วันที่ 11 มีนาคม 2568 ความคืบหน้ากรณี คณะกรรมการประกันสังคม หรือ บอร์ดประกันสังคม ประชุมจะพิจารณาเห็นชอบวาระ เรื่อง การปรับสูตรบำนาญชราภาพ ให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 หรือไม่ ภายหลังการหารือกว่า 3 ชั่วโมง
ล่าสุด ที่สำนักงานประกันสังคม นางมารศรี ใจรังศรี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) พร้อมด้วย รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน แถลงข่าวร่วมกันภายหลังการประชุม ว่า ในวันนี้มีการประชุมบอร์ดประกันสังคมที่มีการหารือร่วมกัน 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายราชการ และยังมีประธานอนุสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน โดยมีข่าวดีกับทุกท่านว่า ท่านประธานบอร์ดประกันสังคม นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานบอร์ดประกันสังคม เห็นชอบรับหลักการปรับสูตรบำนาญให้กับผู้ประกันตนถูกมาตรา ทั้งมาตรา 33 และมาตรา 39 โดยมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมกลับไปทำรายละเอียดเพิ่มเติม
“ทั้งนี้สูตรที่จะมีการใช้ใหม่ก็คือที่เรียกว่า แคร์(CARE) ซึ่งสำนักงานประกันสังคมไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ ได้มีการศึกษาเริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 และได้มาสำเร็จและเห็นรูปธรรมชัดเจนในวันนี้” นางมารศรีกล่าว
นางมารศรี กล่าวเพิ่มเติมว่า คนที่รับบำนาญชราภาพ หากมีการใช้สูตรใหม่แล้วได้รับบำนาญลดลงก็จะให้ได้เท่าเดิม แต่ถ้าได้รับเพิ่มขึ้นก็จะได้รับเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นธรรมมากที่สุด ซึ่งปัจจุบัน มีผู้รับบำนาญชราภาพอยู่ที่ 8 แสนคน และค่อยๆทยอยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 1 แสนคน ก็จะได้รับความเป็นธรรมกับสูตรใหม่นี้ทั้งผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 กรณีที่จะต้องใช้เงินกองทุนประกันสังคมจ่ายเงินบำนาญชราภาพมากขึ้น นางมารศรี ยืนยันว่า ดูรายละเอียดแล้ว ไม่กระทบกับเสถียรภาพและความยั่งยืนของกองทุนประกันสังคม ทำประชาพิจารณ์ 90 วัน
ขณะที่ รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นข่าวดีของผู้ประกันตนและนายจ้างที่สามารถเพิ่มสวัสดิการให้ผู้ประกันตน ด้วยการปรับสูตรคำนวณบำนาญเป็นการเฉลี่ย ตลอดอายุและปรับฐานเงินเดือนตามที่ได้เสนอไป จากนี้ไปจะเข้าสู่การทำประชาพิจารณ์ในระยะเวลา 90 วัน โดยกระบวนการต่อจากนี้สามารถเดินตามแนวทางที่วางไว้และจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 และ มาตรา 39 ส่วนหนึ่งที่สูญเสียเงินค่าจ้างไปในช่วงท้ายของการจ่ายเงินสมทบ 3 แสนคนได้เพิ่มกว่า 2,000 บาท
บอร์ดสปส.มีมติสำคัญคือ รับหลักการสูตรบำนาญค่าเฉลี่ยทั้งชีวิตของผู้ประกันตน โดยปรับตามอัตราค่าเงิน จะทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 39 กว่า 3 แสนคน มีเงินบำนาญเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 พันบาท นี่คือความเป็นธรรมที่จะเกิดขึ้น เป็นวันที่เราสามารถฉลองได้ แต่ยังไม่จบแค่นี้ การต่อสู้ของกลุ่มประกันสังคมก้าวหน้าเพื่อผลักดันความเป็นธรรมให้เดินหน้าต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือประมาณ 1 ปี
ด้าน ดร.มนตรี ฐิรโฆไท กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง บอร์ดประกันสังคม กล่าวว่า ขออภัยพี่น้องผู้ประกันตนที่ต้องรอคอยเรื่องนี้ถึง 2 สัปดาห์ แต่เชื่อว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดกระแสที่ผู้ประกันตนหันมาให้ความสนใจกับสิทธิประโยชน์ของตนเอง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ฝ่ายนายจ้างอยากให้เกิดขึ้น เพราะเงินสมทบฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายรัฐและฝ่ายผู้ประกันตน เป็นเงินของผู้ประกันตนซึ่งต้องได้รับการดูแล
“วันนี้เกือบ 3 ชั่วโมง ได้พิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมต่างๆ หลังจากที่นักคณิตศาสตร์ประกันภัย กลับไปพิสูจน์เพิ่มเติมให้ละเอียดขึ้น เกิดความเป็นธรรมากขึ้น และลงไปในทุกๆกลุ่ม เพื่อให้เห็นว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกันตนที่จะได้เงินบำนาญชราภพาปรับเพิ่มขึ้น ลดลงหรือเท่าเดิมเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นอีก 90 วันข้างหน้าผู้ประกันตนควรให้ความสนใจกับการทำประชาพิจารณ์และให้ความเห็นว่าสิ่งที่คิด นำเสนอไปนั้น เป็นธรรมถูกต้องและมีแง่มุมใด ที่ผู้ประกันตนอยากให้เพิ่มเติม ซึ่งทั้ง 3 ฝ่ายจะทำงานเพื่อผู้ประกันตนอย่างแท้จริง”ดร.มนตรี กล่าว
ขณะที่ นายธนพล เชื้อเมืองพาน อนุกรรมการสิทธิประโยบน์ กล่าวว่า เป็นข่าวดีของผู้ประกันตน ทั้งมาตรา 33 และ 39 ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากสูตรคำนวณเงินบำนาญชราภาพใหม่ ซึ่งเป็นสูตรคำนวณที่ถูกปรับเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่จะได้รับเงินบำนาญจากกองทุนประกันสังคมในอนาคต เพราะที่ผ่านมากว่า 30 ปีมีความเหลื่อมล้ำมาตลอด โดยสูตรคำนวณใหม่นี้ จะมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันและอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี