"สว.มณีรัฐ" แนะ ธพว.ปรับโฟกัสจาก "ตัวเลขกำไรของธนาคาร" ไปสู่ "ความยั่งยืนของ SME" ชี้แก้ปัญหาสินเชื่อ-หนี้เสีย-อบรม SME ไม่ตรงจุด พร้อมแนะปักธง 4 แนวทางยุทธศาสตร์ 5 ปี สร้างความมั่นคงธุรกิจแข็งแกร่งอย่างมั่นคงยั่งยืน
ที่รัฐสภา วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 20 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) โดยที่ประชุมได้รับรายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566
นางสาวมณีรัฐ เขมะวงษ์ วุฒิสมาชิกจากกลุ่มผู้ประกอบการ SME ได้อภิปรายภายหลังรับฟังรายงานว่า ผลการดำเนินงานของ ธพว. มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนที่ต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะแนวทางปฏิรูปเพื่อสร้างเสถียรภาพให้ SME ซึ่งเป็น "กระดูกสันหลังของเศรษฐกิจ" คิดเป็นร้อยละ 99 ของธุรกิจทั่วประเทศ และเป็นแหล่งจ้างงานกว่าร้อยละ 70
"ตัวเลขกำไรไม่ใช่ดัชนีหลักในการวัดความสำเร็จของ ธพว." สว.มณีรัฐกล่าว พร้อมอธิบายว่า แม้ ธพว. จะมีกำไร 617.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.61 และมีสินทรัพย์รวมเกือบ 1.2 แสนล้านบาท แต่กำไรไม่ควรเป็นเป้าหมายหลัก เพราะบทบาทสำคัญของธนาคารคือ การส่งเสริมความมั่นคงและความยั่งยืนของผู้ประกอบการ SME
"หาก SME สามารถดำเนินธุรกิจได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสินเชื่อระยะสั้นมากเกินไป หรือขยายกิจการโดยไม่สร้างภาระหนี้สูง ธพว. ควรกำหนดตัวชี้วัดด้านความมั่นคงทางธุรกิจของ SME ควบคู่ไปกับการประเมินผลกำไรขององค์กร" สว.จากกลุ่มผู้ประกอบการ SME กล่าว
สว.มณีรัฐอภิปรายเพิ่มเติมว่า แม้ ธพว. จะมียอดเบิกจ่ายสินเชื่อรวม 70,695.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.74 จากปีก่อน แต่ มี SME ที่ได้รับสินเชื่อเพียง 5,898 ราย จากกว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศ สะท้อนปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อที่ยังเป็นอุปสรรคสำคัญ
"สาเหตุหลักมาจาก ข้อจำกัดในการออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่อ และการขาดกลไกสนับสนุนให้ SME สามารถบริหารจัดการหนี้สินได้อย่างยั่งยืน ธพว. ควรพัฒนาสินเชื่อที่มีโครงสร้างการชำระคืนที่ยืดหยุ่นตามรายได้จริง หรือสนับสนุนเงินทุนเพื่อการพัฒนาศักยภาพระยะยาว แทนที่จะเน้นเพียงสินเชื่อหมุนเวียนเพียงอย่างเดียว"
ส่วนการบริหารจัดการหนี้เสีย (Non-Performing Loan: NPL) ของธนาคารแม้ว่าหนี้เสียจะลดลงร้อยละ 18.17 แต่ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง โดยให้ ธพว. ควรเพิ่มมาตรการป้องกัน อาทิ พัฒนาสินเชื่อที่สะท้อนสภาพคล่องของธุรกิจ จัดอบรมการบริหารหนี้ และผ่อนปรนเงื่อนไขสินเชื่อในช่วงภาวะเศรษฐกิจซบเซา
สว.มณีรัฐยังอภิปรายถึง โครงการพัฒนาผู้ประกอบการอย่าง SME D Coach และ SME D Jump ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 18,289 ราย แต่ มีเพียง 1,055 ราย หรือร้อยละ 6 ที่สามารถนำความรู้ไปปรับใช้จริง ดังนั้น ธพว. ควรเพิ่มการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาระบบที่ปรึกษาตลอดเส้นทางธุรกิจของ SME แทนที่จะเป็นการอบรมเพียงครั้งเดียว
สว.จากสาย SME ยังกล่าวว่า "ปัญหาคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบการและแรงงาน SME มักถูกมองข้าม" หลายคนเผชิญภาวะเครียดจากหนี้สิน ไม่มีหลักประกันยามเจ็บป่วย หรือขาดสวัสดิการพื้นฐาน โดยเสนอให้ ธพว. ร่วมมือกับภาคเอกชนในการผลักดันโครงการประกันสังคมเฉพาะกิจ และพัฒนาสินเชื่อที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบการและแรงงาน
สว.มณีรัฐเสนอให้ ธพว. บรรจุ 4 แนวทางสำคัญ ไว้ในแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (2567-2571) คือ 1. เพิ่มตัวชี้วัด "ความมั่นคงของ SME" ควบคู่กับการวัดผลกำไรขององค์กร 2.ออกแบบสินเชื่อที่ลดความเสี่ยงจากหนี้เสีย ให้สอดคล้องกับสภาพคล่องของ SME 3. ขยายโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบการและแรงงาน 4.ทบทวนผลิตภัณฑ์เงินทุนระยะยาว เพื่อลดการพึ่งพาสินเชื่อหมุนเวียน
"เป้าหมายสูงสุดคือเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง และลดความเหลื่อมล้ำ ธพว. ต้องเป็นมากกว่าธนาคาร แต่ต้องเป็นเพื่อนคู่คิดของ SME ทุกคน" สว.มณีรัฐ กล่าวปิดท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี