‘กมธ.เศรษฐกิจ’ เรียกหน่วยงานถกปม ‘ต่างชาติ’ปล่อยเช่าคอนโดรายวันผิดกฎหมาย ซัดรบ.ปล่อยปละละเลยกฎหมายหละหลวม ด้าน ‘นายกสมาคมโรงแรมไทย’ โอดได้รับผลกระทบโดนแย่งลูกค้า-รายได้ จากคนไม่เสียภาษีหวั่นกลายเป็นเทรนด์
วันที่ 13 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวก่อนการประชุมกมธ.ฯ ถึงการควบคุมการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมผ่าน ” Airbnb “และการถือครองกรรมสิทธิ์โดยชาวต่างชาติ ว่า เรื่องนี้มีความสำคัญเพราะมีผลกระทบต่อผู้ซื้ออาคารขุดหรือคอรโดมิเนียม ซึ่งแต่กลับมีการนำไปปล่อยเช่าผ่านแอปAirbnb กระทบหลายมิติ อาทิ เรื่องของความปลอดภัยของผู้พักอาศัย ซึ่งเสี่ยงผิดกฎหมายหลายฉบับ วันนี้จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนภาคราชการ เช่น กรมที่ดิน,กรมสรรพากร และมีตัวแทนสมาคม เช่นสมาคมโรงแรมไทย,สมาคมอสังหาริมทรัพย์มาให้ข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งภาครัฐจำเป็นต้องที่จะต้องเข้มงวดจริงจังและตรวจสอบว่ามีกระบวนการลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่
ส่วนการแก้ไขในระยะยาวกำลังมีการเสนอแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมอาคารชุดกรณีอนุญาตให้เจ้าของห้องชุดนำห้องชุดไปปล่อยเช่าได้หรือการปล่อยเช่าห้องชุดที่ต่ำกว่าหนึ่งเดือนถือว่าผิด พ.ร.บ.โรงแรม ส่วนในมิติการรักษาความปลอดภัย และความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว ควรตรวจสอบการให้เช่าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งปัจจุบันกรมสรรพากรสามารถตรวจสอบรายได้และการเสียภาษีให้รัฐว่าครบถ้วนหรือไม่
“ปัจจุบันที่มีการนำกล่องที่มีการ์ดหรือกล่องบรรจุกุญแจต่างๆไปติดตั้งตามเสาไฟ ตามผนังที่สาธารณะต่างๆ และมีปุ่มพาสเวิร์ดให้เปิดเพื่อนำกุญแจและคีย์การ์ดไปใช้เจ้าพักในคอนโดฯ เป็นการปล่อยปละละเลยของรัฐ ไม่มีการตรวจขันให้เข้มงวด พบว่าไม่สามารถสืบสาวเอาผิดกับผู้กระทำการเช่นนี้ได้เลย
เพราะส่วนมากจะพบว่า เจ้าของคอนโดฯเป็นบุคคลสัญชาติต่างประเทศที่ปล่อยเช่ารายวัน ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงในหลายมิติ สมควรที่รัฐบาลจะต้องกำกับตรวจสอบว่า ในกระบวนการได้มาซึ่งห้องชุดนี้ เป็นคนไทยหรือคนต่างประเทศ หากเป็นบุคคลต่างประเทศถือว่าผิดกฎหมายในแง่ของการถือครองหรือไม่หรือมีการใช้นอมินีหรือไม่อย่างไร” นายสิทธิพล กล่าว
เมื่อถามว่ามองว่ารัฐบาลหลวมในเรื่องนี้หรือไม่ นายสิทธิพล กล่าวว่า หละหลวม สมควรที่ส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะกรมที่ดิน,กระทรวงมหาดไทย รวมถึงกรมสรรพากร ควรเข้าไปตรวจสอบ
ขณะที่นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า การนำคอนโดมาให้เช่ารายวันนั้นผิดกฎหมายแต่ใน พ.ร.บ.โรงแรมฉบับปี 2566 มีการเปิดช่องว่าอาคารที่มีลักษณะไม่เกิน 8 ห้องพักได้ไม่เกิน 30 คนสามารถนำมาจดเป็นที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมได้ แต่ภายใต้พ.ร.บ.จัดสรรและพ.ร.บ. อาคารชุดวัตถุประสงค์คือเพื่อพักอาศัยไม่สามารถมาทำธุรกิจได้ แน่นอนว่าการทำลักษณะแบบนี้ตามข่าวนั้นมีเยอะมาก
" เพราะฉะนั้นจึงทำให้ผู้ประกอบกิจการโรงแรมโดนผลกระทบที่มาแย่งลูกค้า แล้วแย่งรายได้แถมยังสามารถทำได้ง่ายโดยไม่ต้องเสียภาษีให้รัฐอีกด้วย สมาคมโรงแรมจึงไม่เห็นด้วยเพราะเป็นสิ่งผิดกฎหมายอยู่แล้ว เพียงแต่อยากให้ภาครัฐบังคับใช้กฎหมายให้มากขึ้น รวมถึงอยากให้มีการควบคุมแพลตฟอร์มที่ไม่ถูกกฎหมาย " นายเทียนประสิทธิ์ระบุ
เมื่อถามว่าทราบหรือไม่ว่ามีจำนวนเยอะแค่ไหนที่ปล่อยเช่าในลักษณะนี้ นายเทียนประสิทธิ์ กล่าวว่า เนื่องจากไม่ถูกกฎหมายจึงไม่สามารถประเมินได้แต่จากภาพที่เห็น เชื่อว่าอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10,000 ห้องทั่วประเทศ เข้าใจว่าทางภาครัฐทราบพอสมควรเพียงแต่องค์ประกอบการจับกุม ให้เช่ารายวันโดยมีผลตอบแทนต้องมีใบเสร็จ และต้องดูว่ามีห้องให้เช่าจริงหรือไม่
ซึ่งวันนี้ตนก็จะมาเสนอในคณะกรรมาธิการว่าการประกาศขายผ่านแอปพลิเคชั่นนั้นเข้าองค์ประกอบแล้วหรือไม่ เพราะการจะเอาผิดได้ต้องมีใบเสร็จและหลักฐานการจอง ส่วนที่ปล่อยให้เช่าผ่านแอปพลิเคชั่นอยู่ขณะนี้ เท่าที่ทราบก็ยังไม่สามารถจับกุมโดยตรงได้
ทั้งนี้นายเทียนประสิทธิ์ กล่าวว่า การปล่อยเช่าลักษณะนี้อาจกลายเป็นเทรนให้ต่างชาติมาลงทุนในลักษณะนี้มากขึ้นอาจมีการมาซื้อคอนโดและได้ผลตอบแทนได้ง่าย ๆ ซึ่งกฎหมายบอกชัดเจนว่าทำไม่ได้ ซึ่งเงื่อนไขในการจับกุมและบทลงโทษคงต้องมีการพิจารณา และวันนี้จะเสนอในกรรมาธิการอีกด้วยว่าต่างชาติหนึ่งคนมีสิทธิ์ซื้อได้มากน้อยแค่ไหน เพราะปัจจุบันไม่มีการกำหนด ส่วนในวันจันทร์หน้า (17 มี.ค.68) ทางกระทรวงมหาดไทยได้เชิญไปประชุมเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี