นายกฯ“อิ๊งค์”เปิดคำพูด“ทักษิณ”ปมมีชื่อในญัตติซักฟอกฝ่ายค้าน ลั่น“ทักษิณ”เป็นคุณพ่อนายกฯไม่จำเป็นต้องตั้งโต๊ะแถลงโต้อภิปรายปิดช่องขยายผลนำไปโจมตีต่อ ย้ำไม่หวั่นซักฟอกกี่วัน พร้อมมาตอบ“วันนอร์”ได้รับหนังสือโต้แย้ง“ฝ่ายค้าน”แล้ว ย้ำไม่มีเจตนาอย่างอื่นแค่อยากให้ซักฟอกเดินหน้าได้ลั่นทัน 24 มี.ค.แน่เพิ่ง11มี.ค.สงครามซักฟอก!‘ลูกน้องวันนอร์’ทีมสภา เรียงหน้าโต้‘ฝ่ายค้าน’แจงยิบกางข้อ กม.ยันอำนาจปธ.สภาฯยืนกรานไม่แก้ไม่บรรจุญัตติ ส่วนปธ.วิปค้าน’แบะท่าไม่ปิดประตูแก้ญัตติซักฟอก พร้อมคุยปมตัดชื่อ’แม้ว’ ดักคอถ้าบรรจุไม่ทันสมัยประชุมนี้ โดนปชช.ถามรัฐบาลเลี่ยงตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงรณีญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ยังมีประเด็นการตัดชื่อคนนอกอยู่นั้น ได้พูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเรื่องนี้บ้างหรือไม่
‘อิ๊งค์’เปิดคำพูด‘แม้ว’มีชื่อในญัตติ
โดยนางสาวแพทองธารกล่าวว่า“เขาไม่ว่าอะไรเลย เพียงแต่ถามเฉยๆว่าเข้าได้หรือ เพราะไม่ได้อยู่ในสภาฯหรือจะให้เขาไปสภาฯเป็นการถามเล่นๆไม่ได้มีอะไร พร้อมบอกด้วยว่าหรือจะให้ไปตอบในสภาฯหรืออย่างไรแต่ก็เข้าไม่ได้อยู่แล้ว” เมื่อถามว่าส่วนตัวติดหรือไม่หากมีชื่อนายทักษิณในญัตติ น.ส.แพทองธารระบุว่าอันนี้เอาข้อเท็จจริงอย่าใช้อารมณ์เลย หลักการ กฎคืออะไรดีกว่า ถ้าเราไม่ทำตามกฎตามหลักการตั้งกฎตั้งหลักการไว้ทำไม ถ้าสมมุติว่าหลักการมันเข้าได้ ได้เลย เราจะห้ามอย่างไร แต่ถ้าหลักการเข้าไม่ได้จะฝืนหลักการก็ไม่ได้
ลั่นพ่อนายกฯไม่ต้องตั้งโต๊ะแถลง
เมื่อถามว่าจะชี้แจงสาธารณชนว่านายทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารโดยให้ตั้งโต๊ะแถลงเลยหรือไม่น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า“ท่านทักษิณจะแถลงเพื่ออะไรหรือคะ แต่ถ้าเพื่อให้มีประเด็นอื่นต่อไปไม่จำเป็น ท่านทักษิณเป็นคุณพ่อของนายกฯคนที่31เท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นนายกฯด้วยจะไปอภิปรายท่านหรือให้ท่านตั้งโต๊ะแถลง แต่ถ้าฮอลลีวูดชวนท่านไปเป็นดาราท่านแถลงได้”
ย้ำซักฟอกกี่วันพร้อมมาตอบ
เมื่อถามว่าการยื้อกันแบบนี้เป็นการเมืองเกินไปหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่าอยากรู้สุดท้ายจะเหลืออภิปรายกี่วัน สื่อมวลชนจึงกระเซ้าว่า“5 วัน” นายกฯหัวเราะก่อนกระเซ้ากลับว่า“เดือนนึงเลยมั้ยละ”ก่อนบอกว่า“ก็แล้วแต่ได้หมดกี่วันก็มา”
ปธ.สภารับหนังสือโต้แย้งฝ่ายค้าน
ที่รัฐสภา เวลา 09.35น.นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นหนังสือโต้แย้งในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าขณะนี้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้รับหนังสือโต้แย้งจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคประชาชน(ปชน.)ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ซึ่งสำนักประชุม สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายกฎหมายและสำนักประธานสภาผู้แทนราษฎรกำลังประมวลเรื่องเพื่อเตรียมชี้แจง
ย้ำอยากให้ซักฟอกเดินหน้าได้
ประธานสภาฯระบุว่าทั้งนี้เพื่อขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อให้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลซึ่งกำหนดไว้วันที่ 24 มีนาคมนี้ได้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและถูกต้องตามกฎหมายรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ ไม่มีการประท้วงให้เกิดความวุ่นวายส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151นั้น มีข้อบังคับของสภากำหนดไว้เป็นการเฉพาะเกือบ 10 ข้อ
อีกทั้ง เป็นการอภิปรายระหว่างฝ่ายค้านกับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ไม่ว่าจะเป็น ครม.ทั้งคณะหรือรายบุคคล แต่ไม่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ส่วนจะอภิปรายส่วนที่เกี่ยวข้องก็สามารถที่จะทำได้ หากอยู่ในข้อบังคับ ประธานก็สามารถที่จะอนุญาตได้ แต่หากผิดข้อบังคับประธานสภาก็จะต้องพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป การเขียนไปในญัตติถือว่าผิดข้อบังคับ ดังนั้น จึงไม่สามารถที่จะกระทำได้
ประธานสภาฯกล่าวอีกว่าหากมีการโต้แย้งขึ้นมาก็ต้องดูประเด็นข้อโต้แย้งว่ามีอะไรที่สามารถทำได้และมีอะไรที่ไม่สามารถทำได้หรือยังต้องแก้ไขบ้าง
ทัน24มี.ค.แน่/ไม่มีเจตนาอย่างอื่น
เมื่อถามว่าต้องบรรจุเมื่อไหร่จึงจะสามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 24 มีนาคมได้ ประธานสภาฯยืนยันว่าทันอยู่แล้วเพราะวันนี้เพิ่งวันที่ 11 มีนาคม แต่ขึ้นอยู่กับการชี้แจงและความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่จะทำให้ญัตติสามารถเดินไปได้ ประธานสภาฯไม่มีเจตนาอย่างอื่น นอกจากอยากทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้สามารถทำได้ด้วยความเรียบร้อยถูกต้องตามกติกา ส่วนการลงมติหลังการอภิปรายและเมื่อประชาชนรับฟังแล้วจะตัดสินอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องเมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านอ้างว่าประธานสภาฯมีหนังสือขอให้ฝ่ายค้านกลับไปแก้ไขญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจในระยะเวลาที่เกิน 7 วันนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เดี๋ยวจะมีการชี้แจง ในรายละเอียดทุกข้อ
ทีมสภาฯเรียงหน้าโต้‘ฝ่ายค้าน’
เวลา11.30 น. ที่รัฐสภา นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงกรณีหนังสือโต้แย้งของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน(ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรกรณีที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร วินิจฉัยให้แก้ไขข้อบกพร่องในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่ากรณีที่ฝ่ายค้านแย้งในอำนาจประธานสภาฯว่า มาตรา151ของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติเกี่ยวกับการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีฯ ไม่ได้มีการบัญญัติเรื่องอำนาจ ความผูกพันในการใช้อำนาจของประธานสภาฯ ให้ต้องเปิดให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่มาตรา128 วรรค1 บัญญัติให้อำนาจ สส.ในการตราข้อบังคับการประชุมเกี่ยวกับการเปิดอภิปรายทั่วไป ซึ่งรวมถึงญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจด้วย
กางข้อกมแจงเป็นอำนาจปธ.สภา
“โดยมีการกำหนดขั้นตอนเกี่ยวกับการเปิดอภิปรายดังกล่าวไว้ในข้อบังคับการประชุมสภาฯ พ.ศ.2526 หมวด 9 เรื่องการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยเฉพาะข้อ 175 วรรค 1ได้กำหนดอำนาจและหน้าที่ให้แก่ประธานสภาฯ ไว้ชัดเจนในการตรวจสอบความถูกต้องของญัตติ หากมีข้อบกพร่องให้ประธานสภาฯ แจ้งผู้เสนอญัตติทราบภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้ญัตติ เพื่อให้แก้ไขให้ถูกต้องโดยข้อบังคับไม่ได้มีการกำหนดนิยามคำว่าข้อบกพร่องไว้อย่างชัดเจนว่า หมายถึงข้อบกพร่องที่เป็นข้อผิดพลาด เช่น มีลายชื่อผู้เสนอไม่ครบ ตามเกณฑ์กำหนด หรือลายมือชื่อผู้เสนอไม่ถูกต้องตรงกับลายมือชื่อจริง เป็นต้น จึงเป็นอำนาจของประธานสภาฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจในการวินิจฉัย หากมีการแก้ไขญัตติถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ประธานสภาฯ จึงจะสั่งเข้าบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน และแจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบ”นายคัมภีร์ ย้ำ
ชี้ปล่อยชื่อคนนอกอยู่จะเกิดปัญหา
นายคัมภีร์กล่าวอีกว่า เมื่อพิจารณาจากข้อบังคับการประชุมสภาฯข้อ178 และข้อ 69 แล้วจะเห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจห้ามผู้อภิปรายออกชื่อบุคคลใดโดยไม่จำเป็นและการอภิปรายที่อาจทำให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีหรือสส.ได้รับความเสียหายถือเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมสส.ผู้นั้นต้องรับผิดชอบ ประธานสภาฯต้องการให้การประชุมและการอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเกิดประโยชน์แก่ชาติและประชาชนจึงเห็นว่าหากปล่อยให้ชื่อบุคคลภายนอกอยู่ในญัตติต่อไปจะเกิดความเสียหายและความไม่เรียบร้อยในที่ประชุมจนยากจะแก้ไข เนื่องจากอาจจะเกิดการประท้วงไปมาหรือประท้วงประธานสภาฯว่าทำผิดข้อบังคับด้วย ไม่ควบคุมรักษาความสงบในที่ประชุม ซึ่งท่านจะต้องรับผิดชอบด้วยจึงต้องใช้ดุลยพินิจในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของญัตติดังกล่าว
พบ‘10ลายมือชื่อไม่ตรงที่เคยให้ไว้
โฆษกประธานสภาฯกล่าวอีกว่านอกจากนี้จากการตรวจสอบในญัตติพบว่ามีสส.ของพรรคฝ่ายค้านจำนวน 10รายที่ลายมือชื่อไม่ตรงกับที่เคยให้ไว้กับสภาฯจึงให้ไปแก้ไขซึ่งมีการแก้ไขกลับมาวันที่ 28 กุมภาพันธ์ แต่เดือนกุมภาพันธ์มีแค่28วันเท่านั้นเมื่อมีการนำเสนอเรื่องต่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เพื่อพิจารณาก่อนที่จะส่งเรื่องไปถึงประธานสภาฯตามขั้นตอนจึงพบว่าญัตติมีการกำหนดชื่อบุคคลภายนอกไว้ ซึ่งไม่สามารถทำได้ จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถบรรจุเข้าระเบียบวาระได้ ดังนั้นนายพิเชษฐ์จึงเสนอต่อประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 1มีนาคมซึ่งอยู่ในเงื่อนไขของกรอบเวลาการที่นายณัฐพงษ์ระบุว่าเกินกำหนดวันที่ 28 กุมภาพันธ์
ปธ.สภาฯให้เกียรติผู้นำฝ่ายค้าน
ด้านว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกล่าวเสริมว่าในทางปฏิบัติสำนักการประชุมได้ชี้แจงมาว่าการยื่นญัตติของฝ่ายค้านนับรวมวันเสาร์-อาทิตย์ด้วยซึ่งจะตรงกับวันที่ 6 มีนาคมพอดี โดยญัตติสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 28กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ ข้อบังคับการประชุมระบุว่าไม่จำเป็นต้องแจ้งด้วยหนังสือ แต่ประธานสภาฯให้เกียรติผู้นำฝ่ายค้านจึงขอนำเรียนให้นายณัฐพงษ์แก้ไขก่อน ถ้าไม่แก้ไขก็จะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯทำหนังสือส่งไปเผื่อนายณัฐพงษ์จะเปลี่ยนใจแก้ไข โดยวันนั้น ประธานสภาฯ แจ้งด้วยวาจาและมีการเชิญผู้นำฝ่ายค้านฯมาพบที่ห้องเพื่อนำเรียนนายณัฐพงษ์
เมื่อถามย้ำว่าตามระเบียบหากไม่แก้ไขญัตติจะไม่สามารถบรรจุวาระได้ใช่หรือไม่ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของประธานสภาฯว่าบรรทัดฐานที่ท่านทำมา ไม่ใช่ท่านเพิ่งคิดในครั้งนี้แต่ท่านได้ให้สำนักการประชุมตรวจสอบดูในอดีตซึ่งการกล่าวถึงบุคคลภายนอกนั้นไม่มี แต่ใช้คำว่าบุคคลในครอบครัว อดีตสมาชิกฯจะไม่ระบุชื่อโดยตรง เฉพาะในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะต้องอยู่ในกรอบนี้ ไม่ใช่ญัตติทั่วไปซึ่งญัตติทั่วไปอาจมีการเอ่ยถึงบุคคลภายนอกได้ ประธานสภาฯก็ถือเป็นบรรทัดฐานครั้งนี้
ยืนกรานไม่แก้ไม่บรรจุญัตติวาระ
เลขาธิการสภาฯกล่าวว่าการกล่าวถึงบุคคลภายนอกมีครั้งหนึ่งในสมัยญัตติปี 2529ที่เป็นการกล่าวถึงบริษัทหนึ่ง แต่ปี2529เราต้องรู้ว่าเอกสิทธิ์ความคุ้มกันนั้นมี100เปอร์เซ็นต์ แม้ไปพาดพิงบุคคลภายนอกก็ไม่สามารถฟ้องร้องได้แต่เมื่อรัฐธรรมนูญพิจารณามา ถ้าบุคคลภายนอกเสียหายเขาสามารถฟ้องร้องได้ในส่วนนั้น ส่วนประเด็นที่บอกว่าเมื่อมีการอภิปรายแล้วพาดพิงบุคคลภายนอก เขาสามารถมายื่นคำชี้แจงได้อันนั้นแยกส่วนต่างหาก แต่เรื่องนี้อยู่ในส่วนของการระบุชื่อในญัตติและญัตติก็มีชื่อเผยแพร่เป็นบุคคลภายนอกแล้วบุคคลที่มีชื่อในญัตติก็ไม่สามารถชี้แจงในลักษณะที่ไม่ถูกอภิปรายได้ซึ่งเป็นกรณีที่แตกต่างกัน
“ทั้งนี้ประธานสภาฯระบุว่าจริงอยู่ที่ผู้เสนอญัตติพร้อมรับผิดชอบในการกล่าวถึงบุคคลภายนอก แต่ในฐานะประธานสภาฯก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ถ้าชื่อของบุคคลภายนอกไปปรากฏอยู่ในญัตติและมีการปรากฏอยู่ในสาธารณชนเพราะเป็นคนใช้อำนาจในการอนุญาตให้บรรจุญัตติซึ่งประธานสภาฯ เล็งเห็นส่วนนี้ซึ่งมีความสำคัญจึงเห็นว่าควรให้ตัดการที่มีบุคคลภายนอกออกไป”
เมื่อถามย้ำว่าหากไม่แก้ญัตติก็คือไม่บรรจุวาระการประชุม เลขาธิการสภาผู้แทนฯยอมรับว่า“ครับๆ ตอนนี้ท่านประธานสภาฯมีดำริให้นโยบายมา ในส่วนสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ภายในวันที่ 11-12มีนาคมนี้ ผมก็จะทำหนังสือชี้แจงในข้อที่ผู้นำฝ่ายค้านโต้แย้งมา ยืนยันหนังสืออย่างเป็นทางการไปอีกครั้งหนึ่ง”
ปชน.ซัดไม่ทันสมัยนี้-รบ.หนีตรวจสอบ
ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิสส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อโต้แย้งหนังสือให้แก้ไขข้อบกพร่องญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าการอภิปรายคงเกิดขึ้นอยู่แล้ว หากการอภิปรายไม่เกิดขึ้นภายในสมัยประชุมนี้ประชาชนคงต้องตั้งคำถามว่ารัฐบาลพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบถ่วงดุลในระบบสภาหรือไม่ซึ่งคำโต้แย้งและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ค่อนข้างชัดเจน
ชี้บรรทัดฐานที่คนเป็นสส.ไม่ควรทำ
“มีสส.อาวุโสท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าหากย้อนกลับไปการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินบาทช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เขาระบุว่าวันนั้นที่นั่งอยู่ในสภา เขารู้สึกว่านายราเกซ สักเสนา นั่งอยู่ในสภาด้วยเพราะทุกคนลุกขึ้นมาพูดชื่อนายราเกซตลอดเวลาในประวัติศาสตร์แน่ชัดว่าข้อบังคับไม่ได้ห้ามอย่างเด็ดขาดในการพูดถึงบุคคลภายนอกและผู้สื่อข่าวที่อยู่ในสายการเมืองคงทราบอยู่แล้วว่าการพูดถึงบุคคลภายนอกในสภาฯเป็นเรื่องปกติเพราะฉะนั้นอย่าทำให้เรื่องปกติกลายเป็นเรื่องผิดปกติ การอ้างข้อบังคับขึ้นมาบางคำและตีความตามใจตัวเองว่าบางครั้งก็ได้บางครั้งถ้าไม่อยากให้เอยถึงบางคนก็บอกว่าไม่ได้ ผมคิดว่าเป็นบรรทัดฐานที่คนเป็นสส.ไม่ควรทำ“ นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
ยันไม่มีข้อห้ามให้ระบุชื่อคนนอก
นายปกรณ์วุฒิระบุว่าต้องถามว่าข้อบังคับข้อไหนที่ห้ามไม่ให้ระบุชื่อบุคคลภายนอกลงในญัตติ หากทางฝ่ายวิปรัฐบาลระบุว่าข้อบังคับไม่อนุญาต ต้องถามว่าข้อบังคับข้อไหน หากบอกว่าข้อบังคับที่ 69 ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาชัดเจนแล้วว่าการพูดถึงบุคคลภายนอกทำได้
“ญัตติที่นายวันมูหะมัดนอร์ได้เคยยื่นในสภาฯชุดที่25 และลงชื่อนายวันมูหะมัดนอร์เองระบุชื่อบุคคลภายนอกชัดเจนฉะนั้นญัตติสามารถระบุชื่อบุคคลภายนอกได้ ไม่ผิดข้อบังคับแน่นอน มีข้อโต้แย้งที่บอกว่าญัตติทั่วไป และ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่เหมือนกัน ก็ต้องถามว่าแล้วข้อบังคับข้อไหน” ประธานวิปฝ่ายค้าน ย้ำ
แบะท่าพร้อมคุย/ไม่ปิดประตูแก้ญัตติ
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านยืนยันไม่แก้ญัตติใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เรายืนยันว่า ถูกต้องตามข้อบังคับ แต่ถ้าจะใช้อำนาจหรือขอความร่วมมืออะไรตนคิดว่ามาพูดคุยกัน เราไม่ได้พูดคุยอะไรไม่ได้เลย ถ้าสุดท้ายต้องทำให้ราบรื่นลองมาพูดคุยกันก่อนว่าจะหาทางออกกันตรงไหน แต่ไม่ใช่การใช้อำนาจหรืออ้างข้อกฎหมาย ข้อบังคับ แบบที่ไม่ตรงไปตรงมา หรือทำตามอำเภอใจตนเอง
“ส่วนตัวอยากให้มีข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ ภายในสัปดาห์หน้าก็ยังทันเพราะมีการคุยกันแล้วว่าการอภิปรายควรเกิดขึ้นในสัปดาห์ไหน ถ้าทุกอย่างสรุปกันได้ประธานสภาฯสามารถบรรจุญัตติลงในวาระได้ทันทีไม่ได้ใช้เวลามาก”นายปกรณ์วุฒิ ระบุ เมื่อถามว่าฝ่ายค้านไม่ได้ปิดประตูในการแก้ญัตติใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ ตอบว่าลองพูดคุยกันก่อนดีกว่า หากทางฝ่ายกฎหมายของสภาฯ ยืนยันชัดเจน คิดว่าประธานสภาฯจะมองเห็นอะไรบางอย่างว่าสิ่งที่ท่านทำอยู่ถูกต้องตามข้อบังคับหรือไม่ หากผลตีความของฝ่ายกฎหมายออกมาแล้วรอดูประธานสภาอีกครั้งว่าจะว่าอย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี