กมธ.มั่นคงฯถกเดือด
ปมร้อนส่งกลับอุยกูร์
ขอวงจรปิดวันส่งตัว
ทูตยันไม่มีปท.ที่3รับ
กมธ.ต่างประเทศสว.จ่อร่วมบินตรวจสอบชะตากรรม“อุยกูร์”หลังถูกส่งตัวกลับจีน หวังเคลียร์ข้อกังขาปมสิทธิมนุษยชนของนานาชาติ ด้านผู้ช่วย รมต.ต่างประเทศ แจง
กมธ.ความมั่นคง ยันส่งอุยกูร์กลับจีนเป็นทางออกดีที่สุด
ย้ำ “ไม่มีปท.ไหนขอรับตัวกลับไปจริงจัง” และถ้าไทยปฏิเสธหวั่นจีนใช้มาตรการตอบโต้ ชี้ส่งตัวปัจจุบันกับ11ปีก่อนต่างกัน ครั้งนี้มีหนังสือจากทางการจีนรับประกันความปลอดภัย และให้กลับไปตรวจสอบได้ เล็งเชิญผู้แทนสำนักจุฬาราชมนตรีบุกพิสูจน์
เมื่อวันที่ 6มีนาคม นายชิบจิตนิยม สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภาเปิดเผยว่า นายนิรัตน์ อยู่ภักดี ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา มีดำริที่จะนำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา เดินทางไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์เพื่อติดตามสถานการณ์และประเมินสภาพความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่รัฐบาลไทยส่งกลับไปเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นนี้ได้รับความสนใจจากประชาคมโลก โดยเฉพาะองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน และประเทศพันธมิตรของไทย การส่งชาวอุยกูร์กลับจีนทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพของพวกเขา และเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ไทยควรติดตามสถานการณ์ดังกล่าวใกล้ชิด
“ดังนั้นคณะกรรมาธิการการต่างประเทศวุฒิสภาจึงมีแผนจะติดตามเรื่องนี้โดยเดินทางไปซินเจียงอุยกูร์ในช่วงที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คนที่ถูกส่งกลับไปจีนจะได้รับการดูแลตามที่รัฐบาลจีนให้สัญญาไว้ หลังจากถูกควบคุมตัวในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี”นายชิบกล่าว และว่า ก่อนหน้านี้สหรัฐฯและตุรกีแสดงความกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพของชาวอุยกูร์หลังกลับจีน โดยสหรัฐฯ แสดงความผิดหวังอย่างรุนแรงต่อการตัดสินใจของไทย และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยรับรองว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับจะไม่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่ตุรกีมีประชาชนออกมาชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงอังการา เพราะตุรกีมีความสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์ใกล้ชิดชาวอุยกูร์
นายชิบกล่าวอีกว่า ด้านความสัมพันธ์ทางการทูตที่ไทยต้องรักษาสมดุลทางการทูตระหว่างจีน และประเทศตะวันตก ซึ่งจับตามองนโยบายของไทยเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ใกล้ชิด การเดินทางลงพื้นที่ดังกล่าวจะได้นำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์แนวทางของไทยในอนาคตเกี่ยวกับกรณีชาวอุยกูร์ที่ยังอยู่ในประเทศไทย รวมถึงแนวทางการทำงานร่วมกับทางการจีน องค์กรระหว่างประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม สร้างความมั่นใจให้ประชาคมโลกว่าไทยให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชน
กมธ.มั่นคงเกาะติดปมส่งอุยกูร์กลับจีน
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การประชุมกมธ.ฯวันนี้ เชิญนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รวมไปถึงสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)มาชี้แจงเรื่องการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ มีเพียงนายฉัตรชัย บางชวด เลขาฯสมช. นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รองผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมาชี้แจง
นายรังสิมันต์กล่าวว่า เรื่องการส่งอุยกูร์กลับจีน ทั้งที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล จะถือเป็นการละเมินอำนาจศาลหรือไม่ และมีพ.ร.บ.ป้องกันการซ้อมทรมานและการอุ้มหาย บังคับภายในประเทศด้วย ดังนั้น เรื่องนี้อาจกระทบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องพิจารณา คือผลกระทบกับไทย เพราะตอนนี้เริ่มมีสถานทูตหลายประเทศประกาศแจ้งเตือนคนของประเทศเขาที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทยให้ระวัง ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว จึงต้องถามมาตรการรับมือ และสิ่งสำคัญเราอยากรู้ว่าเราได้อะไรจากการทำเรื่องนี้เพราะราคาที่ประเทศไทยต้องจ่ายเป็นราคาที่แพง
นายรังสิมันต์ยังกล่าวยืนยันว่าจะขอดูกล้องวงจรปิดระหว่างการส่งตัว เพื่อดูพฤติกรรมว่าเขายินยอมที่จะไปจริงหรือไม่ ตนเชื่อว่านี่ไม่ใช่การส่งตัวครั้งแรก ผู้แทนที่เดินทางไปดูได้เข้าไปดู 109 คน ก่อนหน้านี้หรือไม่ว่าเป็นอยู่อย่างไร เพราะตนเชื่อว่าหากจะดูความเป็นอยู่ของ 48 คนที่ส่งไปล่าสุด จะเป็นอย่างไรก็ต้องไปดู 109 คนที่ถูกส่งไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้มีภาพออกมาว่าเขาได้เจอครอบครัวเป็นภาพอันหวานชื่น แต่ตนสังเกตหน้าตาของคนที่เดินทางกลับดูไม่เต็มใจ และหน้าตาดูเศร้าหมองไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้น หลายอย่างมีพิรุธ รวมถึงต้องมีการถามถึงหนังสือสัญญามีจริงหรือไม่หน้าตาเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีจะพาสื่อมวลชนไทยไปดูความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ 40 คนสมเหตุสมผลหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า เวลาไปดูแบบนั้น ไม่ใช่วิธีการตรวจสอบที่แท้จริง การตรวจสอบที่แท้จริงต้องให้อิสระ แต่ตนไม่มั่นใจว่าสื่อมวลชนที่จะไปครั้งนี้จะมีอิสระหรือไม่
ถามว่าเรื่องประเทศที่ 3 สรุปแล้วประสงค์รับตัวจริงหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตั้งแต่สภาฯชุดที่แล้ว ตั้งแต่ตอนอยู่ในคณะกรรมการกฎหมาย และได้คุยกับสมช.ยืนยันว่ามีประเทศที่ 3 ประสงค์ที่จะรับชาวอุยกูร์ แต่เราไม่สามารถจะส่งไปได้ เพราะเรากังวลความสัมพันธ์กับจีน
“ไม่ต้องไปโทษคนอื่นว่าเขาไม่แน่วแน่ เพราะการโทษแบบนั้นเป็นการแกว่งปากหาเสี้ยน และการไปตำหนิประเทศอื่นไม่แน่วแน่แก้ไข ไม่แน่วแน่ที่จะรับ ผมงงมากว่าการพูดของคุณเป็นอะไรไปแล้ว คุณจะไปทะเลาะกับคนอื่นทำไม ก็ตอบกันตรงๆว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่คุณกังวลว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน แต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่พูดคุยกันได้ มีวิธีการแก้ไข แต่คุณจะไปโทษประเทศอื่น ทั้งสหรัฐอเมริกา ตุรกี ไม่แน่วแน่พอยิ่งทำให้เรื่องนี้เลวร้ายยิ่งขึ้น ทำให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศมากขึ้น”นายรังสิมันต์ กล่าว
ด้านนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรมออกมาเปิดเผยมี 3 ประเทศพร้อมรับตัวชาวอุยกูร์ว่า ตนเคยบอกไปแล้วว่า เคยมีบางประเทศมาขอรับไป แต่ขอเลี่ยงเอ่ยนามประเทศ เพราะไม่อยากให้กระทบประเทศอื่น แต่ตนได้ใช้คำว่า “ไม่มีประเทศไหนแน่วแน่ที่จะรับไปจริงจัง” เพราะการมาบอกแค่ว่าพร้อมรับนั้น ในความจริงไม่ง่าย หรือแทบทำไม่ได้จริงสำหรับไทย ไม่ใช่ว่าประเทศไหนพร้อมรับตัว แล้วไทยจะส่งไป เพราะไทยอาจต้องเผชิญกับการตอบโต้จากจีน ซึ่งอาจกระทบชีวิตคนไทยอีกนับไม่ถ้วน
นายรัศม์ยังระบุอีกว่า เดิมตนเคยเชื่อว่า ไทยอาจพอมีทางส่งไปประเทศที่สามได้ จริงๆอาจพอทำได้เมื่อ 11 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะช่วงแรกที่ยังไม่มีแรงกดดันต่อไทยอาจช่วยได้มาก หากไม่มีการเสนอข่าวเรื่องนี้ครึกโครมทั่วไปหมด ที่อาจช่วยให้ไทยสามารถดำเนินการอย่างแนบเนียนเงียบๆได้ แต่ก็เป็นอย่างที่ทราบ
“ผมเองยังเคยหวังว่าเราจะส่งไปประเทศที่สามได้ แต่ก็ยอมรับความเป็นจริงว่าผลกระทบต่อประเทศไทยในการส่งไปประเทศที่สามนั้นมหาศาล ที่ยากจะดำเนินการได้จริง และส่วนตัวเชื่อว่า ไม่มีรัฐบาลใด ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหนจะกล้าส่งจริง และคนเหล่านี้ก็จะถูกขังอยู่อย่างนั้น ไปเรื่อย ๆ จนตายคาคุก”นายรัศม์ กล่าว และย้ำว่า การส่งไปประเทศที่สามไม่ได้จบแค่นั้น เพราะมันมีผลกระทบตามมามหาศาล การที่ตนบอกว่า ไม่มีประเทศไหนแน่วแน่ช่วยรับจริงจัง จึงหมายถึงว่า ไม่มีประเทศไหนที่มาบอกว่า จะรับแล้วพร้อมไปช่วยเจรจาล็อบบี้ให้จีนยินดียอมรับให้ไทยส่งตัวไปประเทศที่สามนั้นได้ หรือมาบอกว่า พร้อมรับ และหากไทยถูกจีนตอบโต้ยินดียื่นมือมาช่วยเหลือเรา ซึ่งตนเชื่อว่า ไม่มี ดังนั้น ในความเห็นของตน จึงย้ำว่า แค่บอกพร้อมรับเฉยๆ ยังไม่พอ หรือในแง่หนึ่งแค่บอกก็เหมือนไม่ได้บอกนั่นเอง เพราะทำไม่ได้จริง
ส่งกลับจีนทางออกดีที่สุด-จีนรับรองปลอดภัย
นายรัศม์กล่าวอีกว่า การที่ทางการจีนมีคำมั่นจะให้คนเหล่านี้กลับสู่สังคมปกติจึงเป็นทางเลือกที่ดีสุดสำหรับคนเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยและชาวไทยไม่ต้องพลอยรับผลกระทบเรื่องนี้ หรือให้ได้รับน้อยที่สุด จีนเป็นมหาอำนาจที่ต้องรักษาคำพูด ถ้าเราไม่เชื่อคำพูดของเขา เราจะมีปฏิสัมพันธ์ต่อเขาต่อไปในทุกด้านได้อย่างไร ยืนยันว่า ความคิดการส่งตัวไปประเทศที่สาม คือความคิดที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง และปัดความรับผิดชอบ รวมทั้งไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง ที่จะขังพวกเขาไว้ต่อไปจนตาย เรื่องนี้ตนเองเห็นว่า รัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่น และการที่เราขอให้จีนมีหนังสือยืนยันความปลอดภัย เป็นทางออกที่ดีที่สุดของทุกฝ่ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องชั่งน้ำหนักว่าจะเลือกทางใดที่จะกระทบคนไทยน้อยที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี