"ผู้ช่วย รมต.กต."ย้ำ! ไม่มีประเทศใดแน่วแน่ที่จะรับชาวอุยกูร์ไปจริงจัง แจงการบอกแค่พร้อมในความจริงไม่ได้ง่าย ยืนยันการตัดสินใจรัฐบาล เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติให้ดีที่สุด แจง"กมธ.มั่นคงฯ"ย้ำส่งกลับจีนเป็นทางออกดีสุด เล็งหารือเชิญผู้แทนสำนักจุฬาราชมนตรีไปติดตามชีวิตชาวอุยกูร์ แจงส่งตัวกลับครั้งนี้ต่างจาก 11 ปีที่แล้ว จีนมีหนังสือการันตีความปลอดภัย
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ออกมาเปิดเผยบันทึกกรรมาธิการการกฎหมายฯ ที่กระทรวงการต่างประเทศ เคยระบุมี 3 ประเทศ พร้อมรับตัวชาวอุยกูร์ และกรณีที่รอยเตอร์สระบุอีก 3 ประเทศพร้อมรับชาวอุยกูร์ลี้ภัย ว่า ตนก็ได้เคยบอกไปแล้วว่า เคยมีบางประเทศมาขอรับไป ซึ่งตนขอหลีกเลี่ยงเอ่ยนามประเทศ โดยอาจไม่ได้อธิบายมากพอ เพราะไม่อยากให้กระทบประเทศอื่น แต่ตนได้ใช้คำว่า "ไม่มีประเทศไหนแน่วแน่ที่จะรับไปจริงจัง" เพราะการมาบอกแค่ว่าพร้อมรับนั้น ในความจริงมันไม่ได้ง่าย หรือแทบทำไม่ได้จริงสำหรับประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่ว่าพร้อมรับแล้วประเทศไทยส่งไปมันจะจบแค่นั้น แต่ไทยอาจต้องเผชิญการตอบโต้จากจีน ที่อาจกระทบชีวิตคนไทยอีกมากมายนับไม่ถ้วน
"ถามว่าถ้าส่งให้ประเทศที่สาม ลองถามคนไทยทั้งประเทศก่อนหรือยังว่า เขาจะพร้อมรับผลกระทบที่ตามมาไหม และมันยุติธรรมกับคนไทยไหมที่ต้องมารับผลกระทบกับปัญหาที่เราไม่ได้ก่อ จะเอาอย่างนั้นจริงหรือเปล่า" นายรัศม์ กล่าว
นายรัศม์ ยังระบุอีกว่า เดิมตนเองก็เคยเชื่อว่า ไทยอาจพอมีทางส่งไปประเทศที่สามได้ ซึ่งจริงๆ อาจพอทำได้เมื่อ 11 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่ยังไม่มีแรงกดดันต่อไทย และอาจช่วยได้มาก หากไม่มีการนำเสนอข่าวเรื่องนี้อย่างครึกโครมทั่วไปหมด ที่อาจช่วยให้ไทยสามารถดำเนินการอย่างแนบเนียนเงียบๆ ได้ แต่ก็เป็นอย่างที่ทราบ
"ผมเองยังเคยหวังว่าเราจะส่งไปประเทศที่สามได้ แต่ก็ยอมรับความเป็นจริงว่าผลกระทบต่อประเทศไทยในการส่งไปประเทศที่สามนั้นมันมหาศาล ที่ยากจะดำเนินการได้จริง และส่วนตัวเชื่อว่า ไม่มีรัฐบาลใด ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหน จะกล้าส่งจริง และคนเหล่านี้ก็จะถูกขังอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนตายคาคุก" นายรัศม์ กล่าว
นายรัศม์ ยังย้ำอีกว่า การส่งไปประเทศที่สาม ไม่ได้จบแค่นั้น เพราะมันมีผลกระทบตามมามหาศาล และการที่ตนบอกว่า ไม่มีประเทศไหนที่แน่วแน่ช่วยรับจริงจัง จึงหมายถึงว่า ไม่มีประเทศไหนที่มาบอกว่า จะรับแล้วพร้อมไปช่วยเจรจาล็อบบี้ให้จีนยินดียอมรับให้ไทยส่งตัวไปประเทศที่สามนั้นๆ ได้ หรือมาบอกว่า พร้อมรับ และหากไทยถูกจีนตอบโต้ยินดีจะยื่นมือมาช่วยเหลือเรา ซึ่งตนเชื่อว่า ไม่มี ดังนั้น ในความเห็นของตน จึงย้ำว่า แค่บอกพร้อมจะรับเฉยๆ ยังไม่พอ หรือในแง่หนึ่งแค่บอกก็เหมือนไม่ได้บอกนั่นเอง เพราะทำไม่ได้จริง
นายรัศม์ ยังย้ำอีกว่า การที่ทางการจีนมีคำมั่นที่จะให้คนเหล่านี้กลับคืนสู่สังคมปกติ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสุดสำหรับคนเหล่านี้ รวมทั้งประเทศไทยและชาวไทยให้ไม่ต้องพลอยรับผลกระทบเรื่องนี้ หรือให้ได้รับน้อยที่สุด จีนเขาเป็นมหาอำนาจที่เขาก็ต้องรักษาคำพูดของเขา ถ้าเราไม่เชื่อคำพูดของเขา เราจะมีปฏิสัมพันธ์ต่อเขาต่อไปในทุกด้านได้อย่างไร จึงขอยืนยันว่า ความคิดการส่งตัวไปประเทศที่สาม คือความคิดที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง และปัดความรับผิดชอบ รวมทั้งไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง ที่จะขังพวกเขาไว้ต่อไปจนตาย และเรื่องนี้ตนเองเห็นว่า รัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่น และการที่เราขอให้จีนมีหนังสือยืนยันความปลอดภัย เป็นทางออกที่ดีที่สุดของทุกฝ่ายแล้ว
"ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้จึงไม่ใช่อยู่ที่มีประเทศที่สามจะรับจริงหรือไม่ หากแต่อยู่ที่ประเทศไทย มีทางเลือกอะไรที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเราได้ดีที่สุด เรื่องนี้มันซับซ้อน และหลักการสวยหรูอะไร ไม่สามารถช่วยคนไทยได้ เราต้องตอบคำถามให้ได้ว่า จะทำเพื่อคนไทย รวมทั้งคนอุยกูร์เหล่านั้น หรือทำตามประเทศตะวันตกที่สาม ที่ถึงเวลาเขาจะมาช่วยเราจริงจังแค่ไหน ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการต้องชั่งน้ำหนักว่าจะเลือกทางใดที่จะกระทบคนไทยน้อยที่สุด หรือว่าอยากจะเลือกหนทางที่จะกระทบชีวิตประชาชนคนไทยให้มากที่สุด" นายรัศม์ กล่าว
ล่าสุด นายรัศม์ เปิดเผยภายหลังการเข้าชี้แจงกับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ถึงการส่งตัวชาวอุยกูร์ ว่า เพื่อหาข้อเท็จจริงและทางออกให้กับประเทศชาติ ซึ่งตนเองได้ย้ำถึงการตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์ ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า เป็นคำร้องขอจากทางการจีน ซึ่งมีหนังสือยืนยันรับรองความปลอดภัย และให้คำมั่น ว่าจะไม่ทำให้ชาวอุยกูร์เป็นอันตราย จึงทำให้ไทยได้ตัดสินใจดำเนินการตัดสินใจส่งตัวชาวอุยกูร์กลับ ซึ่งแม้จะมีบางประเทศพร้อมรับตัวชาวอุยกูร์ แต่รัฐบาลก็เห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดคือการส่งตัวกลับจีน เพราะแม้หากประเทศที่สามจะยินดีรับ ก็ควรจะต้องไปหารือเจรจากับทางการจีนให้ประสานตัวส่งไปประเทศที่สามด้วย
ส่วนข้อกังวลเรื่องความปลอดภัยนั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า จะต้องยึดมั่นในคำพูดของจีน ซึ่งข้อกังวลที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องความปลอดภัยนั้น ก็เป็นเพียงสมมุติฐานว่า การส่งตัวกลับอาจจะไม่ปลอดภัยซึ่งถือเป็นเพียงความเชื่อ แต่ทางการจีนก็พร้อมให้มีการติดตามดูภายหลังการรับตัวชาวอุยกูร์ด้วย และกระทรวงการต่างประเทศจะได้รับไปหารือถึงการเชิญผู้แทนจากสำนักจุฬาราชมนตรี ไปติดตามชาวอุยกูร์ภายหลังการส่งตัวด้วย
ส่วนความแตกต่างในการส่งตัวชาวอุยกูร์ไปยังจีนในครั้งนี้ กับเมื่อ 11 ปีที่แล้ว จนทำให้หลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวลถึงเรื่องความปลอดภัยต่อทั้งชาวอุยกูร์ และสถานการณ์ความปลอดภัยในประเทศไทยนั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า มณฑลซินเจียงในปัจจุบันมีความแตกต่างจากอดีต และการส่งตัวกลับไปในปัจจุบันนั้น มีการรับรองจากทางการจีนเป็นลายลักษณ์อักษร ที่ทำให้ไทยมีความมั่นใจ และสามารถติดตามภายหลังได้ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี