"กมธ.สาธารณสุข"รุมขยี้"ประกันสังคม" อัดสิทธิประโยชน์"ผู้ประกันตน"ยังต่ำกว่า"บัตรทอง" ส่อเกิดปัญหาเบิกจ่าย จี้โอนให้"สปสช."ดูแลระบบประกันสุขภาพทั้งหมด บี้ขอเอกสารบันทึกประชุมแจงเหตุผลขยายกำหนดกรอบสิทธิรักษาย้อนหลัง 23 ปี ขณะที่"สปส."แจงสิทธิประโยชน์ไม่น้อยกว่า ยันเจ็บป่วยฉุกเฉินรักษาพยาบาลใกล้เคียงได้ ไม่ต้องสำรองจ่าย พยายามเพิ่มสิทธิให้ทุกปี
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธาน กมธ.ฯ เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาศึกษาสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลของผู้ประกันตน ซึ่งได้เชิญผู้แทนจากด้วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข , สำนักงานประกันสังคม (สปส.) , สำหนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และตัวแทนจากภาคประชาสังคม โดยกรรมาธิการฯ ส่วนใหญ่ ตั้งคำถามถึงสิทธิการรักษาของผู้ประกันตนที่ได้รับสิทธิน้อยกว่าสิทธิบัตรทั้งที่ผู้ประกันตนต้องจ่ายเข้ากองทุนเอง ในขณะที่บัตรทองใช้งบประมาณของรัฐที่มาจากภาษีของประชาชน
โดย นางวราภรณ์ สุวรรณเวลา รองเลขาธิการ สปสช. ชี้แจงว่า ทั้ง 2 สำนักงานถือกฎหมายคนละฉบับ แต่สิทธิการรักษาพยาบาลส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีเพียงรายละเอียดปีกย่อยที่ต่างกัน อาทิ การรักษาโรคมะเร็งที่ผู้ประกันตนจะสามารถใช้สิทธิได้แค่โรงพยาบาลคู่สัญญาเท่านั้น ซึ่งการรักษาพยาบาลบางอย่าง สปส.ยังต้องจ่ายเพิ่มให้ด้วย
ขณะที่ น.ส.กัลยพัชร รจิตโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะกรรมาธิการฯ ตั้งคำถามถึงวงเงินค่ารักษาฟัน 900 บาท/ปี รวมถึงการรักษาฉุกเฉินผู้ประกันตนต้องสำรองจ่ายก่อน 1 หมื่นบาทจริงหรือไม่ และการรักษาอาการ 23 กลุ่มโรคที่มีการเหมาจ่ายผู้ประกันตนต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองเท่าที่มีค่าใช้จ่ายสูงใช่หรือไม่
นางชณิการ์ โกวะประดิษฐ์ ผอ.สำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ ชี้แจงว่า การรักษาฟันในคลีนิคทันตกรรมมีทั้งแบบสำรองจ่าย หรือการเข้ารับการรักษาในคลินิกที่อยู่ในข้อตกลงจะไม่ต้องสำรองจ่าย ซึ่งหากเป็นการอุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน มีวงเงิน 900 บาท/ปี แต่ถ้าเป็นการรักษาอื่นๆ จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม ส่วนการรักษากรณีฉุกเฉินจะต้องใช้โรงพยาบาลตามสิทธิ และสถานพยาบาลตามสิทธิใกล้ที่เกิดเหตุโดยโรงพยาบาลจะเป็นผู้ทำเรื่องเบิกค่ารักษาพยาบาลกับ สปส.โดยตรงได้ โดยผู้ประกันตนไม่ต้องวางเงินก่อนเข้ารับการรักษา น่าจะเป็นปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างผู้ประกันตนกับสถานพยาบาล ซึ่งหากเจอปัญหาด้านการรักษาพยาบาลสามารถติดต่อมายังสำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศไทยได้โดยตรงจะมีเจ้าหน้าที่ไปดูแล และถ้าเข้าโรงพยาบาลรัฐก็จะเบิกค่ารักษาตามบิลตามความจำเป็น ส่วนรักษาโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ยืนยันว่า สปส.เป็นผู้ที่จ่ายโดยโรงพยาบาลจะเป็นผู้ทำเรื่องเบิกแทน
นายเฉลิมชัย กุลาเลิศ สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า งบประมาณในส่วนของรายจ่ายรายหัว สปสช. 3,856 บาท/คน/ปี ขณะที่บริการทางการแพทย์ ของ สปส.อยู่ที่ 4,400 บาท/คน/ปี ต่างกันประมาณ 500 บาท แต่สิทธิการรักษาพยาบาลของบัตรทองเหมือนจะมากกว่าของผู้ประกันตน ทั้งที่ผู้ประกันตนส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้แรงงาน อายุตั้งแต่ 20 - 60 ปี ขณะที่บัตรทองส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ที่มีโอกาสป่วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากกว่า แต่กลับมีรายจ่ายน้อยกว่าผู้ประกันตนอย่างมีนัยยะสำคัญ จึงสงสัยว่ามีปัญหาในการเบิกจ่ายงบประมาณหรือไม่ ซึ่งหากยังมีปัญหาเช่นนี้ควรโอนให้ สปสช.ดูแลเรื่องระบบสุขภาพดีกว่าหรือไม่
นายอลงกต มณีกาศ สส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า สิทธิรักษาพยาบาลของประกันสังคม ว่าเหตุใดสิทธิการรักษาทุกวันนี้ ถึงด้อยกว่าสิทธิ์บัตรทอง หรือเพราะทุกวันนี้ สปส.ยังไม่ปรับตัว ประกันสังคมตามไม่ทัน เหมือนหยุดนิ่งอยู่กับที่ ซึ่งผู้ประกันตนที่เสียเงินทุกเดือน ควรจะได้รับบริการที่ดีกว่านี้ ให้ดีกว่าบัตรทอง
ส่วนตัวแทนประกันสังคม กล่าวว่า ยืนยันว่า 1 ปีที่ผ่านมา พยายามเพิ่มสิทธิการรักษา และการบริการให้กับผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น เช่น การเข้าถึงการรักษาโรคสำคัญ 5 โรค ภายใน 15 วัน ซึ่ง สปส.พยายามเพิ่มสิทธิการบริการให้กับผู้ประกันตนในทุกปี และทั้ง 2 สำนักงานก็ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด
ด้าน น.ส.สิริลภัส กองตระการ สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า พ.ร.บ.สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ที่มาตรา 66 ระบุว่าต้องประชุมภายใน 1 ปี หากไม่แล้วเสร็จสามารรถขยายได้ ซึ่งหากขยายแล้ว ต้องให้ สปส.หรือ สปสช.เป็นผู้ชี้แจง ว่าเหตุผลการขยายเป็นอย่างไร ดังนั้น ตั้งแต่ปี 2545 ก็ยังไม่มีการชี้แจงถึงเหตุผลขยายระยะเวลา ที่จะพิจารณาของเขต สิทธิการเข้ารับบริการทางด้านสาธารณสุข ซึ่งปัจจุบันควรมีความชัดเจนเรื่องของสิทธิได้แล้ว จึงอยากขอเอกสาร 23 ปีย้อนหลัง ในการบันทึกการประชุม เพราะหากไม่มีให้แสดงว่าไม่มีการประชุมเลย รวมถึงการควบรวม 3 กองทุน ที่กำลังเป็นข่าว แต่ทาง สปสช.ได้ออกมาชี้แจงว่า ยังไม่มี่ความพร้อม ต้องศึกษาก่อน ตนจึงอยากทราบกรอบระยะเวลา จะศึกษานานเท่าใด พร้อมตั้งคำถามสิทธิ์การรักษาฟัน 900 บาทต่อปี ขณะที่การรักษาต่อครั้ง อยู่ที่ 700 - 1,200 บาท แต่ทันตแพทย์มีคำแนะนำว่า คนเราควรต้องเข้าคลินิกดูแลฟัน อย่างน้อย 4 ครั้ง ต่อปี เช่น ขูดหินปูน เพราะฉะนั้น 900 บาท ไม่ครอบคลุม แต่หากเป็นสิทธิบัตรทอง สามารถใช้สิทธิรักษาเรื่อยๆ ส่วนเรื่องคู่สาย สปส.ที่มีอยู่ 400 คู่สาย แต่ผู้ประกันตนมี 24 ล้านคน มองว่าอาจจะไม่เพียงพออต่อการรับฟังปัญหา จะแก้ไขปัญหาอย่างไร
ทั้งนี้ ยังมีการซักถามในหลายประเด็นอย่างกว้างขวาง ซึ่งทางหน่วยงานยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน จึงจะขอส่งเป็นเอกสารชี้แจงให้ทางกรรมาธิการภายหลังอีกครั้งหนึ่ง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี