”วราวุธ“ ถ้อยแถลง เวที CSW 69 ยก สิทธิสตรีคือสิทธิมนุษยชน ชู นายกฯอุ๊งอิ๊ง เป็นผู้นำหญิงรุ่นใหม่ มีความสามารถ-ขับเคลื่อนนโยบายหลายด้าน
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (UN) นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย นำคณะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรีสมัยที่ 69 (Commission on the Status of Women) หรือการประชุม CSW 69 ซึ่งปีนี้เป็นวาระครบรอบ 30 ปี ปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี
โดยในช่วงบ่าย เวลา 15.00 น. นายวราวุธและคณะได้เข้าร่วมการประชุมการติดตามผลการประชุมโลกว่าด้วยสตรี ครั้งที่ 4 และผลลัพธ์ของการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 23 ภายใต้หัวข้อ “สตรี 2000: ความเสมอภาคระหว่างเพศ การพัฒนา และสันติภาพสำหรับศตวรรษที่ 21”
โดยนายวราวุธได้กล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทย ระบุว่า นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้กล่าวต่อที่ประชุม CSW 69 ในขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ปี 2025 ซึ่งถือเป็นปีที่ครบรอบ 30 ปีของปฏิญญาปักกิ่ง แน่นอนว่าเราภูมิใจในความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในหลายด้าน แต่ยังตระหนักดีว่าเราจำเป็นต้องทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อบรรลุพันธสัญญาที่สำคัญว่า “สิทธิมนุษยชนคือสิทธิสตรี และสิทธิสตรีคือสิทธิมนุษยชน” ซึ่งเป็นหัวใจหลักของปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี
สำหรับประเทศไทย เรายังคงมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะยังคงพยายามที่จะผนวกมุมมองเรื่องความเท่าเทียมทางเพศเข้าสู่การขับเคลื่อนนโยบายในทุกด้าน ถือว่าเป็นงานที่สำคัญ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลไทย เป็นผู้นำหญิงรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ ได้ริเริ่มนโยบายหลายด้านเพื่อขับเคลื่อนพันธสัญญา ภายใต้ปฏิญญาปักกิ่ง อาทิ นโยบายด้านการจ้างงานและเศรษฐกิจ , การยุติความรุนแรงต่อสตรี , การขจัดความยากจน , การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของสตรีและเด็กหญิง LGBTQIA+ และบุคคลที่เผชิญกับการเลือกปฏิบัติที่ซับซ้อนหลากหลายมิติ
โดยขณะนี้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าที่สำคัญด้วยการออกกฎหมายสำคัญ คือ “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” ซึ่งทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศที่สามในเอเชีย และประเทศที่ 37 ของโลกที่ออกกฎหมายนี้ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2025 กฎหมายนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ แสดงให้เห็นว่าความรักไม่มีขอบเขตจำกัด ในส่วนของนโยบายการจัดการกับความรุนแรงและการล่วงละเมิดทางเพศ เราดำเนินการอย่างเคร่งครัดเช่นกัน ซึ่งประเทศไทยได้จัดตั้งศูนย์จัดการภาวะฉุกเฉินด้านความมั่นคงของมนุษย์ บริการตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านสายด่วนและแอปพลิเคชันต่างๆ โดยให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่เผชิญปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงทางเพศ นอกจากนี้ เนื่องจากประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างประชากร ผู้หญิงจึงเป็นพลังสำคัญในการเอาชนะกับดักนี้ กระทรวง พม. ได้พัฒนานโยบาย “5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร" ที่มุ่งรับมือกับความท้าทายจาก “สังคมสูงวัย” โดยให้โอกาสและทางเลือกในการเสริมสร้างความสามารถของผู้หญิงในตลาดแรงงานและการดูแลครอบครัว
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ขอรับรองว่าตนและรัฐบาลไทยจะยังคงต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเพศต่อไป มุ่งมั่นที่จะทำให้อนาคตนี้เป็นจริง และหวังว่าปฏิญญาทางการเมืองที่ได้รับการรับรองเมื่อวานนี้จะเป็นแรงผลักดันสู่ความเท่าเทียมทางเพศที่แท้จริง และเราเชื่ออย่างแท้จริงว่าความเท่าเทียมทางเพศไม่ใช่เพียงเป้าหมาย แต่เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำ หากเราไม่ทำอะไรในวันนี้ พรุ่งนี้ เดือนหน้า หรืออีกหลายปีข้างหน้า หรือแม้แต่ในอีก 30 ปีข้างหน้า เราก็จะไม่มีวันบรรลุเป้าหมายของความเท่าเทียมทางเพศ และถ้าไม่ใช่พวกเราแล้วจะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะเป็นเมื่อไหร่ ดังนั้น ขอให้เราฉวยโอกาสนี้สร้างโลกที่เท่าเทียมทางเพศอย่างแท้จริงสำหรับทุกคน "การทำงานของประเทศไทยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในผลงานสำคัญคือการออกกฏหมายสมรสเท่าเทียมทำให้บุคคลสองคนสามารถแต่งงานกันได้โดยไม่แบ่งเพศว่าหญิงหรือชาย ในขณะที่นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลไทยเป็นสุภาพสตรีที่มีความสามารถจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการปกป้องสิทธิสตรีและส่งเสริมพลังสตรีทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคม" นายวราวุธ กล่าว - 002
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี