กลุ่มล้อการเมืองมธ.
บุกสภาฯร้องกมธ.
ถูกจนท.รัฐคุกคาม
หลังบอลประเพณี
“กลุ่มล้อการเมืองธรรมศาสตร์”บุกสภาร้องกรรมาธิการฯ ถูกเจ้าหน้าที่รัฐคุกคาม ติดกล้องวงจรปิด ในมหาวิทยาลัย-หอพัก พร้อม กาหัวเป็นบุคคลเฝ้าระวัง เหตุจัดกิจกรรมฟุตบอลประเพณี มธ.-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 กังขามหาวิทยาลัยละเลย ด้าน “ชุติพงศ์”ชี้ไม่ควรเกิดเหตุยุคประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา น.ส.ธันยชนก ชาลีเขียว ตัวแทนกลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้ายื่นหนังสือให้ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ รองประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน คนที่หนึ่ง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว โฆษก กมธ. เพื่อขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการติดตามคุกคาม ติดกล้องวงจรปิดในบริเวณมหาวิทยาลัยและทำรายชื่อ watch list เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนและละเมิดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยเป็นรัฐภาคี นอกจากนี้ น.ส.ธันยชนก ยังได้ยื่นหนังสือถึง นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ เลขานุการคณะกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เรื่อง ข้อชี้แจงการแสดงออกของกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ ผ่านขบวนล้อการเมืองไม่เป็นภัยความมั่นคงต่อประเทศหรือกระทบต่อสถาบันหลักของประเทศชาติ
โดย น.ส.ธันยชนก กล่าวว่าสืบเนื่องกลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามทั้งในมหาวิทยาลัย และบริเวนหอพัก ซึ่งถือเป็นการคุกคามเพื่อสร้างความหวาดกลัว จากการจัดกิจกรรมในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75
“โดยปรากฏหลักฐานว่ามีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ทำงานของกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ จากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และในช่วงเวลาเดียวกันมีการแจ้งจากเจ้าหน้าที่กองกิจการนักศึกษาว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้จัดทำรายชื่อบุคคลติดตามเฝ้าระวัง โดยมีชื่อของสมาชิกกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ ด้วยจึงขอให้คณะ กมธ. ช่วยตรวจสอบและสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว”
น.ส.ธันยชนกกล่าวต่อว่า สำหรับจุดยืนของกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ เห็นว่าการติดตามคุกคามและการสอดส่องข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งไม่ทราบว่ามหาวิทยาลัยในฐานะเจ้าของสถานที่ และสมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ในฐานะผู้จัดงาน ละเลยให้มีเรื่องราวเช่นนี้ได้อย่างไร จึงขอส่งเสียงไปยังรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และประกาศตัวว่ามีความใส่ใจกับเรื่องสิทธิมนุษยชน รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้มีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น และรัฐบาลควรมีความรับผิดชอบโดยการกำกับดูแลหน่วยงานความมั่นคงภายใต้สังกัดของรัฐบาล ไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ว่าจะกับกลุ่มใดก็ตาม
นายชุติพงศ์ กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกล้องไปติดในมหาวิทยาลัยถูกสั่งการโดยใคร รวมถึงการทำ watch list เพื่อจะติดตามนักศึกษาซึ่งเป็นอนาคตของชาติไม่ควรจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งอีก เพราะว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่แทบไม่ต่างจากรัฐบาลสมัย คสช. ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านมาสู่ยุคของระบอบประชาธิปไตยที่มีนายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง ไม่ควรมีเรื่องเช่นนี้ นอกจากนี้ขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลตำรวจ นายกฯ รับทราบเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่ ถ้าเกิดรับทราบแล้วยังจะมีนโยบายแบบนี้ต่อหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กมธ.จะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาในวาระถัดไป
ด้านน.ส.ชลธิชา กล่าวว่า รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้แสดงเจตจำนงว่าจะยึดมั่นในหลักคุณค่าสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด และประเทศไทยได้เข้าไปอยู่ในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ดังนั้นภารกิจสำคัญของรัฐบาลชุดนี้คือต้องทำให้ประชาชนทุกๆ คนมั่นใจได้ว่าการใช้สิทธิเสรีภาพจะไม่ถูกละเมิด ไม่ถูกขัดขวาง เฉกเช่นเดียวกับรัฐบาลในยุคของเผด็จการ แต่การที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงหรือแม้กระทั่งมหาวิทยาลัยพยายามขัดขวางการใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย รวมถึงการทำรายชื่อ watch list เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน การมองว่าประชาชนเป็นภัยความมั่นคงของรัฐเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ดังนั้นขอให้นักศึกษามั่นใจว่า กมธ.การกฎหมายฯ จะบรรจุเรื่องนี้เข้าในวาระการประชุมของคณะ กมธ. อย่างแน่นอน และจะมีมาตรการ ข้อเสนอแนะให้กับทางรัฐบาล โดยเฉพาะหน่วยงานความมั่นคง เพื่อย้ำว่าประชาชนนั้นอยู่ในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและเป็นรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี