นายกฯ ถก ‘จิราพร-ตำรวจ’ตามงานปราบบุหรี่ไฟฟ้า พอใจตัวเลข 2 สัปดาห์ดีขึ้น ยันรบ.ไม่นิ่งนอนใจ ฝากการบ้านตรวจบางตัวใส่สารเสพติด หวั่นจุดเริ่มต้นเสพ
วันที่ 14 มีนาคม 2568 เวลา 12.12 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวิตข้อความผ่าน X และโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยเป็นรูปขณะนั่งประชุมร่วมกับน.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ (ผอ.ศตคม.ตร.) และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) และพล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.)เป็นต้น
โดยมีข้อความระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้า ต้องเดินหน้าปราบปรามผู้ผลิตและผู้จำหน่ายอย่างเด็ดขาด
กว่า 2 สัปดาห์ที่ข้อสั่งการเรื่องปราบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ตัวเลขสถิติการปราบปรามดีขึ้นและน่าพอใจ นั่นคือมีการดำเนินคดี 1,078 คดี , ผู้ต้องหา 1,104 คน , จำนวนของกลาง 900,444 ชิ้น มูลค่าของกลาง 118,953,915 บาท
นายกฯ กล่าวต่อว่า แน่นอนว่าเรายังไม่พอใจแค่นี้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเดินหน้าอย่างเข้มข้นต่อไป วันนี้จึงได้มีวงประชุมกับน.ส.จิราพร ซึ่งได้มอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบหลักในเรื่องนี้ ร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)อัพเดทการทำงานและข้อจำกัดที่เจอระหว่างดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลักลอบบุหรี่ไฟฟ้าข้ามแดน การค้นหาบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดายในโซเชียลมีเดีย เรื่องนี้ต้องเร่งจัดการโดยทันที
“สิ่งที่ดิฉันฝากท่านรัฐมนตรีและตำรวจเพิ่มเติม คือ บุหรี่ไฟฟ้าบางตัวที่พัฒนาให้ใส่สารเสพติดลงไปได้ หลายคนใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์เสพยาเสพติด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเสพของเด็กและเยาวชน ทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด เราเดินหน้าอย่างจริงจัง เพราะนี่คือทุกข์ใหญ่ของพี่น้องประชาชนจริงๆ” นายกฯ ระบุ
ขณะที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ว่า เป็นการหารือตามข้อสั่งการของนายกฯก่อนหน้านี้ที่ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งที่ผ่านมาได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 20 หน่วยงานประชุม และกำหนดแนวทางหลักๆ ไว้ 3 แนวทางคือ 1.ป้องกันการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีกรมศุลกากรเป็นหน่วยงานหลัก จะมีการยกระดับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นขึ้น ทุกคดีที่จับกุมได้โดยกรมศุลกากรจะไม่มีการระงับคดี และจะส่งให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้ดำเนินการคดีต่อ รวมไปถึงส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินในการขยายผล ยึดทรัพย์
น.ส.จิราพร กล่าวว่า 2.การปราบปรามภายในประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกรมศุลกากรทำงานร่วมกันเพื่อปูพรมกวาดล้าง ทั้งร้านที่มีที่ตั้งและทางออนไลน์ ทั้งนี้ หากเป็นของกลางที่มีมูลค่าเกิน 5 แสนบาทขึ้นไป จะส่งให้ ปปง.ดำเนินการต่อทันที แต่หากต่ำกว่าตำรวจจะทำการสืบทรัพย์ก่อนและส่งให้ ปปง.ด้วยเช่นกัน ขอยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่ รายเล็ก จะไม่มีเล็ดรอดเด็ดขาด หากเป็นรายใหญ่จะดำเนินการต่อ แต่หากเป็นรายเล็กจะสืบสาวจนถึงรายใหญ่ ส่วนร้านค้าออนไลน์จะมีการร่วมมือกันกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และบริษัทขนส่งในแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อจะสกัดกั้นการขายทางออนไลน์ โดยกระทรวงดีอีได้รายงานมาว่า ได้มีการปิดเว็บไซต์ที่จำหน่ายทางออนไลน์ 9 พันกว่าเว็บไซต์
น.ส.จิราพร กล่าวอีกว่า ช่วงเวลา 2 สัปดาห์เศษที่นายกฯมีข้อสั่งการมา มีการจับกุมผู้กระทำความผิด 1,078 คดี ของกลาง 900,444 ชิ้น มูลค่าของกลาง 118,953,915 บาท หากเทียบกับปี 67 ปรากฏว่า จำนวนคดีที่จับกุมได้ ในระยะ 2 สัปดาห์เศษที่ผ่านมาเกือบเทียบเท่ากับปี 67 เกือบทั้งปี แสดงให้เห็นว่า การทำงานอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นผลมาจากการซีลชายแดนและการปราบปรามร้านค้า และการเน้นประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชน โดยเฉพาะการสร้างความรับรู้ในสถานศึกษา โดยจะทำทั้งออนไลน์และออนไซต์ ซึ่งนอกจากการดำเนินการเชิงรุกแล้ว จะมีการเปิดช่องทางออนไลน์ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ และแอปดังกล่าวจะคอยแจ้งผลการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งจะเน้นไปที่ผู้ขายและผู้นำเข้า เพื่อต้องการตัดซัพพลายออก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้รับเสียงสะท้อนมาว่า บุหรี่ไฟฟ้าเริ่มหาของไม่ได้ เพราะขณะนี้ตำรวจเอาจริง และเชื่อว่า ในระยะเวลา 30 วันจะดีขึ้น
รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า และ3.คือ การแก้ไขปัญหาระยะยาวด้วยการนำกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนำมารีวิวและทบทวนว่า มีส่วนใดที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะต้องรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางสภาผู้แทนราษฎรจะมีผลศึกษาจากกรรมาธิการด้วย ส่วนการแก้ไขกฎหมายจะเป็นการเพิ่มโทษหรือแก้ไขให้ถูกกฎหมายแล้วควบคุมนั้น กฎหมายมีหลายฉบับต้องมีการทบทวน รีวีว และรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน เพราะแต่ละประเทศมีการรับมือบุหรี่ไฟฟ้าที่แตกต่างกันในหลายรูปแบบ แต่รัฐบาลต้องเน้นไปที่การดูแลเด็กและเยาวชนไม่ให้เข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ ทั้งนี้ ในการหารือนายกฯได้กำชับเรื่องเด็กและเยาวชนเป็นพิเศษ รวมถึงเรื่องแก๊สหัวเราะที่มีเป้าหมายไปที่เด็กและเยาวชน ตลอดจนให้ความสำคัญกับเรื่องการปราบปรามยาเสพติด และเมื่อวันที่ 13 มี.ค. มีเคสที่น่าสนใจคือ การลักลอบผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย นายกฯจึงสั่งปราบปรามเข้มข้น
ส่วนกรณีที่มีปรากฏภาพ สส.ฝ่ายค้านสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่อาคารรัฐสภา น.ส.จิราพร กล่าวว่า ตามที่เป็นข่าวภาพนั้นอยู่ในบริเวณรัฐสภา ทางรัฐสภาต้องดูว่าจะมีมาตรการอะไร และกฎระเบียบอะไรที่จะดำเนินการ รวมถึง สส.ถือว่า เป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่จะต้องบังคับใช้กฎหมาย ต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง และต่อตัวบทกฎหมาย ฉะนั้น ถ้าคิดว่า ตัวเองกระทำความผิดก็สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นเบาะแสหรือแหล่งที่ซื้อ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี