ลุ้นฮั้วเลือกสว.เป็นคดีพิเศษ 6 มี.ค.
กกต.ไม่ร่วมสังฆกรรม
เมินถก‘กคพ.’/แค่ทำจดหมายชี้แจง
DSI ชงที่ประชุมเต็มเหนี่ยว
ย้ำผิดอั้งยี่-ซ่องโจร-ม.116
กกต.เมินร่วมถกกับคณะกรรมการคดีพิเศษในวันที่ 6 มีนาคม แค่ทำจดหมายชี้แจงอำนาจหน้าที่ ด้านดีเอสไอ ย้ำชัด ถกบอร์ดดังกล่าวเสนอ คดีฮั้วเลือกตั้งสว.เป็นคดีพิเศษ ความผิด “อั้งยี่-ฟอกเงิน-ม.116 ความมั่นคง”ถ้าได้รับอนุมัติพร้อมลุยทันที ด้านสว.สีน้ำเงิน รอตั้งรับเย้ยข้อหา “ฟอกเงิน” สารตั้งต้น ค่าสมัคร สว.แค่2,500 บาท อดีตตุลาการศาลรธน. ชี้ชัดปมฮั้วเลือกสว.เป็นอำนาจกกต. เตือนบอร์ดคดีพิเศษวิกฤตรออยู่ข้างหน้า
คณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.)มีกำหนดการประชุมในวันที่ 6 มีนาคม หลังจากเลื่อนมาจากวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เพื่อพิจารณาให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ โดยที่ประชุมมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมเข้าข่ายความผิด “อั้งยี่-ฟอกเงิน-ม.116 ความมั่นคง”ในขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยืนยืนยันว่าเป็นอำนาจของกกต.ที่จะดำเนินคดีทุกอย่างเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่กฎหมายให้อำนาจไว้
เผยกกต.ไม่เข้าร่วมประชุม
โดยเมื่อวันที่ 5 มีนาคมผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงภายในบอร์ดกคพ. ว่ากกต.จะมีชี้แจงตามคำเชิญของ กคพ.หรือไม่ ก็ไม่ไม่ส่งผลต่อการประชุมในวันที่ 6 มี.ค. เพราะท้ายสุดแล้วกรรมการก็จะมีการพิจารณาด้วยข้อมูลที่มีต่อไปได้ อีกทั้งโครงสร้างของบอร์ด กคพ. ไม่ได้มีสัดส่วนของ กกต. อยู่ในฐานะกรรมการ แต่เพียงแค่ครั้งนี้เรามีความประสงค์เชิญ กกต. มาร่วมหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ที่จะทำให้บางประเด็นกระจ่างขึ้นเท่านั้น
“ภูมิธรรม”เป็นประธาน
แหล่งข่าว เผยอีกว่า ส่วนการประชุมบอร์ด กคพ.ในวันที่ 6 มี.ค. จะเริ่มประชุมในเวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 10-01 ชั้น 10 อาคารกระทรวงยุติธรรม โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม กคพ. ครั้งที่ 3/2568 ส่วนคณะกรรมการ ประกอบด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รองประธานกรรมการ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เจ้ากรมพระธรรมนูญ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายกสภาทนายความ และผู้ทรงคุณวุฒิที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอีก 9 ราย ร่วมเป็นคณะกรรมการฯ และมีอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นกรรมการและเลขานุการ
ยังประเมินรับคดีพิเศษไม่ได้
แหล่งข่าว เผยต่อว่า ส่วนแนวโน้มสถานการณ์การลงมติรับหรือไม่รับคดีฮั้ว สว.67 เป็นคดีพิเศษนั้น ไม่สามารถประเมินได้ เพราะอย่างไรก็ต้องรอฟังผลการหารือของกรรม การทุกท่านในที่ประชุม อีกทั้งจะได้มีการแจ้งต่อที่ประชุมด้วยว่าในกรณีที่มติที่ประชุมได้ให้ไปดำเนินการเสนอเรื่องผ่านคณะอนุกรรม การกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษก่อนเข้าบอร์ดในวันที่ 6 มี.ค.นั้น ทางคณะอนุกรรมการฯ โดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยอนุกรรมการฯ รวม 13 ท่านก็ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ย้ำอั้งยี่-ซ่องโจร-,มั่นคง
และทางคณะอนุกรรมการฯ ก็ได้มีข้อเสนอเพิ่มเติมเข้ามาว่าเห็นควรรับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากอนุกรรมการฯ ได้เห็นเป็นเอกฉันท์ตรงกันว่า มันมีความผิดอาญาเกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 (อั้งยี่) มาตรา 116 (ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ) มาตรา 77 (1) แห่ง พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 ววรคหนึ่ง (ก) - (จ) แห่ง พ.ร.บ. การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เนื่องจากมีผลกระทบเป็นวงกว้าง ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีต่อประชาชน ส่วนหากบอร์ด กคพ. จะมีมติเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร ก็เป็นดุลพินิจของกรรมการทั้ง 22 ท่านภายในบอร์ดฯ
แหล่งข่าวฯ เผยด้วยว่า สำหรับความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อย่างมาตรา 77 (1) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 จริงๆแล้วไม่ได้ตัดอำนาจหน่วยงานใด เว้นแต่ กกต. จะขอรับโอนเรื่องที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งไปดำเนินการเอง ซึ่งหมายความว่าหากในวันที่ 6 มี.ค. บอร์ด กคพ. มีความเห็นให้รับคดีอาญาอื่นรวมถึงคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้เป็นคดีพิเศษด้วยนั้น กกต. ก็จะต้องแจ้งว่า กกต. จะรับเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้ดำเนินการเอง หรือจะให้ดีเอสไอดำเนินการ ถ้าหากว่า กกต. จะรับไปดำเนินการ เราก็ต้องส่งรายละเอียดคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ กกต. ภายใน 7 วัน ทั้งนี้ เท่าที่ทราบ กกต. จะมีกระบวนการไต่สวน และยื่นให้ศาลฎีกาพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องการตัดสิทธิ์เท่านั้น โดยที่ผ่านมา กกต. จะไม่ดำเนินคดีอาญาแก่บุคคลใด แต่ กกต. จะให้หน่วยงานพนักงานสอบสวนที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายเป็นผู้ดำเนินการแทน
เผยกกต.แค่ทำหนังสือชี้แจง
แหล่งข่าว ยังระบุถึงฉากทัศน์การทำสำนวนสอบบสวนคดีฮั้ว สว.67 หากบอร์ด กคพ. รับไว้เป็นคดีพิเศษ ว่า ทางดีเอสไอก็จะต้องมีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษขึ้นมา พร้อมกับตั้งเจ้าพนักงานจากหน่วยงานอื่นมาร่วมเป็นพนักงานสอบสวนด้วย เพราะเราจะไม่ทำสำนวนฝ่ายเดียว แต่ต้องเชิญเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ มาทำการสอบสวนร่วมกัน เพื่อดำเนินการสอบสวนให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงและมีประสิทธิภาพ และจะได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล หรือชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อพิสูจน์ความจริง
บอร์ดผู้ทรงคุณวุฒิขอลา
แหล่งข่าว ระบุด้วยว่า สำหรับหนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่เข้าหารือถึงแนวทางการตอบคำถามที่ได้ถามสำนักงาน กกต. ใน 2 คำถาม และในหนังสือระบุว่า ขอให้ส่งเลขาธิการ กกต. หรือผู้แทน กกต. มาตอบคำถามเกี่ยวกับการตีความข้อกฎหมาย และการดำเนินการตามมาตรา 49 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 ในการประชุมกับคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ พบว่ารายละเอียดภายในหนังสือตอบกลับของ กกต. สรุปใจความสำคัญได้ว่า ให้หน่วยงานสามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานได้ ไม่มีความจำเป็นต้องรอทาง กกต. เพราะกฎหมายของ กกต. ไม่ได้เป็นการตัดอำนาจการดำเนินการของหน่วยงานอื่นใด นอกจากนี้ ในวันที่ 6 มี.ค. จะไม่ได้มีผู้แทนของ กกต. เข้าร่วมประชุมบอร์ด กคพ. ด้วยแต่อย่างใด
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ในสัดส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ปรากฏว่า พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้แจ้งลาการประชุมเป็นครั้งที่ 2 โดยให้เหตุผลติดภารกิจราชการ ซึ่งในการประชุมบอร์ด กคพ. ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งคู่ก็ได้ลาการประชุมด้วยเหตุติดภารกิจราชการและมีอาการเจ็บป่วย แต่ถึงแม้จะไม่มีผลเรื่องโทษจากการไม่ร่วมประชุม แต่เมื่อครบกำหนดวาระ 2 ปี ก็คงต้องมีการแต่งตั้งผู้อื่นมาทำหน้าที่แทน ต้องขอให้ผู้ที่ไม่สะดวกมาทำหน้าที่ได้ยื่นลาออก หรือภายในบอร์ดฯ ต้องมีการเสนอให้ลาออก เพราะเมื่อเป็นวาระระดับประเทศ ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อออกความคิดเห็น แต่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ก็จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้ผู้อื่นมาทำหน้าที่ตรงนี้แทน ซึ่งการจะแต่งตั้งผู้ใดมาเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนกันนั้น จะต้องมีการเสนอรายชื่อ แต่งตั้ง และรายงานต่อที่ประชุม ครม.
กกต.ไม่เข้าประชม
“การประชุมวันที่ 6 มี.ค. ทางดีเอสไอจะมีการเสนอให้บอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) รับทราบว่า ดีเอสไอจะรับผิดชอบสอบสวนคดีฮั้ว สว.67 ไว้เป็นคดีพิเศษ ในฐานความผิดอาญามาตรา 209 (อั้งยี่) มาตรา 116 (ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ) มาตรา 77 (1) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ส่วนทางสำนักงาน กกต. จะทำเรื่องการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเพิกถอน เป็นต้น” แหล่งข่าว ปิดท้าย
มีรายงานข่าวจากกกต.ว่าได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังดีเอสไอแล้ว และจะไม่ไปร่วมประชมกับ กคพ.
ซึ่งการไม่ส่งผู้แทนไปร่วมประชุม กกต.มองว่า สำนักงาน กกต. ได้แนวทางคำตอบที่ชัดเจนตามคำถามของ DSI แล้ว การส่งผู้แทนไปร่วมประชุมและตอบคำถามอาจเป็นการให้คำตอบที่ไม่สมบูรณ์ และไม่ครบถ้วนถูกต้อง
สว.ขอรอดูท่าทีก่อน
เมื่อเวลา11.00น. ที่รัฐสภา พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกรณีบอร์ด กคพ. เตรียมพิจารณาจะรับคดีฮั้วเลือก สว. ปี2567 เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ในวันที่ 6 มีนาคมว่า ตนไม่ขอก้าวล่วงหรือแสดงความเห็น และไม่สามารถคาดเดาได้ รวมทั้งการเคลื่อนไหวว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ
เมื่อถามว่าในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ช่วงกล่าวปิดญัตติเกี่ยวกับปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม ระบุ หากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) รับเรื่องฮั้วสว. เป็นคดีพิเศษอาจเข้าข่ายล้มล้างความปกครอง พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า รูปแบบการปกครองของเรามีการถ่วงดุลอำนาจการอย่างเหมาะสม ฝ่ายใดถูกควบคุมโดยใคร อำนาจหน้าที่แค่ไหนก็ทำไปแค่นั้น อย่าทำเกินเลยไปกว่าที่รัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
เมื่อถามว่าดีเอสไออ้างว่าถ้าเข้าข่ายการฟอกเงิน สามารถส่งเป็นคดีพิเศษได้ โดยไม่ต้องผ่าน กคพ. พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ย้อนถามว่า ความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ดีเอสไอมีหน้าที่ดำเนินการได้ ซึ่งสารตั้งต้นในการฟอกเงินมีเท่าไหร่ดีเอสไอต้องพิจารณา แต่ข้อเท็จจริงรู้หรือไม่ว่าสารตั้งต้นของ สว. แค่ 2,500 บาท ค่าสมัครเท่านั้น
จรัญย้ำเป็นอำนาจของกกต.
นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ผ่าน ไทยโพสต์ เกี่ยวกับกรณีที่ คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) หรือ “บอร์ดคดีพิเศษ” นัดประชุมวันที่ 6 มีนาคม เพื่อลงมติว่าจะรับกรณี ฮั้วเลือก สว.เป็น คดีพิเศษหรือไม่ ว่าข้อหา ‘อั่งยี่-ซ่องโจร’ เกิดจากปมฮั้วเลือกสว. ต้องอยู่ในอำนาจ ‘กกต.’ ตามกฎหมายโดยตรงไม่ใช่ดีเอสไอ หวัง 6 มีนาคม ‘บอร์ดคดีพิเศษ’ ไม่รับเป็นคดีพิเศษ เตือนหากรับอาจมีวิกฤติบางอย่างรออยู่ข้างหน้า!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี