"ทนายอั๋น"ร้อง ป.ป.ช.คัดค้านคำร้องของ 105 สว.เหตุทำแตกแยกทางการเมือง แอบแฝงวัตถุประสงค์ พร้อมทโชว์แชทไลน์หลุดสั่งสว.หยุดเคลื่อนไหวเหตุ DSI กำลังสอบ เกาะติด ป.ป.ช.จะเลือกปฎิบัติหรือไม่
วันที่ 13 มีนาคม 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อคัดค้านคำร้องของกลุ่ม 105 สว. ที่มายื่นเอาผิดอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เหตุผลว่าการสร้างความแตกแยกทางการเมืองและอาจมีวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากประเด็นการให้ตรวจสอบทางกฎหมาย โดยในวันนี้นายภัทรพงศ์ได้นำชายที่มีเชือกมัดข้อมือมาประกอบขณะให้สัมภาษณ์สื่อเพื่อเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่านำนักโทษมาให้ ป.ป.ช.ได้ดำเนินการเอาผิดด้วย
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมายื่นหนังสือต่อป.ป.ช.เพื่อคัดค้านการข้อร้องเรียนของกลุ่ม สว.เมื่อวานนี้ ซึ่งตนมองว่าเป็นการกระทำที่ไร้สาระ หาประโยชน์ไม่ได้ สร้างความแตกแยก ซึ่งกรณีของ DSI ทราบมาว่ามีข่าวลือว่าจะดำเนินการกับ สว.จำนวน 138 คน ส่วนตัวไม่ทราบว่าสว.จำนวนดังกล่าวเป็นใครบ้าง เหตุใดจึงดิ้นกันจังและในฐานะที่ตนเคลื่อนไหวให้มีการตรวจสอบการเลือก สว.มาโดยตลอด จึงขอยก 3 เหตุผลในการคัดค้าน โดยเหตุผลแรก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำงานภายใต้กรอบของกฎหมาย ยังไม่พบพฤติการณ์หรือหลักฐานส่อไปในทางจะเป็นการกลั่นแกล้ง หรือทุจริตต่ออำนาจหน้าที่ หรือเกินขอบอำนาจของตัวเอง
ส่วนเหตุผลข้อที่ 2 คือเมื่อรัฐธรรมนูญ ได้มีการแบ่งแยกอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่าย เช่น สว. ฝ่ายบริหาร เหตุใดจึงดูเหมือนไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ไม่เชื่อมั่นในองค์กรหลักอย่างกระทรวงยุติ ธรรม และเหตุผลข้อสุดท้าย เรื่องของ สว.วันนี้ ป.ป.ช.เป็นอื่นไม่ได้จะต้องนำเรื่องทิ้งขยะ ตนจึงตั้งคำถามว่าสว.กลุ่มที่มาป.ป ช.เมื่อวานนี้ มาเพื่อปกป้องเกียรติศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของตัวเองจริงหรือไม่ ขณะที่ประชาชนกลับมองตรงกันข้าม จึงทำให้เกิดภาพคนมองสว.ไร้เกียรติ หรืออาจจะเป็นดำเนินการเพื่อหวังผลทางการเมือง
"สว.มาเมื่อวานนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร หน้าที่ของตัวเองคือการตรวจสอบ กลั่นกรองกฎหมาย คือการใช้องค์ความรู้ไปลงมติเห็นชอบหรือไม่กับองค์กรอิสระซึ่งคณะกรรมการสรรหาเลือกมา มาบอกว่าวันนี้ สว.หน้าที่ปกป้องสถาบัน คำก็อ้างสถาบัน พอได้แล้ว อย่าอ้างสถาบันอีก ผมขอท้า สว.ที่มาเมื่อวาน ผมต่อให้เอานายแสวง บุญมี มาเพิ่มอีกคน มาออกรายการไหนก็ได้กับผม เอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน เอาหลักฐานมาแสดงแบบช็อตต่อช็อต ทำให้สถาบันของ สว.ดูดีขึ้นมาดีกว่าไหม จะทำให้เกียรติภูมิของการเป็นสถาบันหลักวุฒิสภากลับมาดีขึ้นมาหน่อยในสายตาของพี่น้องประชาชน" นายภัทรพงศ์ กล่าว
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ตนจะติดตามการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ว่าจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องไหนก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนมาร้องให้มีการตรวจสอบจริยธรรมของกลุ่ม สว.ดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กับเรื่องที่กลุ่ม สว.มายื่นคำร้องเมื่อวานนี้ ตนจะดูว่าป.ป.ช.เลือกปฏิบัติหรือไม่ จะจับตาดูในขั้นตอนป.ป.ช.ในชั้นของอนุกรรมการไต่สวน ว่าจะมีการหยิบยกเรื่องใดขึ้นมาพิจารณาก่อน ซึ่งก่อนหน้าตนได้มายื่นเรื่องให้ตรวจสอบจริยธรรม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายชัยชนก ชิดชอบ สส.และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กรณีครอบครองที่ดินเขากระโดง ว่าอยู่ในสถานะใด ซึ่งป.ป.ช.ไม่เคยเรียกตนมาสอบหรือยืนยันคำร้อง หรือมีหนังสือตอบกลับ ตนจึงไม่ค่อยมั่นใจ ป.ป.ช. แต่ก็หนีไม่ได้เพราะปปช. คือหน่วยงานหลักหน่วยงานเดียวที่จะนำผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและให้ศาลตัดสิน
นายภัทรพงษ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าหาก ป.ป.ช.จะมีปัญหาเกี่ยวกับคำร้องของกลุ่มสว.เมื่อวานนี้ ขอให้เรียกสำนวนจาก DSI ที่มีหลักฐานเป็นจำนวนมากหรือเรียก DSI มา
สอบ
เมื่อถามว่ากลุ่ม 105 สว.ยืนยันว่ามีที่มาถูกต้องและเห็นว่าสว.สำรอง พยายามออกมาร้องเพราะต้องการขยับขึ้นเป็นตัวจริงน้ัน นายภัทรพงษ์ กล่าวว่า สว.สำรองกับตนก็ต่างสถานการณ์ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าถ้าสว.กลุ่มนี้หลุดไป สว.สำรองก็ขยับขึ้นไป ตนไม่ขอก้าวล่วงว่าสว.สำรองมีวัตถุประสงค์เช่นไร แต่เห็นว่าการตรวจสอบเป็นเรื่องดี แม้จะเห็นภาพที่ตนเดินกับสว.สำรองหลายครั้ง แต่ตนก็จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบ สว.สำรองด้วย
เมื่อถามว่าการที่นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้การเลือก สว.เป็นโมฆะ รวมถึบัญชี สว.สำรองเป็นโมฆะไปด้วย นายภัทรพงษ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจทั้งสองฝ่ายทั้งกลุ่ม และสว.สำรอง แต่หากจะพิจารณารายละเอียดข้อเท็จจริงอดีตผู้สมัคร สว.ตั้งแต่รอบอำเภอ ถูกเอารัดเอาเปรียบถูกการโกงจาก สว. กลุ่มนี้มาเช่นเดียวกัน เราจะไม่พูดถึงสว.ระดับอำเภอ ระดับจังหวัดและระดับประเทศที่ตกรอบหรือไม่ เหตุใดต้องโฟกัสที่ สว.สำรอง จึงเป็นคำถาม แต่อีกฝ่ายหนึ่งหากมองในมุมสว.สำรอง เมื่อนายแสวง เขียนระเบียบไว้ว่าแม้คุณสมบัติของนาย ก. หรือ นาย ข. ที่เป็นโหวตเตอร์ แล้วผลโหวตไม่เสียไป แม้ภายหลัง นาย ก. นาย ข.จะขาดคุณสมบัติ ดังนั้นก็ให้กำลังใจทั้ง 2 กลุ่ม
นายภัทรพงษ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนได้พูดกับคนคนหนึ่งซึ่งถามตนว่าสู้ไหม กลัวไหมแม้จะต้องออกหมายจับ ก็ต้องทำ ตนก็ตอบว่าไม่กลัว ยินดีจะสู้เพื่อความถูกต้องเพื่อกระบวนการความยุติธรรม ซึ่งคนนี้พูดกับตนต่อทำแล้วอย่ากลัว
พร้อมกันนี้ได้นำข้อความจากแอปพลิเคชั่นไลน์มาอ่านต่อสื่อมวลชน ที่อ้างว่าเป็นไลน์คำสั่งให้หยุดการเคลื่อนไหว เพราะกำลังมีการตรวจสอบ " ประกาศด่วน ขอความร่วมมือจากทุกท่าน เนื่องจากขณะนี้ DSI กำลังตรวจสอบการทำผิดของ สว.(ฮั้ว) ซึ่งอาจจะมีการตรวจสอบถึง เรื่องต่างตอบแทนด้วย ซึ่งอาจมีผลกระทบถึง สว.ได้ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือให้เร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด 1.ยุติการดำเนินงานที่ปรึกษาทั้งหมดทันที (งดการแต่งกายที่ปรากฏว่าเป็นที่ปรึกษา) 2.ท่านที่เคยโพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกิจกรรมที่ปรึกษาให้ยกเลิกการตั้งค่าเป็นสาธารณะหรือลบโพสต์ดังกล่าวออก 3.งดการโพสต์ถึงการเป็นที่ปรึกษาในทุกทางสื่อ 4.งดการจัดกิจกรรมวันที่ 22 มีนาคม 2568 ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หมายตู :ห้ามเผยแพร่ประกาศนี้สู่บุคคลภายนอกโดยเด็ดขาด"
ทั้งนี้ ได้ไปขอรายชื่อผู้ช่วย สว. รอบแรกได้รับรายชื่อที่มีการแต่งตั้งตั้งแต่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป ซึ่งเป็นล็อตที่ 2 แต่ล็อตแรกมีการแต่งตั้งตั้งแต่การดำรงตำแหน่ง สว. ซึ่งมีการโละล็อตแรกออก จึงตั้งข้อสังเกตว่านำรายชื่อล็อต 2 มาใส่เพื่ออะไรหรือเกิดอะไรขึ้นตนก็จะรอผลแล้วนำรายชื่อผู้ช่วยสวเหล่านั้นไปประกบกับรายชื่อ 1,200 รายชื่อ ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ DSI โดยประกอบไปด้วยผู้สมัคร สว.หรือโหวตเตอร์ และ สว.ชุดปัจจุบัน อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่ารายชื่อผู้ช่วยสว.ที่มีการแต่งตั้งก่อน 1 ตุลาคมหรือ ล็อตแรกน่าจะเป็นชื่อเดียวกับที่ปรากฏใน 1,200 รายชื่อ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี