‘รมว.แรงงาน’ยันเดินหน้าขึ้นค่าแรง 400 บาท ฝาก‘คณะกรรมการไตรภาคี’ชี้ขาด 12 มี.ค.นี้ ย้ำต้องนึกถึงกลุ่ม SME ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยขั้นรุนแรง
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 10 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามเป็นหนังสือของนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ถามรมว.แรงงาน เรื่องอุปสรรคการผลักดันปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศและแนวทางการผลักดันนโยบายปรับขึ้นค่าแรงในอนาคต หลังจากที่มีการเลื่อนพิจารณาปรับขึ้นค่าแรง 3 ครั้ง
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ชี้แจงว่า เราได้ความพยายามผลักดันเรื่องการขึ้นค่าแรงที่เคยได้พูดไว้โดยได้นำโมเดลการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเมื่อปี 2555 ในพื้นที่ 7 จังหวัด มาพิจารณา โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล แต่กรรมการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำและคณะอนุฯ ของ 76 จังหวัด เห็นว่าสามารถขึ้นได้ 4 จังหวัดคือ ภูเก็ตฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และ อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ตนไม่ได้สบายใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ ส่วนปัจจัยที่วิเคราะห์ว่าอาจได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงคือกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศไทยขั้นรุนแรง จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และกระทรวงแรงงานจากประชุมอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 12 มี.ค.นี้ การประชุมคณะกรรมการค่าแรงขั้นต่ำไตรภาคี ก่อนที่จะหมดวาระในวันที่ 13 ม.ค.นี้ แต่ยังต้องรักษาการจนกว่าจะสรรหาใหม่
“ผมยังมีความมุ่งหวัง เพราะไม่สามารถบังคับใครได้ ฝากไปที่คณะกรรมการไตรภาคี ว่าช่วยฝากความคิด การที่พยายามเอาจังหวัดนำร่องตั้งเป็นสมมุติฐานให้ได้ และพยายามเอาอาชีพบางอาชีพ ที่คิดว่าเศรษฐกิจเขาดีขึ้นแล้วประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั้งประเทศ ผมคิดว่าในส่วนนั้นอาจจะมีการดำเนินต่อไปได้ในเบื้องต้นในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ที่มีการประชุม” รมว.แรงงาน กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ เช่น เพิ่มค่าลดหย่อนกันคำนวณภาษีเงินได้ของผู้ประกอบการ จะเกี่ยวเนื่องกับกระทรวงการคลัง หรือละเงินสมทบผู้ประกันตนฝ่ายนายจ้าง เป็นเรื่องประกันสังคมในกระทรวงแรงงาน สามารถทำได้ไม่ยาก และยังมีมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านสาธารณสุข อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพลังงาน ที่จะต้องมีการหารือกัน ซึ่งในหลายประเด็นจะนำโมเดลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากปี 2555 มาพิจารณาประกอบ หากประเด็นใดเป็นเรื่องใหม่จะนำมาพิจารณา โดยย้ำว่าความพยายามของกระทรวงแรงงาน ยังความพยายามที่จะประกาศขึ้นค่าแรง แต่ที่สำคัญฝากถึงคณะกรรมการไตรภาคี เนื่องจากไม่สามารถเข้าที่ประชุมได้ ได้แต่เพียงมอบนโยบาย
รมว.แรงงาน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังอ้างอิงว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทใน 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ ส่งผลกระทบต่อสาธารณูปโภคที่ขยับตามมา โดยกระทรวงพาณิชย์ได้บรรเทาด้วยสินค้าธงฟ้า จึงขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ที่ได้บรรเทาค่าของชีพประชาชน แต่ผลกระทบเกี่ยวกับด้านการเกษตรและมีการศึกษา เช่น น้ำมันพืช จากภาวะภัยแล้งปาล์มทะลาย ผลผลิตลดลง ทำให้ราคาน้ำมันพืชจากราคา 40 บาทขึ้นเป็น 60 บาท โดยกระทรวงพาณิชย์พยายามเยียวยาและควบคุมราคาสินค้า หากการประชุมครั้งแรกการขึ้นค่าแรงยังไม่ผ่านสามารถเรียกประชุมครั้งที่สองภายใน 15 วัน ซึ่งจะต้องใช้เสียง 2ใน 3 จึงขอฝากไปยังสปิริตของคณะกรรมการค่าแรงขั้นต่ำว่าจะช่วยได้อย่างไรบ้าง แม้ว่าจะกระทบขอให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้
รมว.แรงงาน กล่าวด้วยว่า ในส่วนการขึ้นค่าแรงจาก 400 บาทถึง 600 บาทภายในปี 2570 ที่เคยพูดเอาไว้ นั้นอธิบายเพิ่มเติมว่าจะต้องพิจารณาภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และอัตราการเจริญเติบโตจีดีพี (GDPXและพิจารณาอัตรา เงินเฟ้อไทย เหมาะสมหรือไม่ที่จะมีการขึ้นค่าแรงถึง 600 บาท หากทุกสิ่งทุกอย่างไม่สามารถก้าวไปได้ ก็ไม่สามารถเดินไปถึงส่วนนั้นได้ แต่กระทรวงแรงงานประกาศ 129 อาชีพที่จะได้รับการพัฒนา และได้รับค่าแรงเกินกว่า400 บาทแล้ว ขาดเพียง 13 สาขาอาชีพที่ยังมีค่าแรงต่ำกว่า 400 บาท โดยยืนยันจะพยายามต่อไปเพื่อพิจารณาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในส่วนนี้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี