สว.สะดุ้ง!‘กคพ.’มีมติรับเป็นคดีพิเศษ
เงินโยงพรรคการเมือง
ประเคนข้อหาฐาน‘ฟอกเงิน’
สมคบกันทำเป็นขบวนการ
ลงมติ11ต่อ4งดออกเสียง3
‘อ้วน’ลั่นไม่เกี่ยวฝ่ายนิติบัญญัติ
บอร์ดคดีพิเศษ เฉลยสาเหตุรับแค่ข้อหาฟอกเงิน ชี้พบเงินถูกใช้ในขบวนการเลือก สว.’67 เตรียมก่อนการเลือก สว. ระดับอำเภอ-ระดับประเทศ มากกว่า 300 ล้านบาท ด้วยมติ 11 ต่อ 4 งดออกเสียง 3 ด้านดีเอสไอ ยังคาใจลั่นถ้าได้หลักฐานเพิ่มพร้อมฟันคดีอังยี่ซ่องโจร และความผิดด้านความมั่นคง
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ที่อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ มีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พิจารณาเรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปด้วยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งเป็นการนัดประชุมครั้งที่ 2 ภายหลังส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ พิจารณา
ต่อมา นายภูมิธรรมเวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบอร์ดคดีพิเศษ กล่าวว่า หลังจากพิจารณาและรับฟังความเห็นทุกฝ่ายแล้ว ที่ประชุม คกพ.มีมติรับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ โดยย้ำว่าไม่ใช่การแทรกแซง แต่เป็นการประสานความร่วมมือกัน เพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ได้รับเรื่องร้องเรียนมา จะนิ่งเฉยมิได้
รับฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีคณะกรรมการมาประชุม 19 คน แต่นายเพชร ชินบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ได้เดินทางออกจากที่ประชุมก่อนจะมีการลงมติเนื่องจากมีภารกิจติดประชุมต่างประเทศ ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีกรรมการเหลือเพียง 18 เสียง
ซึ่งวันนี้การพิจารณาใช้ระเบียบ การรับเป็นคดีพิเศษ โดยยึดตามเสียงข้างมากในที่ประชุม ผลการลงคะแนนที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้รับเป็นคดีพิเศษกรณีความผิดอาญาฐานฟอกเงิน จำนวน 11 เสียง และไม่เห็นด้วย 4 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง
ส่วนหลังจากนี้หากมีความผิด อาญา เกี่ยวเนื่องการเลือกสว.67 ที่มีลักษณะความผิดหรือเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.แนบท้ายคดีพิเศษนั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สามารถมีความเห็นรับไว้เป็นคดีพิเศษได้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้มติจากบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่าหลังจากนี้หลังมีการเลือกตั้งจะมีผู้มาร้องเรียนบอร์ดคดีพิเศษให้รับไว้เป็นคดีพิเศษนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่ามาร้องได้แต่การพิจารณารับไว้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ จะต้องพิจารณาพยานหลักฐานว่ามีความผิดตามกฎหมายของคดีพิเศษจริงหรือไม่ จึงจะมีการรับไว้พิจารณา
เปิดรายชื่อผู้ไม่เข้าประชุม
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงภายในบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ว่า สำหรับองค์ประชุมบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษที่เข้าประชุมในวันนี้มีทั้งสิ้น 18 ราย จากทั้งหมด 22 ราย ซึ่งบุคคลที่ขาดประชุม ประกอบด้วย กรรมการโดยตำแหน่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. แม้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี (ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) เข้าประชุมแทน แต่ก็ไม่ได้มาเข้าร่วม ขณะที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ขาดประชุม 3 ราย ได้แก่ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และนายเพ็ชร ชินบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเข้าเซ็นชื่อแต่ไม่เข้าร่วมประชุม
เส้นเงินโยงพรรคการเมือง
ส่วนสาเหตุที่บอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.)มีมติ 11 เสียงให้รับคดีความผิดอาญาฐานฟอกเงินเพียงฐานความเดียว ในคดีฮั้ว สว.67 ไว้เป็นคดีพิเศษนั้น แหล่งข่าวจากบอร์ดฯ เผยว่าเนื่องด้วยกรรมการได้มีการยกข้อหารือเมื่อการประชุมบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 2/2568 วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าในลักษณะของคดีความผิดอาญาฐานฟอกเงิน ถือเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) ให้เป็นคดีพิเศษได้ด้วยอำนาจอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือเสียงเกินกึ่งหนึ่งของกรรมการที่มี โดยเฉพาะถ้าเป็นการชี้ขาดว่าให้เป็นความผิดฐานฟอกเงินทางอาญา แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เพราะเข้าเงื่อนไขกรณีที่มีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นความผิดตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 อยู่แล้วนั้น จะเป็นคดีพิเศษได้โดยไม่ต้องอาศัยมติบอร์ด
ซึ่งจากรายงานการสืบสวนของดีเอสไอและการสอบปากคำพยาน ได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการใช้เงินเกี่ยวกับขบวนการเลือก สว.67 มากเกิน 300 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือก สว. ระดับอำเภอ และต่อเนื่องไปจนถึงหลังจบการเลือก สว.ระดับประเทศ ทั้งยังหมายรวมถึงการเตรียมทรัพย์สินไว้สำหรับใช้กระทำความผิด ทั้งการใช้หรือผลตอบแทนที่ได้รับกลับมาด้วย
พร้อมลุยต่อ”อั้งยี่-ซ่องโจร”
จึงได้มีการวินิจฉัยในวันนี้ของกรรมการให้รับคดีฟอกเงินไว้เป็นคดีพิเศษ ด้วยมติชี้ขาด 11 เสียง จากทั้งหมด 18 เสียง ไม่เห็นชอบ 4 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง ส่วนการสอบสวนคดีพิเศษหลังจากนี้ ทาง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเป็นผู้แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่น เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์ต่อการทำสำนวนคดี
แหล่งข่าว เผยด้วยว่า ส่วนหลังจากนี้หากมีการสอบสวนขยายผล แล้วพบฐานอาญาความผิดอื่น อาทิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 (ฐานอั้งยี่) และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (3) นั้น ทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สามารถรับเพิ่มไว้ดำเนินการได้ เนื่องจากจะเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน โดยไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมของบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษอีกแล้ว แต่คณะพนักงานสอบสวนจะต้องไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจน
ส่วนกรณีของฐานความผิดมาตรา 77 (1) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 จะเป็นอำนาจดำเนินการของ กกต. เพื่อไม่ให้เป็นการทับซ้อนหรือขัดข้อกฎหมายระหว่าง 2 หน่วยงาน
แหล่งข่าวฯ เผยต่อว่า สำหรับคดีความผิดทางอาญาตามกฏหมายที่กำหนดไว้ในบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่กำหนดในกฎกระทรวงโดยการเสนอแนะของคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) โดยคดีความผิดทางอาญาตามกฏหมายดังกล่าวได้มีลักษณะ ดังต่อไปนี้ (ก) คดีความผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อนจำเป็นต้องต้องใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพิเศษ และ (ข) คดีความผิดทางอาญาที่มีหรืออาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือระบบเศรษฐกิจหรือการคลังของประเทศ แต่ทั้งนี้หลักๆ แล้วคดีฮั้ว สว.67 ในที่ประชุมได้กล่าวถึงการเป็นคดีที่มีความซับซ้อนและมีผล
กระทบต่อความเชื่อมั่นของสังคม
ตั้งทีมออกหมายเรียกพยาน
แหล่งข่าวฯ เผยด้วยว่า กระบวน การหลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้วก็จะมีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทำการสอบสวนและออกหมายเรียกพยาน รวมไปถึงการสืบเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะในส่วนของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้เงินหรือรับผลตอบแทนตัวเงิน รวมถึงการพิจารณารายการทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ซึ่งหากพบที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินทางอาญาในคดีมูลฐาน เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะทำการออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบชั่วคราว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับกรรมการที่มีมติไม่เห็นชอบ 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายนพดล เกรีฤกษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (ผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา) 2.นายจิรานุวัฒน์ ธัญญะเจริญ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกฎหมาย (ผู้แทนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย) 3.นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง (ผู้แทนปลัดกระทรวงมหาดไทย) และ 4.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ส่วนมติงดออกเสียง 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายณรงค์ งามสมมิตร ที่ปรึกษากฎหมาย (ผู้แทนปลัดกระทรวงพาณิชย์) 2.นางเยาวลักษณ์ นนทแก้ว อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ (ผู้แทนอัยการสูงสุด) และ 3.นายอรรถพล อรรถวรเดช ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง (ผู้แทนปลัดกระทรวงการคลัง)
“อิทธิพล”เร่งสอบคดีทุจริต
นายอิทธิพร บุญประ คอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแผนการดำเนินโครงการจัดทำแผนปฏิบัติการดิจิทัลของสำนักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้ง ระยะ 5 ปี (กิจกรรม Kick-off Meeting) ซึ่งมีการไลฟ์สดผ่านเพจสำนักงาน กกต.
โดยนายอิทธิพร กล่าวเปิดตอนหนึ่งว่า คนสงสัยว่าเราทำเรื่องคำร้อง สว.อยู่หรือเปล่า ซึ่งทั้งตนและเลขา กกต.ก็พูดไปหลายครั้งในช่วงที่กำลังฮอตๆว่า คำร้องสว.มีทั้งหมด 500 กว่าเรื่อง เป็นคำร้องที่เกี่ยวกับมาตรา 77(1)ประมาณ 200 กว่าเรื่อง ทำเสร็จไปแล้วประมาณ 100 กว่าเรื่อง ไม่รับก็มีเพราะไม่มีอะไรเลย แต่ที่อยู่ระหว่างเข้มข้นมีประมาณ 150 เรื่องการสืบสวนไต่สวนต้องใช้เวลาเพราะเป็นกระบวนการเกี่ยวข้องทั้งระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ฉะนั้นคนที่เกี่ยวข้องมันเยอะและเป็นกระบวนการซึ่งเป็นระบบยุติธรรม จะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกร้อง ให้เขามีโอกาสทราบ รับรู้ชี้แจง แก้ข้อกล่าวหา” นายอิทธิพร กล่าว
เดินหน้าสอบต่อเนื่อง
และว่า”จนคนลืมไปแล้วว่า เอ๊ะกกต.ทำอยู่หรือเปล่าที่เขาร้องๆกัน ซึ่งยังทำอยู่ แล้วเรื่องมาถึงคณะอนุฯของเราก็เยอะแต่DSIเท่าที่จำได้ มีคำร้อง3เรื่อง ที่เขาจะรับหรือไม่รับ แต่ของเราตรวจสอบล่าสุดมี122
“บิ๊กเกรียง”ไม่หนักใจ
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ให้สัมภาษณ์ ว่าหากผลคดีพิเศษออกมาเป็นเช่นไรก็ให้เป็นไปตากระบวนการหน้าที่ใครหน้าที่มันที่ต้องเคลียร์กันไป
เมื่อถามว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า เชื่อมั่นในตัว พล.อ.เกรียงไกร ว่าจะสามารถเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้ได้ พล.อ.เกรียงไกร ระบุว่า ทำหน้าที่เป็นรองวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ก็ไม่ได้หนักใจอะไร ย้ำว่าให้เป็นไปตามกระบวนการ ทุกคนพร้อมที่จะชี้แจง หากมีรายชื่อ แต่ปัจจุบันนี้ยังไม่รู้เลย ว่ามีการกล่าวหาใครบ้าง ขณะที่ด้าน สว. ก็ยังไม่มีใครได้รับแจ้งมา
งงชื่อหลุดมาได้อย่างไร
เมื่อถามว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมเคยระบุว่ามีรายชื่อ สว. ประมาณกว่า 100 คนอยู่ในสภา ตรงกับในโพยที่หลุดออก พล.อ.เกรียงไกร ระบุว่า แล้วชื่อหลุดออกมาได้อย่างไร
เมื่อถามว่า แสดงว่านายใหญ่กับครูใหญ่คุยกันไม่ลงตัวใช่หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร ระบุว่า ไม่รู้จักนายใหญ่ นายนายใหญ่คือใครเมื่อถามว่า จากนี้จะนัด สว.เพื่อหาแนวทาง ในการแก้ปัญหาเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร ระบุว่า ตอนนี้คงยังไม่เคลื่อนไหวอะไร แต่หลังจากนี้อาจต้องมีการพูดคุยกัน แต่ตอนนี้ขอให้รู้ก่อนว่า มีรายชื่อ สว. คนใดบ้างที่ถูกกล่าวหา เขาเรียกมาก็คงจะรู้เอง ส่วนกรณี สว.ยื่น ปปช.ให้ถอดถอน พ.ต.อ.ทวีออกจากตำแหน่ง เนื่องจากใช้อำนาจ โดยมิชอบ พล.อ.เกรียงไกร ระบุว่าเรื่องดังกล่าว ส่งไปนานแล้ว ก็ว่ากันไป
พล.อ.เกรียงไกร ยังเดินทางไปที่กระทรวงมหาดไทย อ้างว่าไปรับประทานอาหารเที่ยงกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย และว่าไม่เหนือความคาดหมายที่คณะกรรมการคดีพิเศษรับข้อหาฟอกเงินในการเลือกตั้งสว.และว่าที่ไม่รับโทรศัพท์จากสื่อมวลชนเพราะกลัวเป็นเบอร์แก๊งคอลเซนเตอร์ ด้าน นายอนุทิน กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวที่บ้านจันทร์ส่องหล้าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการประชุมคดีพิเศษแต่ประการใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี