้องลุ้นการประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) วันที่ 6 มี.ค.นี้ ว่า มติ กคพ.จะออกเสียงไปทิศทางใด ย่อมจะสะท้อนถึงจุดเริ่มของการแตกหักเชิงอำนาจรัฐบาลได้ชัดเจนส่วนหนึ่ง รวมทั้งจะเป็นสัญญาณในอนาคตรัฐบาลจะเข้มแข็งหรืออ่อนแอ
นอกจากนี้ คงต้องเฝ้ารอคำประกาศใหญ่โตเพื่อเล่นงานคดีฮั้ว สว. 138 คน รัฐบาลจะทำให้บรรลุเป้าหมายเสียง 2 ใน 3 หรือตั้งแต่ 15 เสียงเพื่อให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ยิ่งกว่านั้น มติของ กคพ.ยังแสดงถึงอำนาจรัฐบาลในการบริหารงาน โดยพิจารณาจากการตัดสินใจของกรรมการโดยตำแหน่งที่ยังรับราชการอยู่
“ถ้ากรรมการโดยตำแหน่งไม่ไปตามความต้องการของผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่มากกว่านายทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม โดยงดออกเสียง หรือยกมือสวนขึ้นมา ย่อมเป็นการส่งสัญญาณแล้วว่า อำนาจของรัฐกำลังจะทยอยหมดลง”
นายจตุพร กล่าวว่า กกต.ทำหน้าที่การเลือกตั้งทุกระดับมีปัญหาทั้งสิ้น ควรสังคายนาใหญ่องค์กรนี้เสียที หรือจะเป็นคำตอบของประเทศไปแล้วว่า เราจะอยู่ใต้ประชาธิปไตยพันธุ์แบบนี้ ที่สะสมความล่มสลายไปถึงเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นตกต่ำดิ่งลงจนแทบโงหัวไม่ขึ้น ขณะที่ราคาข้าวตกต่ำ อาการเช่นนี้นำพาบ้านเมืองเดินไปสู่ทิศทางที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น
“การฟื้นเศรษฐกิจไม่ใช่การทำบ่อนกาสิโนและพนันออนไลน์ เพราะจะเป็นการทำลายระยะยาว ก่อนหน้าเป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยแสดงความอวดรู้อวดเก่งกัน แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรโชว์ฝีมือมากกว่าการพูดเลย ดังนั้น ถ้าคนมีหน้าที่ แต่ไม่มีปัญญาก็ออกไป จะนั่งเป็นสากกะเบือทำซากอะไร”
นายจตุพร ย้ำว่า การแก้ไขร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้คนไทยมีเงินฝาก 50 ล้านเข้าเล่นพนันได้ แสดงถึงเจตนาไม่ต้องการให้คนไทยเข้าไปเล่นพนัน ถ้าเจตนารัฐเดิมอ้างเอารายได้มาจากนักท่องเที่ยวต้องไม่เดือดร้อนกับการแก้ไขของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ห้ามคนไทยเข้าเล่นพนันในบ่อนกาสิโน
ทั้งนี้ แต่เดิมนั้น กระทรวงการคลังออกแบบกฎหมายบ่อนกาสิโนให้คนไทยต้องเสียเงิน 5,000 บาทเข้าไปเล่นพนัน เท่ากับแสดงว่า รายได้หลักมาจากต่างชาติ เมื่อกฤษฎีแก้ไขใหม่ให้คนไทยมีเงินฝาก 50 ล้านเข้าเล่นได้ แปลว่า ปิดประตูคนไทยเข้าบ่อน ความจริงต้องไชโยโห่ร้อง ส่วนรัฐบาลกลับกระเสือกกระสนจะเอาให้ได้
“ความน่ากลัวของบ่อนกาสิโน อยู่ที่การพนันออนไลน์และเล่นกันเต็มบ้านเต็มเมืองในขณะนี้ แต่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ไม่มีมาตรการอะไรที่จะปราบปรามและปกป้องคนไทยไม่ให้เป็นทาสการพนัน”
นายจตุพร กล่าวว่า การยกพนันออนไลน์ไว้บนดินจะเป็นชนวนแตกหักของรัฐบาล โดยภาคประชาชน ทั้ง คปท. และศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส รวมถึงกองทัพธรรม ได้ชุมนุมปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาล ตรงสะพานชมัยมรุเชฐอยู่แล้ว เพราะไม่ไว้ว่างใจว่า รัฐบาลจะเอาเข้า ครม.วันไหน จึงต้องตากแดดเฝ้าดูไว้
อย่างไรก็ตาม วันไหนที่ร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนเข้า ครม. ตนเชื่อว่า วันนั้นเป็นจุดเริ่มของการแตกหัก เพราะการพนนันออนไลน์เป็นการทำลายคนในชาติ เป็นความฉิบหายของประเทศ อีกอย่าางรัฐบาลมีกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาเมื่อกฤษฎีกาล็อกเรื่องเงิน 50 ล้าน ก็แสดงอาการจะเป็นจะตายขึ้นมาให้ได้
การตั้งบ่อนกาสิโนนั้น ไม่ใช่ความตื่นเต้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะหลายประเทศมีบ่อนกันจนฉิบหายไปแล้ว ดังนั้น รายได้ส่วนนี้จากบ่อนไม่มีอยู่จริง แต่ซุกซ่อนไว้ที่การพนันออนไลน์และการฟอกเงิน ดังนั้น ประเทศดีๆ รัฐบาลเพื่อไทยไปทำให้เกิดความเสียหายได้อย่างไร
นายจตุพร กล่าวว่า เหมือนเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งนายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้า ปชป. บอกว่า ร.9 และสมเด็จย่า ใช้เวลากว่า 40 ปี โดยนำหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ไปสร้างความเข้าใจกัน จนทำให้พื้นที่ที่แตกต่างวัฒนธรรมหลากหลายสามารถอยู่ร่วมกันได้ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่รัฐบาลสมัยไทยรักไทยไปเปลี่ยนโยบายจึงสร้างความเสียหายได้ในไม่กี่วัน และฉิบหายเรื่อยมากว่า 20 ปีแล้ว ดังนั้น หลักคิดระหว่างผู้สร้างกับผู้ทำลายจึงมีความแตกต่างกัน
นายจตุพร เชื่อว่า ขณะนี้ทำเนียบรัฐบาลจะเต็มไปด้วยผู้คนที่หลากหลายปัญหา มีทั้งชาวนา เกษตรกรมันสำปะหลัง มาเรียกร้องราคาตกต่ำ โดยข้าวราคาเกวียนละ 6,000 บาท มันสำปะหลังกิโลละบาทเศษเท่านั้น ความเดือดร้อนของชาวนา ชาวไร่ต้องลุกขึ้นมาเรียกให้แก้ปัญหาโดยเร็ว นอกจากนี้ยังจะมีกรณีเรียกร้องเงินเยียวยาน้ำท่วม และต่อไปจะเป็นกลุ่มความเดือดร้อนจากภัยแล้ง
“รัฐบาลชุดนี้ประกาศโชว์เรื่องการแก้ปัญหาด้วยความรวดเร็ว แต่ไม่เป็นไปตามที่พูด เพราะสำนักงบประมาณไม่ยอมสั่งจ่ายเงิน ก็พอจะคิดออก เพราะถ้ามีงบประมาณ ทำไมเขาจะไม่สั่งจ่าย ดังนั้น รัฐบาลบอกคนไทยจะรวยๆ win ๆ กันนั้น มันจริงหรือไม่”
นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ นั้น เชื่อได้ว่า รัฐบาลเพื่อไทยไม่มีทางมัดมือชกให้พูดแค่วันเดียว เพราะสภาจะพัง หากปิดปากฝ่ายค้านไม่ให้อภิปรายฯ ตามข้อกล่าวหาได้ สภาจึงไม่มีความหมายโดยปริยาย ดังนั้น การตรวจสอบจึงไหลไปนอกสภา
“รัฐบาลอ้างไม่มีแผลทุจริต แล้วคุณกลัวอะไรกับการถูกตรวจสอบ คุณมีกลไกมากกว่าเขาด้วยซ้ำจึงไม่ควรกลัว ดังนั้น ความกล้าและไม่โกงจึงไม่ต้องกลัว ยกเว้นว่าโกง ทำผิดกฎหมายย่อมมีสิทธิกลัวได้”
นายจตุพร ยกบทเรียนสมัยใช้ รธน.40 ว่า ช่วงที่ทักษิณ เป็นนายกฯ ฝ่ายค้านมีเสียงในสภาไม่พอจะอภิปรายไม่ไว้วางในนายกฯ ดังนั้น ทักษิณ จึงไม่ชินกับการถูกตรวจสอบ เมื่อสภาตรวจสอบไม่ได้จึงออกมาที่ถนน ประชาชนเคลื่อนไหวตรวจสอบทักษิณ แล้วสภาก็อยู่ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ขณะนี้ เสียงฝ่ายค้านพอที่จะเปิดอภิปรายฯ นายกฯได้ ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยใช้เสียงข้างมากไม่ยอมให้ฝ่ายค้านอภิปรายฯ แล้ว ดูเหมือนเป็นชัยชนะแค่พริบตาของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่หลังจากนั้นจะทยอยพังตามลำดับ
นายจตุพร หวังว่า ก่อนสถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งขึ้น แพทยสภาควรเสนอรายงานผลการตรวจสอบแพทย์รักษาทักษิณว่าป่วยจริงหรือไม่ เพื่อให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาคำร้องให้นำตัวทักษิณมารับโทษติดคุก 1 ปีที่เหลืออยู่
“ต้องเรียกร้องกันซ้ำว่า แพทยสภาก็เห็นแล้วว่า ข้างหน้าบ่อนกาสิโนมันรออยู่ เรื่องราวความเสียหายต่างๆ มันรอ ท่านควรดำเนินการโดยมิชักช้า และในส่วนศาลฎีกาควรมีการประชุมใหญ่ เพื่อทำให้บ้านเมืองเดินตรงและเรื่องราวอื่นๆ แม้ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่สามารถแก้ไขไปได้โดยปริยาย ถ้าคนมีหน้าที่แต่ละฝ่ายต่างคนต่างปล่อย วันหนึ่งบ้านเมืองจะพัง และถ้ามีคนรักชาติแล้ว บ้านเมืองจะไม่หายนะย่อยยับเหมือนการเสียกรุงถึง 2 ครั้งอีก”
นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญถ้าคนมีหน้าที่ไม่ทำหน้าที่แล้ว โครงการรัฐบาลที่แปลกๆ จะผุดขึ้นมาอีก การขายที่ดิน 99 ปีจะตามมา รวมถึงศูนย์กลางทางการเงินที่จะทำระบบการเงินอีกแบบมาทำลายระบบธนาคารชาติ และยังจะมีตลาดหุ้นถึงสองแบบโดยเอางบประมาณแผ่นดินไปค้ำประกันให้สกุลเงินใหม่เป็นประโยชน์ต่อพรรคพวก แต่ชาติไม่ได้อะไรเลย แล้วท้ายที่สุดอย่าให้ประชาชนไม่มีทางเลือก
“ถ้าคุณต้องการรักษาประชาธิปไตยตามที่กล่าวอ้างไว้ คุณต้องรู้ว่าทำอะไรแล้วประชาชนทนไม่ได้ ถ้ายังกระทำแต่ห้ามประชาชนออกถนน เพราะกลัวสร้างเงื่อนไขให้ยึดอำนาจ ถ้าชาวนาเชื่ออย่างนั้นก็ต้องขายข้าวเกวียนละ 6,000 บาทแล้วจะอยู่อย่างไร ถึงที่สุดความรู้สึกต้องเกิดขึ้นว่า สู้เท่านั้นจึงจะได้มา ถ้าไม่สู้แล้วใครจะทำให้” นายจตุพร กล่าวถึงพฤติกรรมการเมืองของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี