‘กมธ.กฎหมายฯ’เชิญหน่วยงานแจงปมส่ง‘40 อุยกูร์’กลับจีน ท้า‘ฝ่ายบริหาร’พิสูจน์ทำตามกฎหมายหรือไม่ ชี้ปิดเทปดำรอบรถ ยังไม่เข้าข่าย‘ผิดพ.ร.บ.อุ้มหายฯ’ เหตุต้องทำกับ‘คน’ไม่ใช่‘ยานพาหนะ’
12 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานกมธ.ฯ เป็นประธานการประชุมฯพิจารณาติดตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินการส่งตัวผู้ถูกกักตัวชาวอุยกูร์กลับไปประเทศต้นทางโดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าชี้แจง
นายกมลศักดิ์ กล่าวก่อนประชุมกมธ.ฯว่า เมื่อเดือน ม.ค.68 คณะกรรมาธิการทราบข่าวว่าจะมีการส่งคนอุยกูร์กลับจีนจึงได้เรียกหน่วยงานมาสอบถาม ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ สมช. ทุกหน่วยงานปฏิเสธหมด ระบุว่าไม่มีนโยบายส่งชาวอุยกูร์กลับ เนื่องจากตอนนั้นนายกรัฐมนตรีก็กำลังเดินทางไปเยือนประเทศจีนด้วย หน่วยงานชี้แจงเพียงว่ายังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่ภายหลังก็ปรากฏข่าวการส่งกลับชาวอุยกูร์อีกจนเป็นเรื่องจริง เพื่อความต่อเนื่อ
ทั้งนี้ การประชุมในวันนี้ จะมีการสอบถามเกี่ยวกับกระบวนการที่ได้ปฏิบัติตามมาตรา 13 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 (พ.ร.บ.อุ้มหายฯ) หรือไม่ และเหตุใดก่อนหน้านั้นถึงบอกว่าไม่มีนโยบายการส่งกลับ อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกตว่าการส่งกลับชาวอุยกูร์เกิดขึ้นหลังจากที่นายกฯ เดินทางไปจีน ซึ่งตนเองยังไม่ทราบข้อเท็จจริง คณะกรรมาธิการฯ หลายท่านที่สนใจอาจจะมีการสอบถามเรื่องนี้ในที่ประชุม โดยขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าการส่งกลับชาวอุยกูร์ขัดกับหลักกฎหมายหรือไม่ ตนเองติดตามฝ่ายบริหารก็เห็นว่าทำตามกฎหมาย แต่อยากให้มีการชี้แจงรายละเอียด ส่วนขั้นตอนการส่งกลับที่นำรถมารับและมีการปิดเทปดำรอบรถนั้น ในทางปฏิบัติต้องมีการถ่ายวิดีโอและจะต้องมีการกระทำกับบุคคล ไม่ใช่กระทำกับยานพาหนะ
“ต้องมีการถ่ายเหตุการณ์ระหว่างการควบคุม แต่ในความเห็นของผม ยังไม่เข้าข่ายผิดองค์ประกอบของ พ.ร.บ.ซ้อมทรมาน แต่ถ้าทำกับบุคคลก็ว่าไปอีกอย่าง” ประธานกมธ.กฎหมายฯ กล่าว
นายกมลศักดิ์ กล่าวต่อว่า กระบวนการตาม พ.ร.บ. อุ้มหายฯ ระหว่างการควบคุมตัวได้กำหนดไว้ว่าต้องมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร ทั้งนี้ต้องติดตามประเทศปลายทางด้วยว่ามีการกระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือไม่ พร้อมกล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมพาสื่อมวลชนไปดูความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ 40 คนที่ถูกส่งกลับจีนว่า ถือเป็นเรื่องดี ฝ่ายบริหารต้องพิสูจน์ว่าได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ทั้งต้นทางและปลายทาง ไม่ได้ถูกย่ำยีศักดิ์ศรีเพราะเป็นเรื่องที่หลายประเทศติดตามอยู่
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี