“เท้ง”ยกคณะเข้า“เรือนจำกรุงเทพฯ”กว่า 2 ชม. ดูภาพรวมระบบยุติธรรมในเรือนจำ-เสียงสะท้อนผู้ต้องขัง ยันไม่ได้มาหาข้อมูลชั้น 14 โยนการตาย “ผกก.โจ้” ให้หน่วยงานรับผิดชอบชี้แจงเอง
เมื่อเวลา 14.35 น. วันที่ 11 มี.ค. ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วยนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เดินทางมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อให้การต้อนรับ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือทนายแจม พรรคประชาชน และนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน และร่วมสังเกตการณ์การศึกษาดูงานภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว. ยุติธรรม เปิดเผยว่า สำหรับกรณีที่วันนี้ นายณัฐพงษ์ได้ลงพื้นที่มาดูงานกรมราชทัณฑ์ ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรับฟังการชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ของเรือนจำฯ นั้น เท่าที่ทราบตนยังไม่รู้วัตถุประสงค์ของนายณัฐพงษ์ แต่ทราบว่ามีการทำหนังสือขอเยี่ยมผู้ต้องหาทัณฑ์ในคดีระหว่าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นคดีระหว่างในคดีทางการเมือง เนื่องด้วยอยากดูสภาพความเป็นอยู่ ว่าผู้ต้องขังมีความเป็นอยู่อย่างไร ซึ่งในยุคนี้ของกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ เราอยากให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ คือ การเป็นเรือนจำคดีระหว่าง
ส่วนคดีเด็ดขาดนั้น เนื่องจากในกรุงเทพฯ มีเรือนจำหลายเรือนจำ ทำให้คดีเด็ดขาดจะไม่ต้องเกี่ยวข้องกับศาล ไม่เกี่ยวข้องกับพนักงานสอบสวน ก็จะแยกไปในเรือนจำอื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุง โดยเฉพาะมีการย้ายผู้ต้องขัง เพื่อให้สถานที่แห่งนี้ เมื่อเป็นคดีระหว่างก็อยากเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้พบทนาย เปิดโอกาสให้เขาได้ศึกษาสำนวน แล้วก็เปิดโอกาสให้เขาได้เยี่ยมญาติ เพราะเรายังเชื่อในรัฐธรรม นูญว่าตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุด เราถือว่าเขายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ นั้นตนจะได้ถือโอกาสมาดูว่าก่อนที่จะเปิดให้เห็นว่าเราจะนำร่องเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ต่อไปจะต้องพัฒนาสถานที่หรือบริเวณให้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่มาเยี่ยมญาติ ส่วนในเรือนจำอื่น ๆ และในบริเวณใกล้เคียงกันนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นนักโทษเด็ดขาด ซึ่งนักโทษเด็ดขาดสามารถที่จะได้รับการฟื้นฟูพัฒนาพฤตินิสัยตามกฏหมายได้ เช่น อาจจะพัฒนาให้เป็นเรือนจำเพื่อการศึกษา เรือนจำกีฬา เป็นต้น เพื่อนำคนคุณภาพคืนสู่สังคม นี่จะเป็นการปฏิรูปราชทัณฑ์
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านต้องการขอข้อมูลเรื่องชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำไปใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น พ.ต.อ.ทวี ได้ย้อนถามว่า จะมาขอจากใคร แต่หากจะมาขอที่ตน ตนเองไม่มี แต่ไม่กังวล และถือเป็นโอกาสที่ตนเองจะได้ชี้แจง โดยได้ยึดหลักนิติธรรม หลักกฎหมาย จึงไม่กังวลใด ๆ แม้บางครั้งมีผู้ที่ไม่สบายใจ ก็ต้องชี้แจงเพื่อให้สังคมยอมรับ ส่วนจะต้องเตรียมความพร้อมคำตอบเรื่อง ผกก.โจ้ ที่เสียชีวิต ที่จะต้องมีการเตรียมคำตอบไปตอบในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น ตนไม่ต้องเตรียม เราจะเอาข้อเท็จจริงไปตอบ เพราะตนก็อยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและอยากให้พนักงานสอบสวนได้สอบสวน ทั้งในเรื่องการเสียชีวิตว่าเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายหรือถูกทำให้ตายหรือไม่ ส่วนตัวอยากให้เรื่องนี้สอบสวนจบโดยเร็ว แต่ทั้งหมดก็ยังต้องรอผลการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนและผลทางนิติวิทยาศาสตร์ในการผ่าชันสูตรพลิกศพรอบ 2
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นของสาเหตุการเสียชีวิต เชื่อว่าต้องรับฟังพยานต่าง ๆ ให้รอบด้าน เราเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าซักถามในประเด็นที่สงสัย “ขอยืนยันว่าวันนี้ต้องทำความจริงให้ปรากฏ เป็นรัฐบาลโปร่งใส รัฐบาลตรวจสอบได้ และรัฐบาลที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องกลัวอะไร”
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเยี่ยมชมเรือนจำฯ โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ว่า การมาในครั้งนี้เป็นหมายกำหนดการที่เรามีการวางไว้มาก่อนหน้านี้แล้ว โดยมาดูในเรื่องของระบบยุติธรรม สวัสดิภาพ และสวัสการต่างๆ ของผู้ต้องขังในเรือนจำ พร้อมทั้งดูภาพรวมของระบบยุติธรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ และพ.ร.บ. อุ้มหายฯ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิต่างๆ ซึ่งเป็นการหารือในภาพรวม เช่น เรื่องการติดต่อกับโลกภายนอก การรับส่งจดหมาย และระบบ Domimaill ที่มีมาตรฐานไม่ตรงกัน ซึ่งเรือนจำบางแห่งใช้ได้แต่บางแห่งไม่สามารถใช้งานได้ รวมถึงการส่งหนังสือ และการสั่งอาหารเข้ามาภายในเรือนจำ และการพบญาติซึ่งมีการกำหนด 10 รายชื่อ ที่มีการกำหนดไม่ตรงกัน เช่น บางแห่งกำหนดว่าเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด บางเรือนจำบอกเป็นเฉพาะญาติ หรือ บางเรือนจำกลับบอกเป็นบุคคลใดก็ได้ ซึ่งถือว่ายังเป็นมาตรฐานที่ไม่ตรงกัน จึงเป็นเหตุให้ตนและ สส.พรรคประชาชน มาร่วมหารือในเรื่องดังกล่าวนี้ นอกจากนี้ยังมีการพบปะพูดคุยกับผู้ต้องขังโดยตรง เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนภายในเรือนจำ
ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่าพรรคฝ่ายค้าน เดินทางมาเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า จากหมายกำหนดการไม่ได้มีประเด็นในส่วนนั้น และที่มีการหารือกับ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คือการรับฟังข้อคิดเห็นหลายๆ อย่าง เพื่อนำไปปรับปรุงให้สวัสดิการของผู้ต้องขังดีขึ้นได้
ส่วนในวันนี้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ภายในเรือนจำหรือไม่ นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดคุยกันในส่วนนี้ กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แต่ยอมรับว่าก่อนที่มาได้มีการพูดคุยบ้างเล็กน้อย ซึ่งในส่วนของเนื้อหาต่างๆ เข้าใจว่าทางหน่วยงานมีการดำเนินการตรวจสอบภายในอยู่ และตนมองว่าเวทีที่เรามาวันนี้คือการดูในภาพรวมของกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม ส่วนในเรื่องของอดีตผู้กำกับโจ้ ให้ทางหน่วยงานได้มีการชี้แจงน่าจะดีกว่า
นอกจากนี้ ในการตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมนั้นเรามีสส. หลายคนที่มีการผลักดันการแก้ไขกฎหมาย เช่น พรบ.ราชทัณฑ์ ที่กำลังมีการยกร่างแก้ไขกฎหมาย รวมถึงผู้ต้องขังในคดีทางการเมืองที่ไม่ใช่คดีอุฉกรรจ์ร้ายแรง ซึ่งยังมีอีกหลายช่องทางที่เราจะสามารถทำให้ระบบยุติธรรมขึ้น เช่น การใช้หลักการคุมขังนอกเรือนจำ โดยวันนี้มีการหารือภายในร่วมกัน ซึ่งทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้มีการพูดถึงข้อติดขัด อาทิ รายละเอียดค่าใช้จ่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี