รองนายกฯ “ภูมิธรรม” ปาฐกถาวันนักข่าว แนะสื่อไม่ต้องเอาใจผู้มีอำนาจเพราะประวัติศาสตร์สมาคมนักข่าว คือ นักต่อสู้ ต้องเสนอความจริง อย่าคิดแค่เพิ่มยอดเอนเกจเมนต์ ชี้แม้ไทยเผชิญแรงกดดันกับ “ทรัมป์เอฟเฟกต์” แต่ต้องรักษาสมดุล มีเสถียรภาพ ให้เกิดความมั่นคง ไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง เพราะไทยเป็นแค่ประเทศเล็กแต่ภูมิรัฐศาสตร์ไทย คือ จุดเด่น แนะอาเซียนรวมกลุ่มต่อรองมหาอำนาจโลก
วันที่ 4 มีนาคม 2568 ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดงานเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี (TJA 70th Anniversary Talk) โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ THAILAND VS GLOBEL โอกาสและความท้าทายในภูมิทัศน์โลก ว่า ตนเป็นมิตรที่ดีกับนักข่าวเสมอ ไม่เคยหนีนักข่าว เพราะเป็นช่องทางสำคัญที่เราได้มีโอกาสสื่อสาร เราสามารถส่งสารผ่านสื่อไปให้สังคม และประเทศได้รับรู้ ถือว่าเป็นเกียรติ และตนเห็นความสำคัญของอาชีพสื่อมวลชนจะทำให้โลกขยับขยาย พัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีได้
ในโอกาสวันนักข่าว 5 มีนาคม ถือเป็นวาระสำคัญของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน และสมาคมนักข่าวฯ ครบรอบ 70 ปี ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับองค์กรวิชาชีพที่มีบทบาทสำคัญในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในการสร้างสรรค์สังคมและทำหน้าที่ตรวจสอบนำไปสู่การก้ไขปัญหาและการสร้างความยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำของสังคม
โอกาสและความท้าทายในภูมิทัศน์โลก ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งในยุคของความเปลี่ยนแปลงอย่างในปัจจุบัน โลกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ การเปลี่ยนแปลงทุกวันนี้เกิดทั้งจากธรรมชาติ และฝีมือมนุษย์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติแยกไม่ออกจากฝีมือมนุษย์ ส่งผลให้ธรรมชาติกลับมาส่งผลกระทบกับวิถีของประชาชน รวมถึงชีวิตพวกเราด้วย
เรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง โคลนถล่ม เช่น โคลนถล่มที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นโคลนดินที่ถล่มลงมาเนื่องมาจากการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ประเทศเมียนมา น่าสลดใจเมื่อตนไปดู โคลนท่วมบ้านทั้งหลัง ช้าไปก็เป็นดินแข็งต้องหาทางแก้ไขปัญหา เมื่อก่อนเราไม่เคยเจอสิ่งเหล่านี้ เจอแต่น้ำหลาก
หรือฝุ่น PM2.5 เกิดขึ้นในหลายที่ ตนอยู่เมืองไทยบางวัน ค่าฝุ่น 200-300 ไมโครกรัม เราก็ตกใจ ตนไปประชุม รมว.กลาโหม ดูนิทรรศการที่เวียดนามค่าฝุ่น 350-400 ไมโครกรัม เกิดขึ้นทั่วดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตนไปประชุมที่ปีนัง มาเลเซีย ทุกคนก็พูดเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่อาเซียนต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ
ดังนั้น ต้องยอมรับว่าวันนี้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงจากมนุษย์ และธรรมชาติ มาก ยังไม่นับรวมความสัมพันธ์ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ซึ่งภูมิทัศน์เปลี่ยนแปลงไป สร้างปัญหาให้เกิดขึ้น ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งของสมาคมโลก ปฏิเสธไม่ได้เรากำลังเผชิญคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงจากทุกมิติ เราอยู่ในจุดยืนที่ต้องทบทวนถามตนเอง และถูกเรียกร้องให้เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่อาจนิ่งเฉยหรือหลีกเลี่ยงได้ สิ่งนี้คือกระแสพลวัตรที่รุกประชิดตัวเราในหลายๆ ด้าน
“เรากำลังอยู่ในยุคการแข่งขันที่ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจแต่แข่งขันในทุกมิติ ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และอุบัติภัยที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ และการเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ เช่น ยาเสพติด การเผาป่า หรือ แม้กระทั่ง PM2.5 ยาเสพติด คอลเซนเตอร์ เป็นผลกระทบไม่เฉพาะประเทศไทย แต่เป็นผลกระทบต่อประชาคมโลก ซึ่งไทยกำลังปราบปรามอย่างเต็มที่” นายภูมิธรรม กล่าว
ปัญหาเหยื่อค้ามนุษย์แก๊งคอลไทยประสบปัญหาลำเลียงคนออกยาก
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ประเทศไทยมีค่าเสียหายจากแก๊งค์คอลเซนเตอร์วันหนึ่งประมาณ 80 ล้านบาท เดือดร้อนกันไปทั่ว แต่จากการที่เราเท่าทันกับความเปลี่ยนแปลง เราได้รับรู้และรับทราบว่าเป็นภัยคุกคาม การที่เราร่วมมือกัน 3 ประเทศ ไทย จีน เมียนมา เป็นการพูดคุยกัน 3 ประเทศ ไม่ใช่มาจากจีนกำหนด แล้วเราทำตามจีน แต่เป็นการพูดคุยกัน 3 ประเทศก่อนหน้านี้มาเป็นเดือน
รัฐมนตรีความมั่นคงของจีน ได้คุยกับกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ ว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นในบริเวณที่เป็นทางผ่านของประเทศไทย ทั้งซีกตะวันตก ภาคเหนือ ลามมาถึงภาคคะวันออก ภาคใต้มีบ้าง แต่ต้องโผล่ไปที่มาเลเซีย ดังนั้น มีปัญหาทุกด้าน ตนไปคุยด้วยทั้งหมด คนที่เป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ จีนมีมากที่สุด แอฟริกา เอธิโอเปีย เคนยา
อย่างไรก็ตาม ในการส่งเหยื่อค้ามนุษย์กลับประเทศ เรากำลังประสบปัญหาในการลำเลียงคนเหล่านี้ออกมันยาก จึงกำหนดเงื่อนไขในการตรวจสอบ คัดกรอง ก่อนเข้าประเทศ ถ้าประเทศต้นทางพร้อมมารับจึงจะให้เข้าประเทศไทย เพราะถ้านำเข้าประเทศแล้วไม่มีประเทศต้นทางมารับ เราจะต้องรับผิดชอบดูแล ไทยไม่ใช่ประเทศที่ใหญ่ ไม่มีปัญญาทำแบบนั้น
“ผมยืนยันว่าเราทำละเอียดรอบคอบ ไบโอเมทริกซ์เราใช้หมด ไม่ต้องห่วง ไม่ทำผมติดคุกหมด ไม่ได้เป็นวาทกรรมที่ไปเที่ยวพูด และเราอนุมัติให้ประเทศต้นทางมารับ รีบทยอยเอาเหยื่อกลับไปให้หมด เพราะกลุ่มประเทศที่เป็นชนกลุ่มน้อย ตามแนวชายแดน เขารับไม่ไหวแล้ว ถ้าเขาปล่อยคนเหล่านี้ เมื่อประเทศไทยมีช่องทางธรรมชาติค่อนข้างยาว จะทำให้คนทะลักเข้ามาประเทศไทยทั้งหมด ผมจึงสั่งให้รีบติดต่อทุกประเทศ จีนยอมรับ จะเข้ามาทุกวันรับคนของเขาออก ยอดขณะนี้ 4,000-7,000 คน แต่จริงๆ อาจมีถึง 50,000 คน ซึ่งควรต้องออกไป รวมถึงประเทศในแอฟริกา ยุโรปตะวันออก ทั้งหมดยอดมหาศาล และสิ่งที่ต้องทำโดยเร็วจึงต้องนำออกไป” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ที่ใช้เวลาเล่าเรื่องนี้ เพราะมนุษย์สร้างความเปลี่ยนแปลงโดยรวดเร็วเช่นเดียวกับธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว และก็ใหญ่โต ขณะเดียวกัน เรื่องเยียวยาน้ำท่วมเชียงราย เชียงใหม่ และภาคใต้ ใช้เงินเยียวยา 90,000 ล้าน เป็นเงินมหาศาลแล้วไม่ได้อะไรเลย ได้แค่เยียวยา ซึ่งการเยียวยาไม่ได้มีความหมายอะไรกับชาวบ้านที่สูญเสียบ้าน ดังนั้น สิ่งที่ต้องคิดไม่ใช่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เราต้องเริ่มคิดแล้วว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังอย่างไร เป้นวาระแห่งชาติอย่างไร และต้องหาทางออกอย่างไร เรากำลังพูดว่าสิ่งต่างๆ ในโลกต้องวางแผนที่จะเผชิญและแก้ไขปัญหากับมัน
ผลกระทบ “ทรัมป์” ไทยต้องเฝ้าระวังต้องรักษาสมดุล มีเสถียรภาพ ให้มั่นคง
ผลกระทบจากระเบียบโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนผู้นำมหาอำนาจ อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็เป็นปัญหาแล้ว ดั้งนั้น การเปลี่ยนแปลงของประเทศมหาอำนาจที่มีการเปลี่ยนผู้นำ ส่งแรงสะเทือนไปทั่วภูมิภาค และกำลังกำหนดทิศทางใหม่ให้กับเศรษฐกิจโลกด้วย รวมถึงการเมืองระหว่างประเทศ และความมั่นคงในแต่ละภูมิภาค
ผลของความเปลี่ยนแปลงจะทำให้แต่ละประเทศต้องเผชิญกับการเฝ้าระวัง การพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงด้านต่างๆ และประคองจุดยืนของประเทศให้มีความสมดุล ขณะเดียวกันมีเสถียรภาพ มีการสร้างความเข้มแข็งในการจัดการปัญหาต่างๆ ของประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นคง ท่ามกลางพลวัตรที่เปลี่ยนแปลงไป
รัฐบาลไทยตระหนักดีถึงปัญหา ข้อเท็จจริง และเรากำลังดำเนินนโยบายที่สมดุล เพื่อช่วงชิงโอกาสและรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย
“การกลับมาของทรัมป์ มีผลสะเทือนถือเป็นจุดเปลี่ยนอย่างยิ่งของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะนโยบายเรื่อง American First กำลังถูกผลักดันอย่างเข้มข้น สหรัฐฯ ลดบทบาทในระบบพหุภาคี และหันมาเน้นการเจรจากับทวิภาคีมากขึ้น ใช้มาตรการภาษีนำเข้านโยบายกีดกันทางการค้า เป็นเครื่องมือหลักในการต่อรองกับประเทศอื่นๆ ทำให้เราอาจเผชิญเงื่อนไขที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งการลดดุลการค้า การลดการลงทุน แม้แต่การลดความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคง”
ความขัดแย้งทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน ก็กำลังรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ตนไปในทุกเวทีประเด็นหนึ่งที่ต้องคุยคือความขัดแย้งทางทะเลจีนใต้ ทะเลเกาหลี ในอาเซียน ภูมิภาคต่างๆ เป็นการเปลี่ยนแปลงทีเกิดขึ้นจากมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ต้องทำความเข้าใจ และดำเนินการ แก้ปัญหากับมัน
ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อห่วงโซ่อุปทานของโลก ผลักดันให้บริษัทข้ามชาติจำนวนมากต้องปรับตัวกระจายฐานการผลิตมายังภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ไทยเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจบีบให้ไทยต้องเลือกข้าง
“แต่ประเทศไทยเป็นประเทศเล็กและยืนยันจุดยืนมาตลอดว่าเราเป็นมิตรกับทุกประเทศ เรารักสงบ และมีจุดยืน พยายามให้มหาอำนาจแต่ละฝ่ายพยายามใช้ความอดทนอดกลั้น ในการแก้ปัญหาอย่างสันติ เพราะสงครามที่เกิดขึ้นไม่อาจสร้างผลดีให้กับมนุษยชาติได้ สงครามมีแต่ทำลาย เราต้องบริหารความสมดุลของส่วนต่างๆ ให้ได้”
อาเซียนต้องจับมือต่อรองมหาอำนาจไทยเป็นประเทศเล็ก แต่ภูมิรัฐศาสตร์ไทย คือ จุดเด่น
ในวิกฤตย่อมมีโอกาสไทยสามารถใช้จังหวะนี้ให้เป็นประโยชน์ ในการเสริมสร้างความแข่งขัน และใช้ตำแหน่งที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของประเทศให้เกิดประโยชน์สุงสุด และต้องเร่งดึงดูดการลงทุนจากบริษัทที่กำลังหาฐานการผลิตใหม่ พร้อมกับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของโลก ไทยต้องเร่งการขับเคลื่อนและเร่งการพัฒนาให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ร่วมผลักดันให้ประเทศต่างๆ ร่วมแสวงหาโอกาสทางยุทธศาสตร์ร่วมกัน โดยเฉพาะอาเซียน เป็นโอกาสสร้างอำนาจการต่อรอง ลดการพึ่งพามหาอำนาจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
“การขยายความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียนถือเป็นโอกาสที่จะสร้างอำนาจต่อรอง ประเทศไทยประเทศเดียวไม่มีปัญญาไปสร้างอำนาจต่อรอง เพราะเป็นประเทศเล็กมาก แต่จุดยืนที่เรากำลังยืนอยู่ และภูมิรัฐศาสตร์ที่เรายืนอยู่เรามีความสำคัญ” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยวหรือพึ่งพามหาอำนาจภายนอกเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ไทยต้องร่วมผลักดันอาเซียนให้เป็นองค์กรที่เข้มแข็งและสามารถกำหนดอนาคตของภูมิภาคนี้ได้ด้วยตัวเอง บทบาทความร่วมมือของอาเซียนสามารถถ่วงดุลกับมหาอำนาจได้ ไม่ให้ความขัดแย้งถูกนำไปขยายตามเจตน์จำนงของประเทศมหาอำนาจที่มีผลประโยชน์แตกต่างกัน
รัฐบาลมุ่งมั่นทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และขีดความสามารถของประชาชน รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่ทุกคนเติบโตและแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม สร้างระบบเศรษฐกิจที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น และสร้างสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจเพื่อให้ไทยสามารถรักษาบทบาทบนเวทีโลกอย่างมีเสถียรภาพและมีเกียรติภูมิ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในมิติด้านเศรษฐกิจ ได้ดำเนินนโยบายเชิงรุกดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพอย่างมีนัยยะสำคัญ ในปี 2567 ประเทศไทยได้รับการขอรับการส่งเสริมการลงทุน 1.3 ล้านล้านบาท ถือว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี เป็นผลมาจากนายกฯ เยือนต่างประเทศมากกว่า 14 ประเทศ พบผู้บริหารเอกชนชั้นนำ 40 กว่าแห่ง ดึงความเชื่อมั่นการลงทุนมายังประเทศไทย และยังส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย ดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ไฟฟ้า ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะการลงทุนศูนย์ข้อมูล data center การบริการคลาวด์เซอร์วิส มูลค่ากว่า 2.4 แสนล้าน ที่ดึงเงินเข้ามาพัฒนาประเทศ
สิ่งเหล่านี้สะท้อนความมุ่งมั่นรัฐบาลในการพลิกโฉมเศรษฐกิจไทยสู้ สู่เศรษฐกิจใหม่และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั่วโลก นี่คือความพยายามของเราในการรับมือความเปลี่ยนแปลง
สื่อต้องไม่เอาใจผู้มีอำนาจประวัติศาสตร์สมาคมนักข่าว คือ นักต่อสู้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า บทบาทของสื่อมวลชนในโลกที่เต็มไปด้วยภัยคุกคามและปัญหาสังคม ต้องยอมรับว่าสื่อมวลชนเป็นวิชาชีพและเป็นสถาบันที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาของประเทศ สื่อมวลชนควรเป็นผู้ส่งสารที่เป็นทั้งข้อมูลและข้อเท็จจริงในการเผชิญหน้าภัยคุกคามของสังคมไทย
เรากำลังเผชิญวิกฤตใหม่หลายรูปแบบที่ประชาชนยังตามไม่ทันกับความท้าทายเหล่านี้ ทั้งอาชญากรข้ามชาติ เศรษฐกิจใต้ดิน การบิดเบือนข้อมูลและภัยคุกคามไซเบอร์ ซึ่งส่งผลให้เกิดแนวโน้มที่รุนแรงระหว่างความคิดที่แตกต่างกันจนอาจจะนำไปสู่การแบ่งแยกทางสังคม นำไปสู่สังคมที่แตกแยกและรุนแรงได้
และสื่อมวลชน ควรเป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูลและเสนอทางเลือกของความจริงที่หลากหลาย เพื่อสร้างชุดความรู้ให้ประชาชนเข้าถึงความจริงในสถานการณ์ของการเปลี่ยนแปลงในโลก การทำหน้าที่ปลุกสร้างจิตสำนึกใหม่ทางสังคม ด้วยข้อเท็จจริงมากกว่าเพิ่มยอดเอนเกจเมนต์ที่เพิ่มยอดผู้ติดตามแต่ให้ข้อเท็จจริงไม่หมด และทำให้ข้อเท็จจริงที่สื่อสารเต็มไปด้วยความเห็นและความรู้สึกส่วนตัวและทำให้กระแสความขัดแย้งของสังคมเพิ่มขึ้นจนเกิดอคติต่อกัน จนนำไปสู่ทิศทางที่ไม่พึงปรารถนาได้
ในฐานะที่สื่อเป็นที่ยอมรับของสังคมและมีบทบาทหน้าที่ชี้นำสังคมได้ อยากให้สื่อมวลชนใช้ความซื่อตรงมาดำเนินการในการแก้ไขปัญหา วิเคราะห์ความเป็นจริงให้มากที่สุด
“ผมไม่คิดว่าท่านต้องไปเอาใจผู้มีอำนาจ เพราะประวัติศาสตร์ของสมาคมนักข่าว ประวัติศาสตร์ของนักสู้ ในบทบาทสื่อมวลชนตราบที่ยาวนานมา ผมอยากเห็นการพัฒนา ทุกๆ วิชาชีพ ถ้าหากเราไม่ได้ยึดมั่นในเจตน์จำนงและอุดมการณ์ของเรา ที่เราดำเนินการอยู่ การมองปัญหาโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม มีแนวโน้มที่อาจนำไปสู่การใช้ความเชื่อความคิดตัวเองในการวิเคราะห์ตัดสินได้ ผมอยากเห็นสื่อมวลชนไทยทำหน้าที่เสนอความจริงให้มากที่สุด ถ้าจะมีความเห็นให้แสดงให้ชัดว่าเป็นความเห็น ไม่ใช่ปะปนลงไปในข้อเท็จจริง”นายภูมิธรรม กล่าว
รัฐบาลและสื่อต้องปรับไปด้วยกันกับโลกที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็วและท้าทาย
นายภูมิธรรม กล่าวปิดท้ายว่า โอกาสและความท้าทาย ในภูมิทัศน์โลก ประเทศไทย ต้องไม่เป็นเพียงผู้ตามในการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่ต้องเป็นผู้นำในการกำหนดอนาคตของตัวเอง เราต้องสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ไม่ใช่เพียงอาศัยต้นทุนแรงงานราคาถูก
เราต้องกลับมามีบทบาทสำคัญร่วมกันนำอาเซียน ให้มีบทบาทสำคัญในเวทีโลกในฐานะกลุ่มประเทศที่มีเสถียรภาพและศักยภาพในการแข่งขัน รวมกันเท่านั้นเราถึงจะสามารถสร้างอำนาจต่อรองในบริบทของโลกได้
ก็ขอให้พวกเราทุกคนโดยเฉพาะสื่อมวลชนช่วยกันผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่ อนาคตที่แข็งแกร่งและพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายของโลกไปด้วยกัน
“ผมยืนยันว่าความตื่นรู้ของพวกเราทั้งรัฐบาลและสื่อมวลชน เป็นความจำเป็นที่ต่างต้องเรียนรู้และปรับตัวไปด้วยกัน อนาคตของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถือเป็นความท้าทายใหม่ ในปัจจุบันที่สำคัญ ที่รอการร่วมมือและการร่วมบริหารจัดการอย่างชาญฉลาด ของกลุ่มต่างๆ และพี่น้องประชาชนในประเทศไทย และประชาคมโลก โดยเฉพาะพวกเราทุกคนจะมีส่วนช่วยรับมือกับความท้าทายในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันได้อย่างดี” นายภูมิธรรม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี