แค่ลูก‘กระจ๊อก’

‘โรม’หยันจับ‘ไทยเทา’แก๊งคอลฯ

จี้ใช้มาตรการเข้มฟันจนท.รัฐเอี่ยว

“กะเหรี่ยงบีจีเอฟ”ทยอยส่งตัวชาวจีนกลับประเทศ กำหนด 4 วันจำนวนเฉียด 1.5 พันคน ด้าน ปธ.กมธ.มั่นคงฯบี้รัฐบาล ผุดมาตรการเข้มเด็ดหัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สาวให้ถึงระดับ“จนท.รัฐ”เอี่ยว เย้ยทุกวันนี้จับ “ไทยเทา” ได้แค่ “ลูกกระจ๊อก” ยังไม่ลงถึงรากแก้วหวั่นรัฐบาลเสียความมุ่งมั่น กลายเป็น“ลูบหน้าปะจมูก” กังขาหมายจับ “หม่องชิตตู” ปล่อยค้างเติ่ง - ตั้งข้อหาแค่ค้ามนุษย์ ทั้งที่หลักฐานลามไปถึง“อาชญากรรมข้ามชาติ”

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 บรรยากาศที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองกำลังพิทักษ์ชายแดน (บีจีเอฟ.) ส่งตัวชาวจีน 1,439 คน จากเมืองเมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ตรงข้ามบ้านริมเมย อ.แม่สอด จ.ตาก มายังประเทศไทย ที่จ.ตาก เพื่อส่งตัวกลับประเทศ

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจีน และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตจีน เจ้าหน้าที่ศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดตาก เดินทางไปนำรถบัสไปรับชาวจีนชุดแรก 456 คน จากเมืองเมียวดี เดินทางกลับมาทาง บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่สอง ที่บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ที่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนนำตัวไปส่งขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด เพื่อกลับประเทศจีน โดยนำส่งโดยเครื่องบิน 6 เที่ยวบิน เที่ยวบินละ 76คนสำหรับชาวจีนดังกล่าวเป็นกลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือจากกะเหรี่ยงบีจีเอฟ รวม 1,439 คน ซึ่งจะถูกนำส่งกลับประเทศระหว่างวันที่ 6-9 มีนาคม ทางท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด จ.ตาก โดยชุดแรก 456 คน และ ส่งตัวชุดสุดท้ายในวันที่ 9 มีนาคม 71 คน

ทั้งนี้ ก่อนส่งตัวกลับ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)จะดำเนินการเก็บอัตลักษณ์บุคคล เพื่อดำเนินการขึ้นบัญชี เนื่องจากทั้งหมดเป็นบุคคลต้องห้ามในการเข้าในราชอาณาจักร ตามมาตรา12(7) แห่งพ.ร.บ.คนเข้าเมืองปี2522 และ ได้แจ้งตามแบบตม.35 เพื่อสั่งให้ออกราชอาณาจักรต่อไป

ด้าน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินการทำงานของรัฐบาลในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในช่วง 1 เดื่อนที่ผ่านมาว่า ต้องยอมรับว่าการตัดไฟ อินเตอร์เน็ต และน้ำมัน เป็นก้าวแรกที่ดี และส่งผลกระทบต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้จริง แต่ไม่หมด ตอนนี้เรามีข้อบ่งชี้หลายอย่างว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะกลับมาเห็นได้จากตัวเลข ที่ไปทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 7,000 กว่าคน เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ถ้ายังค้างอยู่แบบนี้ เผลอๆใน 7,000 คนนี้ อาจจะกลับไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใหม่ นอกจากนี้การตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตยังไม่เพียงพอ เพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้สตาร์ลิงค์มารองรับ หากรัฐบาลไม่คุยกับเจ้าของบริษัท สุดท้ายเขากลับไปใช้สตาร์ลิงค์ได้

“เราต้องการมาตรการที่มากกว่านี้ วันนี้ไทยเทาที่จับได้เป็นแค่ระดับลูกกระจ๊อกเท่านั้น คนที่เราต้องการจริงๆ คือระดับเจ้าหน้าที่รัฐที่สมคบคิดรับส่วย แต่เรายังไม่เห็นความคืบหน้า และอัยการสูงสุดยังไม่ดำเนินการอะไรกับ พ.อ.หม่อง ชิตตู ผู้นำกองกำลัง BGF และปล่อยให้เรื่องนี้ค้างคาต่อไป เกิดอะไรขึ้นกับหน่วยงานของรัฐ ผมชื่นชมกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ข้อหาก็ยังแปลก เน้นไปที่เรื่องค้ามนุษย์ ควรจะตั้งข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ ค้ายาเสพติดก็สามารถทำได้ เนื่องจากมีหลักฐานบ่งชี้ต้องยอมรับว่าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปให้ถึงรากแก้ว เรายังไม่ประสบความสำเร็จ ผมเป็นห่วงว่ารัฐบาลจะสูญเสียความมุ่งมั่นในเรื่องนี้ และจะกลายเป็นการลูบหน้าปะจมูกเท่านั้น” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า การคัดกรองไม่ประสบความสำเร็จใช่หรือไม่ ประธานกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวว่า แน่นอน เราไปทลายฝั่งกัมพูชาแล้วนำมาเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง นำไปสู่การขยายผลจับกุม แต่ฝั่งเมียนมา เราไม่ได้คัดกรอง เราส่งอย่างเดียว กลายเป็นว่าเราต้องไปพึ่งพาประเทศอื่นให้เขาจัดการ สุดท้ายไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร