‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ส่งหนังสือด่วนถึง‘ประธานสภาฯ’ แย้ง 3 ข้อ ยันไร้อำนาจสั่งลบชื่อ‘ทักษิณ’ออกจาก‘ญัตติซักฟอก’ ฉะหนักตีความกฎหมายเป็น‘ปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ’ ลุแก่อำนาจ ทำลายอำนาจ‘ฝ่ายนิติบัญญัติ’ในการตรวจสอบ‘ฝ่ายบริหาร’ ยกเคสปี29 มีการพาดพิงคนนอก ขยี้‘วันนอร์’ก็เคยเสนอญัตติมีชื่อคนนอก
10 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่องข้อโต้แย้งหนังสือให้แก้ไขข้อบกพร่องญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล และขอให้บรรจุญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเข้าระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้เร็วที่สุดต่อไป
หนังสือดังกล่าวระบุใจความตอนหนึ่งว่า ตามที่ประธานสภาฯ ขอให้นายณัฐพงษ์ พิจารณาแก้ไขข้อบกพร่องญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยอ้างว่าญัตติดังกล่าวมีเนื้อหาระบุรายชื่อบุคคลภายนอก อันอาจทำให้บุคคลภายนอกไก้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมได้ ซึ่งประธานสภาฯอ้างว่ามีข้อบกพร่องตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 176 นั้น
ตนและคณะยืนยันว่าญัตติดังกล่าวไม่มีข้อบกพร่องตามที่ประธานสภาได้อ้างแต่ประการใด ดังนี้ 1.ประธานสภาจะพิจารณาว่าเนื้อหาของญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ว้างใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ ว่าสมควรมีเนื้อหาอย่างใดมิได้ เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวมิได้ให้อำนาจแก่ประธานสภาในการใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยว่าเนื้อหาของญัตติสมควรจะเป็นประการใด สมควรจะได้รับการบรรจุไว้ในระเบียบวาระการประชุมเพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะหรือไม่ หากแต่บทบัญญัติดังกล่าวกำหนดอำนาจผูกพันในการใช้อำนาจของประธานสภาให้ต้องเปิดให้มีการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายหรือบุคคลหรือทั้งคณะเท่านั้น
อีกทั้งข้อบังคับการประชุมสภาฯ พ.ศ. 2562 ข้อ 176 มิได้ให้อำนาจแก่ประธานสภาในการใช้ดุลยพินิจว่าเนื้อหาของญัตติควรจะเป็นอย่างไร หรือมีความเหมาสมหรือไม่ กล่าวคือข้อ 176 กำหนดให้ประธานสภา ตรวจสอบว่าญัตติมีความบกพร่องหรือไม่ ซึ่งตนเห็นว่าคำว่า ข้อบกพร่อง มีเจตนารมณ์หมายถึงข้อบกพร่องที่เป็นข้อผิดพลาดในเชิงข้อเท็จจริงหรือรูปแบบ เช่น มีรายชื่อผู้เสนอที่ไม่ครบตามเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญกำหนด ลายมือชื่อของผู้เสนอไม่ถูกต้องตรงกับลายมือจริง ระบุชื่อรัฐมนตรีที่ระบุในญัตติผิดพลาด ไม่ถูกต้อง หรือมีการอ้างถึงมาตราหรือข้อกฎหมายที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน
“ดังนั้นการที่ประธานสภา ใช้อำนาจโดยอ้างข้อบังคับการประชุมสภาดังกล่าว โดยตีความในทางที่เป็นปฏิปักษ์ต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ย่อมเป็นการใช้และตีความกฎหมายที่ลุแก่อำนาจที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและข้อบังคับการประชุมสภา ฯ พ.ศ. 2562 ได้กำหนดไว้ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงและทำลายอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติในการควบคุมตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหาร”นายณัฐพงษ์ ระบุ
ข้อ 2 ข้อบังคับการประชุมสภาฯ พ.ศ.2562 มิได้มีข้อห้ามมิให้ระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติ ดังนั้นการระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาของญัตติ จึงไม่ได้มีลักษณะเป็นการกระทำผิดหรือฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุมสภาฯ แต่อย่างใด อีกทั้งในอดีตที่ผ่านมา ญัตติที่เสนอต่อประธานสภาหลายญัตติก็มีการระบุชื่อของบุคคลภายนอก เช่น ญัตติเร่งด่วนของนายวันมูหะมัดนอร์ ฉบับลงวันที่ 26 มิ.ย. 2562 เรื่องขอให้สภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาตรวจสอบการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินฯ โดยมีการระบุถึงบริษัทเอกชนซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเป็นต้น อีกทั้งข้อบังคับการประชุมข้อ 178 กำหนดให้การอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ใดที่อาจเป็นเหตุให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับความเสียหาย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้นต้องรับผิดชอบผลแห่งการกระทำนั้นเอง เห็นได้ว่าข้อบังคับการประชุมสภาฯ ปี 2562 จึงไม่ได้มีบทบัญญัติห้ามมิให้ระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้น หากบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับความเสียหายจากการอภิปรายหรือการกล่าวถ้อยคำในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร บุคคลนั้นมีสิทธิร้องขอต่อประธานสภาฯ ภายในกำหนดเวลาสามเดือนนับแต่วันที่มีการประชุมครั้งนั้น เพื่อให้มีการโฆษณาคำชี้แจงได้ ตามข้อ 39 แห่งข้อบังคับการประชุมสภาฯ ปี 2562 และมาตรา 124 วรรคสามแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งไม่ได้ห้ามการอภิปรายที่มีเนื้อหาพาดพิงถึงบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือบุคคลภายนอก
ข้อ 3 ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ปี 2562 ข้อ 176 กำหนดให้เมื่อประธานสภาฯ ได้รับญัตติตามข้อ 174 แล้ว ให้ทำการตรวจสอบ หากมีข้อบกพร่องให้ประธานสภาฯ แจ้งผู้เสนอทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า สำนักเลขาธิการสภาฯ ได้มีหนังสือลงวันที่ 7 มี.ค. แจ้งผลการพิจารณาญัตติของประธานสภาฯ เห็นได้ว่าการแจ้งข้อบกพร่องตามข้อ 176 ในหนังสือดังกล่าวนั้นไม่เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่ข้อ 176 กำหนด จึงเป็นการแจ้งข้อบกพร่องที่ไม่ชอบด้วยข้อบังคับการประชุมสภา ฯ ปี 2562 ด้วยประธานสภาฯ ได้รับญัตติของตนและคณะเมื่อวันที่27 ก.พ. จึงถือว่าพ้นระยะเวลาเจ็ดวันตามที่ข้อบังคับการประชุมฯ กำหนด
“จากที่กล่าวมาข้างต้น ข้าพเจ้าและคณะขอยืนว่าญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลของข้าพเจ้าและคณะนั้น ชอบด้วยข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ ดังนั้นจึงขอให้ประธานสภาฯ ได้พิจารณาบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็วที่สุดต่อไป” นายณัฐพงษ์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้นายณัฐพงษ์ ยังแนบเอกสารการยื่นญัตติต่อประธานสภาฯที่ผ่านมาในอดีตหลายรายการโดยมีญัตติที่น่าสนใจคือญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ อดีต รมว.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2529 ซึ่งมีการพาดพิงบริษัทเอกชน 2 แห่ง คือ บริษัทสหกสิกิจวิศวกร และบริษัทร่วมมิตรการแร่จำกัด ในประเด็นที่อดีต รมว.พาณิชย์ ได้อนุมัตินำเข้าไม้ซุงจากประเทศเมียนมา เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักรอันเป็นพฤติการณ์ที่ประชาชนเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี