“สว.สำรอง” เข้าให้กำลังใจ DSI เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ หลังอธิบดีฯเซ็นตั้ง41อรหันต์ ทำหน้าที่ตรวจสอบความจริง พร้อมติง สว.เหตุไปร้องป.ป.ช.สอบ"ทวี" และอธิบดี DSI มาตรา 157 เสี่ยงถูกฟ้องกลับส่อขัดจริยธรรมนักการเมือง เผย"ณฐพร โตประยูร“ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ให้ผลเลือกสว.เป็นโมฆะยกชุดยันสว.สำรอง ชี้ไม่เป็นธรรม ต้องให้พิจารณาเฉพาะส่วนผู้ที่ทำผิด
วันที่ 12 มี.ค.68 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้นำกลุ่ม สว.สำรอง พร้อมด้วยเพื่อนสมาชิก สว.สำรอง เดินทางมาให้กำลังใจ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษทั้ง 41 รายชื่อ รวมถึงให้กำลังใจ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ภายหลังถูก พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. พร้อม สว. รวม 81 คน นำรายชื่อ สว. 105 คน มายื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผ่านนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีรับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ ในความผิดฟอกเงิน โดยมี นายสมเกียรติ เพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง
โดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้นำกลุ่ม สว.สำรอง เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา คณะของเราได้ไปยื่นเรื่องที่ กกต. เพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้า แต่เนื่องด้วยมันมีสถานการณ์พิเศษบางอย่าง พวกเราจึงต้องมาที่ดีเอสไอ วัตถุประสงค์หลักคือมาให้กำลังใจกระทรวงยุติธรรมและเจ้าหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ทราบว่าวันนี้ทางผู้บริหารของกรมฯ และกระทรวงฯ ไปประชุมผู้บริหารระดับสูงนอกสถานที่ ตนจึงขอโอกาสนี้ได้มอบช่อดอกไม้และกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม และที่ผ่านมา ยังได้ปรากฏกลุ่มคนที่สร้างกระแส กระแนะกระแหนต่อเนื่อง เราจึงต้องมาให้กำลังใจทุกท่าน เพื่อทำเรื่องนี้ต่อไปได้อย่างมั่นคง มุ่งมั่นให้ความจริงปรากฏ เพื่อประชาชน และเพื่อประเทศชาติ และเราพร้อมจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ดีเอสไอ
พล.ต.ท.คำรบ เผยอีกว่า สำหรับคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษของอธิบดีดีเอสไอ ที่ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอถึง 41 ราย มาเป็นพนักงานสอบสวนในคดีฮั้ว สว.67 นั้น เท่าที่ตนเห็นรายชื่อตนมั่นใจ เพราะส่วนหนึ่งในรายชื่อตามที่ปรากฏนั้น ตอนที่เป็นเรื่องสืบสวน ตนก็ได้มีโอกาสทำงานและได้นำข้อมูลไปให้ทางเจ้าหน้าที่เหล่านี้ที่ได้ดำเนินการสืบสวนจนปะติดปะต่อเรื่องมาถึงขั้นตอนนี้ได้ ตนต้องชื่นชมจริง ๆ เพราะคดีนี้มันใหญ่มาก ดังนั้น การที่ท่านได้รับรู้ข้อมูลในชั้นสืบสวน และได้เข้าไปร่วมสอบสวนด้วย ยิ่งทำให้ตนเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะถือเป็นข้อมูลที่ได้รับการจัดวางเข้าไปในระบบอย่างชัดเจน ซึ่งจะนำไปสู่การสืบสาวราวเรื่องไปถึงกลุ่มขบวนการได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลต่าง ๆ ของบุคคลที่เกี่ยวข้องคงมีการเห็นแล้วบางส่วนในระหว่างการสืบสวน แต่เมื่อเห็นแล้ว แต่หากเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ก็คงสามารถไปเอาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาปะติดปะต่อเพื่อยืนยันให้เป็นข้อมูลที่มีคุณภาพมาใช้ประกอบในการสอบสวนในคดีอาญาได้ ดูแล้วไม่น่ามีปัญหา เพราะจริง ๆ แล้วถ้าว่าตามจริงคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อน แต่มันแค่ใหญ่ แล้วคนที่มาทำก็เป็นคนใหญ่ มันเลยดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่พอมาเอกซเรย์ดูแล้ว มันก็เห็นเส้นทาง เห็นความโยงใยต่าง ๆ คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่ดีเอสไอจะทำเรื่องนี้ให้ความจริงปรากฏ คิดว่าประชาชนน่าจะเชื่อมั่น มั่นใจได้ว่าเรื่องนี้ท้ายสุดจะถูกคลี่คลาย
พล.ต.ท.คำรบ เผยต่อว่า ส่วนกรณีที่จะต้องมีพนักงานอัยการมาร่วมสอบสวนกับดีเอสไอด้วยนั้น เรื่องนี้ยิ่งทำให้เรามั่นใจ เพราะอย่างน้อยพนักงานอัยการเมื่อมาร่วมสอบสวน พนักงานอัยการก็จะสามารถชี้แนะในแง่มุมกฎหมาย มันจะยิ่งทำให้สำนวนมีความรัดกุมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น โอกาสที่สำนวนเมื่อพ้นจากชั้นสอบสวน ก็จะเข้าสู่ชั้นอัยการ โอกาสที่จะถูกสอบสวนเพิ่มเติมหรือสั่งเพิ่มเติมหรือถูกสั่งไม่ฟ้องน่าจะน้อยลงมาก ๆ
พล.ต.ท.คำรบ เผยด้วยว่า สำหรับประเด็นที่มีสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนได้รวบรวมรายชื่อไปยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาในความผิดมาตรา 157 ต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นั้น ในเรื่องดังกล่าวตนยังได้ทบทวนอยู่ว่าที่ท่านไปร้อง ไปร้องในฐานะอะไร เพราะถ้าถามว่าท่านไปในฐานะที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา ตนก็ได้ไปดูในบัญญัติเกี่ยวกับจริยธรรมของนักการเมือง 10 ข้อ ซึ่งมันเข้าเกือบหลายข้อเลยว่าการที่ท่านไปยื่นแบบนั้น ท่านใช้สถานะของท่านไปก้าวก่ายฝ่ายบริหารหรือไม่ และท่านใช้สถานะของท่านไปดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งที่เข้าไปแทรกแซงทำให้เกิดผลประโยชน์ส่วนตนหรือส่วนอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ และการที่ท่านไปกล่าวว่าเขาอย่างนั้นเป็นการที่ท่านไปบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริงที่ทำให้ประชาชนสับสนหรือไม่ เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ท่านต้องไปพลิกดูในประมวลจริยธรรมของนักการเมือง ซึ่งตนดูแล้วมันสุ่มเสี่ยงหลายข้อในแง่ที่ท่านเข้าไปยื่นแล้วท่านใช้ฐานะของการเป็นสมาชิกวุฒิสภา แต่ขณะเดียวกันตนก็มองว่าหรือท่านไปยื่นในฐานะที่เป็นผู้เสียหาย เพราะถ้ายื่นเป็นผู้เสียหาย ตนก็มองว่าคดีนี้ดีเอสไอเพิ่งรับเป็นคดีพิเศษและเพิ่งมีการออกเลขคดีพิเศษ ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะมีข้อมูลบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหาผู้ใด แบบนี้จะถือเป็นการร้อนตัวไปก่อนหรือไม่ ดังนั้น การที่ท่านแสดงออกเช่นนี้ ตนจึงมีความรู้สึกว่ามันยังไม่ชัดเจนว่าท่านแสดงออกในฐานะใด แต่ตนคิดว่าในวันข้างหน้าอาจจะมีบางคนไปยื่นตรวจสอบจริยธรรมของท่านบ้างก็ได้
พล.ต.ท.คำรบ เผยอีกว่า สำหรับการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ในความผิดมาตรา 157 แม้จะเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นการไปกล่าวหาใครได้โดยง่าย เพราะในคดีอาญา คนแจ้งมีสิทธิ์แจ้ง แต่ถ้าท่านแจ้งไปแล้วมันไม่ใช่ คดีมีการยกฟ้องหรือหรือไม่รับฟ้อง ท่านก็มีโอกาสถูกแจ้งกลับ และตนอยากจะฝากเรื่องนี้ไปยัง ป.ป.ช.เช่นเดียวกันว่าในช่วงที่ท่านจะรับไต่สวนมูลฟ้องหรือไต่สวนคำร้อง อยากให้ ป.ป.ช. ได้พิจารณาในมูลคำร้องให้ดีว่ามันมีมูลอย่างที่มีการกล่าวหาหรือไม่ เพราะการที่ดีเอสไอหรือบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษจะถูกกลุ่มคนฟ้องนั้น ทั้งดีเอสไอและบอร์ด กคพ. ได้กระทำการที่ผิดกฎหมายนอกเหนืออำนาจหน้าที่ใดหรือไม่ เพราะในเมื่อเขาได้ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของราชการทุกประการ นอกจากนี้ ขณะเดียวกัน อย่างที่ตนยังสงสัยในสถานะของผู้ร้อง ซึ่งถ้าหาก ป.ป.ช. จะวินิจฉัย ตนก็อยากให้ ป.ป.ช. ได้นำประเด็นนี้มาคำนึงด้วยว่าผู้ร้องมีสิทธิ์ร้องหรือไม่ในประเด็นเหล่านี้ อยากให้ท่านได้ใคร่ครวญสักหน่อย ถึงแม้อาจจะรับในแง่ของงานธุรการ แต่พอรับแล้วก็ต้องไปดูในข้อกฎหมายต่าง ๆ ก่อนจะบรรจุเข้าไปไต่สวนคำร้อง
ส่วนกลุ่มคณะ สว.สำรอง จะมีแนวทางอย่างไรต่อไป หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีการไต่สวนคำร้องของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษตามที่ได้มีผู้ไปร้องนั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ทางเรามีสถานะเป็นผู้ดู ส่วนจะมีการไปฟ้องกันอย่างไร หรือดีเอสไอจะโต้ตอบอย่างไร ตนเข้าใจว่าหากมีการประทับเรื่องฟ้อง ทางดีเอสไอคงจะต้องไปชี้แจงว่าที่มีการถูกฟ้องมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ อย่างไร ตนมองว่าทางดีเอสไอคงไม่ลำบากใจ เพราะว่าเขาได้ทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และทำบนพยานหลักฐานข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ตนฝากข้อห่วงใยไปยังกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาที่ได้ไปยื่นเรื่องว่าท่านกำลังสุ่มเสี่ยงในเรื่องจริยธรรมหรือไม่
เมื่อถามว่านับตั้งแต่ที่กลุ่มคณะ สว.สำรอง ได้มีการมายื่นเรื่อง หรือมอบข้อมูล รายละเอียดเอกสารพยานต่าง ๆ กับดีเอสไอ ได้ถูกสายโทรศัพท์โทรข่มขู่ หรือขอให้ยุติการดำเนินการบ้างหรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ ระบุว่า คงไม่ได้หรอกเพราะว่าการที่พวกตนมาดำเนินการอยู่ในตอนนี้ ก็เพื่อประเทศชาติเป็นหลัก จริงอยู่ที่ว่าพวกตนเป็น สว.สำรอง อาจจะมีส่วนได้เสียจากการเคลื่อนไหวและเรียกร้องในครั้งนี้ แต่อยากเรียนว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องตามมาภายหลังและเป็นผลพลอยได้ ขณะนี้หลังจากที่เราได้สืบสวน ทำให้ทราบว่าขบวนการนี้ใหญ่มาก อาจมีผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าตาในสังคมปัจจุบัน ซึ่งพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นการกินบ้านกินเมือง เป็นการปล้นชาติปล้นแผ่นดิน เมื่อเห็นถึงขบวนการเหล่านี้ ตนคิดว่าจะไม่หยุด อย่างน้อยตัวเองก็เป็นข้าราชการตำรวจเกษียณแล้วยังเหลือเวลาอีกไม่มาก จะต้องทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องสุดท้ายของชีวิต
ส่วนเรื่องเอกสารรายชื่อพยาน 7,000 รายชื่อที่มีหลุดออกมา ซึ่งอยู่ในกลุ่มพยานที่ดีเอสไอจะต้องเรียกสอบสวนปากคำนั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เท่าที่ได้ดูก็รู้จักบางคน ทางดีเอสไอคงจะตรวจสอบ จากข้อมูลที่มีพบว่ากระบวนการเหล่านี้จะมาเคลื่อนไหวหรือติดต่อสัมพันธ์กันในช่วงวันที่ 23-25 พ.ค.67 โดยเริ่มต้นจากระดับอำเภอ ตั้งแต่มีการสมัครในช่วงเดือน พ.ค.67 ความผิดเริ่มปรากฎในช่วงนั้น การสมัครระดับอำเภอ มีเงินทอน เงินจ้าง ค่ารถ ฯลฯ ซึ่งบุคคลที่มีรายชื่อปรากฏต้องไปสำรวจตัวเองว่ามีรายการค่าใช้จ่ายอย่างไร จะได้ชี้แจงได้ หากมีการเรียกมาให้การ
ส่วนประเด็นการยื่นหนังสือของนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อต้องการให้การเลือก สว. เป็นโมฆะทั้งชุดตัวจริงและ สว.สำรอง นั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า มองว่าโอกาสที่จะเป็นโมฆะ ไม่น่าจะมีโอกาสมากนัก เพราะกฎหมายเขียนไว้ว่า หากเกิดความผิดใดปรากฏกับบุคคลใดก็จัดการคนนั้นไป และผลของการกระทำของบุคคลดังกล่าวไม่ส่งผลต่ออดีตที่ทำมา ตามข้อเท็จจริงมี สว.ตัวจริง 200 คน มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่อยู่ในข่าย 130-140 คน ส่วนที่เหลือไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากจะต้องล้มหรือโมฆะคงไม่เป็นธรรมที่จะให้เขามารับผลในส่วนนี้ด้วย ใครผิดก็จะต้องจัดการคนนั้นไป และกฎหมายเรื่องเลือกตั้งได้เขียนไว้ชัดเจนว่าหากจัดการไปแล้วให้นำ สว.สำรอง ขึ้นมาแทน หากรวมกันแล้วไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็ให้ไปเลือกซ่อมส่วนที่เหลือ กฎหมายเขียนไว้แล้ว มีช่องทางเดินก็ให้เดินตามช่อง จึงมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องโมฆะ
ด้านนายสมเกียรติ เพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ กล่าวว่า ตนในฐานะผู้แทนรับเรื่องของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยในส่วนของคดี ตอนนี้เราได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 24/2568 ส่วนรายละเอียดทางคดีใด ๆ และความคืบหน้า จะขอให้เป็นอำนาจหน้าที่ของโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เป็นผู้แถลงต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี