รายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ประจำวันที่ 5 มี.ค. 2568 ชวนพูดคุยกับ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ ซึ่งถือเป็น “คนเก่าคนแก่” ในขั้วการเมือง “สีแดง” ตั้งการเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่มี ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ช่วงปี 2548 และเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในยุคนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ช่วงปี 2555 ก่อนที่ในปี 2565 จะออกไปเข้าร่วมกับพรรคสร้างอนาคตไทยในช่วงสั้นๆ กระทั่งปัจจุบันยังไม่ได้อยู่สังกัดพรรคการเมืองใดๆ
แต่ก่อนจะพูดถึงรัฐบาลไทยชุดล่าสุดซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ซึ่งผ่านมา 1 ปี 6 เดือน มีนายกฯ มาแล้ว 2 คนไล่ตั้งแต่ เศรษฐา ทวีสิน ตามด้วย แพทองธาร ชินวัตรนายสุรนันทน์ ฉายภาพ “โลกที่ไม่เหมือนเดิม” นับตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ซึ่งเวลานั้นกระทบกันทั้งโลก แต่เมื่อโรคระบาดคลี่คลาย “วิถีโลกเปลี่ยนไปแต่ไทยยังคงกินบุญเก่า” เช่น ภาคการท่องเที่ยวของไทยยังคงดีใจกับปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจำนวนมากๆ แต่การใช้จ่ายจริงมีเท่าใดไม่รู้ ในขณะที่บางประเทศเริ่มจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวเพื่อคัดกรองคุณภาพกันแล้ว เป็นต้น
ซึ่งปัญหาพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลปัจจุบัน มีตัวแปรสำคัญ 1.พรรคเพื่อไทยไม่ได้อยู่ในอำนาจนานถึง 10 ปี อย่างข้าราชการคนสุดท้ายที่พรรคเพื่อไทยรู้จัก 10 ปีก่อนยังเป็นเพียงผู้อำนวยการกอง แต่วันนี้เป็นอธิบดีหรือปลัดกระทรวงกันไปแล้ว จึงไม่มีบารมีในการขับเคลื่อนระบบราชการ “เศรษฐา ทวีสิน แม้จะเป็นคนขยันและเคยเป็นผู้บริหารระดับ CEO แต่พื้นเพมาจากภาคธุรกิจจึงไม่เข้าใจระบบราชการ” มีการไปใช้ถ้อยคำรุนแรงตำหนิผ่านสื่อ หรือการทะเลาะกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งที่ไม่ควรต้องทะเลาะกัน ทำให้เสียจังหวะไป
“แล้วระบบงบประมาณเองก็มีส่วน เข้ามางบประมาณ’67 กึ่งระหว่างรัฐบาลประยุทธ์ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) งบประมาณ’68 ก็คิดจะแจกเงิน งบประมาณ’69ก็จะมีปัญหานะ อันนี้เป็นความเชื่อมั่น เพราะว่านโยบายที่เป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทยในอดีตที่ประสบความสำเร็จ แต่นโยบายวันนี้ถึงจะหาเสียงมาก็เถอะ มันไม่ใช่แล้ว! อย่างแจกเงินหมื่นมันไม่ใช่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกู้เงินมาแจก ถ้าเกิดเรามีงบเกินดุลสักแสนล้าน สองแสนสามแสนล้าน
อย่างสิงคโปร์เขาแจกได้ งบเขาเกินดุล เขามีรายได้วันชาติ วันครบรอบอะไรของเขาก็แจก เหมือนกับเป็นรางวัล คืนกำไรให้กับประชาชน แต่ของเรามันไม่ใช่คืนกำไร มันเหมือนกับแจก พูดกันตรงๆ ก็เหมือนกับไปซื้อเสียงประชานิยม แต่ถามเรา แน่นอนโพลล์ก็ต้องออก ถามอยากได้เงินหมื่นไหม? ก็อยากได้ ให้วันนี้ก็เอา แต่ผลกระทบต่อความเชื่อมั่น มันไม่มี”
2.ปัญหาความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ รัฐบาลต้องมี 2 ข้อนี้ แต่ความเชื่อมั่นในการบริหารประเทศยังไม่ได้พิสูจน์ตนเอง ส่วนความไว้วางใจรัฐบาลก็ถูกมองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เกิดคำถามว่าทำไมต้องนำเสนอเรื่องนั้นเรื่องนี้ทั้งๆ ที่มีเรื่องอื่นต้องทำ ด้านหนึ่งก็เสียดายอดีตนายกฯเศรษฐา ที่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง แต่เมื่อมาถึงนายกฯ แพทองธาร แล้วมีบทบาทของอดีตนายกฯ ทักษิณ เข้ามา ไม่ว่าจะอย่างไรแต่ก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ไว้วางใจนายทักษิณ
ดังนั้นหากรัฐบาลไม่ทำอะไรให้โปร่งใส และน.ส.แพทองธารไม่สามารถแสดงฝีมือการเป็นนายกฯ ด้วยตนเอง ภายในประเทศก็จะลำบาก แล้วนโยบายที่ควรผลักดันไปต่อสู้กับต่างประเทศก็ยังไม่มี จึงไม่สามารถผลักดันอะไรได้ ทำให้สถานการณ์อยู่ในภาวะอึมครึมและอาจร้อนแรงมากขึ้นในอนาคต ซึ่งสิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นคือการกลับไปที่การรัฐประหารอีกครั้งเพราะทำให้ประเทศเสียหาย กว่าจะอธิบายกับโลกได้ แต่จะทำอย่างไรให้เกิดการปรับโครงสร้างทางการเมือง ที่ไม่ใช่เพียงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“มันถึงทางตันได้ ผมไม่แน่ใจเรื่องการรัฐประหาร ผมคิดว่าไม่มีใครอยากรัฐประหาร แต่มันจะถึงทางตันทางการเมือง แล้วมันถึงทางตันที่ประชาชนรู้สึกว่าตันเองไม่ได้อะไร คือถ้าเกิดมันถึงทางตัน สมมุติคุณมีชุดความคิดทางการเมืองทางเศรษฐกิจอย่างนี้ ผมมีชุดความคิดอย่างนี้แล้วต่อสู้ในเชิงความคิดว่าเราต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เอาชุดความคิดมาชนกัน บางอันที่เราเห็นตรงกันก็ทำ บางอันที่เรายังเห็นไม่ตรงกันก็ไม่ทำ ผมว่าประชาชนยังรู้สึกว่าพรรค ก. พรรค ข. มันมีความคิดเห็นแตกต่างกัน แต่ทั้ง 2 คนมันปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
แต่วันนี้มันเห็นว่าเป็นเกมการเมือง พอเป็นเกมการเมือง เป็นบ้านใหญ่บ้านเล็ก ผมไม่ได้บอกว่านักการเมืองบ้านใหญ่ไม่ดีนะ ผมเองก็รู้จักนักการเมืองบ้านใหญ่ ซึ่งเขาก็ดูแลประชาชนของเขา แต่มันเป็นระบบอุปถัมภ์แบบเดิม พอเป็นระบบอุปถัมภ์แบบเดิม วันนี้กลไกของพรรคการเมืองใหม่ๆ มันไม่มี กลไกของพรรคการเมืองอย่างพรรคเพื่อไทย ซึ่งสมัยผมเป็นไทยรักไทย อยู่กับคุณทักษิณ มันเป็นพรรคเชิงก้าวหน้าแล้วก็ชนะการเลือกตั้ง แต่วันนี้พรรคเพื่อไทย ด้วยประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่ผ่านมา มันกลายเป็นพรรคบ้านใหญ่ที่มีบ้านเล็กๆ รองรับเต็มไปหมด”
ดังนั้นแล้วพรรคเพื่อไทยจึงเป็นพรรคที่มีระบบอุปถัมภ์ใหญ่ โดยมีนายทักษิณเป็นผู้อุปถัมภ์ใหญ่สุด จึงมีปัญหาทางการเมืองในเชิงโครงสร้าง ในขณะที่พรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ อย่างพรรคก้าวไกล – พรรคประชาชน ซึ่งมีการต่อสู้เชิงอุดมการณ์ ก็ยังมีคนไม่ไว้วางใจเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ กลไกจึงสามารถเข้าไปอยู่ในมุมอับได้ และเมื่อเข้าไปสู่มุมอับ หากยังสามารถแก้ไขได้ด้วยกลไกรัฐสภาก็เป็นเรื่องดี แต่หากแก้ไม่ได้จะไปหาทางออกทางไหนที่ยังคงรัฐสภาไว้แล้วก็ช่วยกันกลับมาคิด
แม้กระทั่ง “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ” การแก้ในตอนนี้ก็ถูกมองว่าเพื่อความได้เปรียบทางการเมือง แต่ลืมไปในเรื่องกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุล ส่วน “บทบาทของอดีตนายกฯ ทักษิณ” ด้านหนึ่งหากมองในแง่ดี ตนมองว่านายทักษิณอยากให้ตนเองถูกจดจำในทางที่ดี ยังอยากพิสูจน์ว่าตนเองยังมีคุณค่าอยู่ เพราะการรัฐประหารรัฐบาลนายทักษิณในปี 2549 และรัฐประหารรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในปี 2557 ก็มีคนตั้งคำถาม
แต่อีกด้านหนึ่ง การขับเคลื่อนนี้เป็นการขับเคลื่อนนอกระบบ เพราะนายทักษิณไม่มีตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง ซึ่งหากวันนี้นายกฯ ที่เป็นตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย คือ เศรษฐา ทวีสิน หรือ ชัยเกษม นิติสิริ คนก็อาจมองว่าไม่ใช่การครอบงำทั้งหมด แต่เมื่อนายกฯ คือ แพทองธาร ชินวัตร ทุกอย่างจึงคูณ 2 เข้าไป ยิ่งผ่านมาแล้ว 5 เดือน แม้จะมีพัฒนาการ เช่น ตอบคำถามสื่อได้เก่งขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่นายกรัฐมนตรี จึงต้องยอมรับว่านายทักษิณคือผู้มีบารมีทางการเมืองในเวลานี้ ซึ่งหากนายทักษิณไม่มาเจรจาด้วยตนเอง ถามว่าหัวหน้าพรรคอื่นๆ จะยอมคุยด้วยหรือไม่
“แต่ถ้าคุณทักษิณกลับมาเล่นเอง คุณทักษิณก็ต้องอย่าลืมว่าศัตรูทางการเมืองของคุณทักษิณก็ยังมีอีกเยอะ ยังไม่ได้มีการเคลียร์ใจตรงนี้ ขนาดลงไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังขออภัยถ้าทำให้มีความรู้สึกไม่ดี แต่จริงๆ มันต้องมากกว่านั้น ฉะนั้นคุณทักษิณเองก็ต้องเข้าใจว่าบางครั้งมันเลยเวลาไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทรงความเป็นผู้อาวุโสทางการเมืองที่มีคนไปปรึกษาหารือ
ผมเชื่อว่าอดีตนายกฯ หลายคน นายกฯ อานันท์ปันยารชุน ก็ยังมีคนเข้าบ้านไปหา ไปขอความรู้ คุณทักษิณเล่นบทบาทนั้นดีกว่า อย่างไรเขาก็เป็นผู้มีบารมีทางการเมืองอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดจะลงมาบริหารเองก็เนื่องมีปัญหา หรือถ้าเกิดคิดว่าลูกสาวตัวเองยังต้องมีพี่เลี้ยง ตัวเองต้องเป็นผู้จัดการรัฐบาล มันก็เหนื่อย”
เมื่อมองไปดูทายาททางการเมือง หลายประเทศแม้จะเป็นลูกหลาน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจู่ๆ จะให้มาเป็นผู้นำประเทศในทันที เช่น ลีเซียนลุง บุตรชายของลีกวนยู ต้องใช้เวลาเรียนรู้งานจากการเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ นานถึง 14 ปี กว่าจะได้ขึ้นเป็นนายกฯ หรืออย่าง กัมพูชา ที่ ฮุน เซน เป็นนายกฯ อยู่นาน โดยให้ ฮุน มาเนต ผู้เป็นบุตรชาย ไปเรียนรู้งานในกระทรวงต่างๆ กว่าจะให้มาเป็นนายกฯ แทน “ประสบการณ์มีความสำคัญในการบริหารงาน” ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยไม่มีตัวเลือกแล้ว เพื่อให้ประชาธิปไตยเดินต่อไปได้ ก็ควรเปิดทางให้ตัวแทนจากพรรคอื่น
แต่ในเมื่อพรรคเพื่อไทยวันนี้ยอมรับอำนาจสูงสุดของอดีตนายกฯ ทักษิณ “หากให้เดาใจ นายทักษิณคงไม่ยอมให้ลูกสาวลงจากตำแหน่งนายกฯ” ก็ต้องประคองกันไปเรื่อยๆ เพราะนายทักษิณมั่นใจว่า ในเวลาหนึ่งลูกสาวจะเรียนรู้ได้ทัน หรือแม้แต่คิดว่าเวลานี้ลูกสาวพร้อมแล้วด้วยซ้ำไป อนึ่ง สมัยที่ตนเข้าไปอยู่พรรคไทยรักไทย ยุคนั้นมองกันว่าพรรคไทยรักไทยจะเหมือนกับพรรค LDP ของญี่ปุ่น ที่มีกลุ่มการเมืองหลายกลุ่มมาอยู่รวมกัน เมื่อตัวแทนของกลุ่มใดไม่พร้อมก็ยังมีกลุ่มอื่นให้ขึ้นแทน และมีการคานอำนาจกันในกลุ่ม พรรคจึงอยู่รอดได้
ซึ่งต่างกับพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันที่อำนาจไปอยู่กับตระกูลชินวัตร ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงก็ขึ้นอยู่กับว่านายทักษิณจะยอมรับสภาพที่แท้จริงเพียงใด แต่บทบาทในวันนี้ก็เห็นแล้วว่าไม่ยอมรับ ยังคิดว่าตนเองจะสามารถผลักให้สิ่งที่เชื่อออกมาได้ ดังนั้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายทักษิณคงมองว่าลูกสาวจะต้องสอบผ่าน แต่หากนายกฯ ไม่ใช่ น.ส.แพทองธาร ก็ต้องไปถามนายชัยเกษมว่าไหวหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนไม่เชื่อว่านายชัยเกษมจะได้รับโอกาสนั้น เพราะด้วยศักดิ์ศรีหรือทิฐิ ทั้งของนายทักษิณและ น.ส.แพทองธาร ยังคิดว่าตนเองสามารถทำได้
กับคำถามที่ไปไกลกว่านั้น “จะมีการยุบสภาเร็วๆ นี้ หรือไม่?” ตนมองว่ายังไม่มีพรรคการเมืองใดอยากให้ยุบ เพราะไม่มีพรรคใดเลยที่พร้อม แม้กระทั่งพรรคประชาชนที่ถูกมองว่ากระแสน่าจะมาอีก แต่วันนี้ยังมี สส. ติดคดีอยู่ถึง 44 คนหากจะมาอีกก็น่าจะได้ที่นั่ง สส. ประมาณ 100 ต้นๆ ซึ่งพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยจะเป็นคู่แข่งสำคัญ และไม่แน่ว่าพรรคภูมิใจไทยอาจแซงพรรคเพื่อไทยขึ้นไปก็ได้ หากพรรคเพื่อไทยยังไม่มีผลงาน คนในพรรคเพื่อไทย จึงต้องการให้พรรคมีผลงานก่อนถึงการเลือกตั้ง
“ในขณะเดียวกัน เห็นเกมการเมืองที่จะทำให้พรรคภูมิใจไทย พรรคสีน้ำเงินอ่อนแอลง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด รวมไปถึงการต่อสู้เกมการเมืองใน สว. (สมาชิกวุฒิสภา) ด้วย และการต่อรองเกมอำนาจก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มันก็จะเป็นตัวที่กำหนดว่าจะยุบสภาได้ไหม? ซึ่งตอนนี้มันยังยุบไม่ได้ แล้วยิ่งมีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตอนนี้ผมคิดว่าสิ่งที่ทางพรรคเพื่อไทย คุณทักษิณ และคุณแพทองธารซึ่งไม่เท่าไร เพราะขนาดมีอภิปรายไม่ไว้วางใจยังไปเบอร์ลินได้ แต่ในเกมการเมืองเบื้องหลังก็คงมีความพยายามทำให้อย่างไรก็ตาม คะแนนที่คุณแพทองธารได้มันครบถ้วนในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล”
เมื่อหันไปมองพรรคประชาชน เชื่อว่าคงอภิปรายแบบไม่มีกั๊ก เพราะรู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่ใช่พรรคที่จะรอเข้าร่วมรัฐบาล จึงต้องอภิปรายให้ได้เต็มที่เพื่อให้มีผู้สนับสนุนมากที่สุด จาก 14 ล้านเสียง ในการเลือกตั้งปี 2566 ต้องไม่ลดลงและอาจเพิ่มขึ้น แต่การอภิปรายที่อ้างว่ามีการครอบงำ พรรคประชาชนก็ต้องแสดงหลักฐานให้ได้มากกว่าที่เห็นในสื่อ ขณะที่พรรคเพื่อไทย ตนแนะนำว่าควรปล่อยให้อภิปรายได้เต็มที่ อย่าคิดแบบเดิมเรื่องจะตั้งองครักษ์คอยประท้วง เอ่ยคำว่าทักษิณก็ประท้วงทันที เพราะมองว่าไม่มีประโยชน์ อย่าทำให้ น.ส.แพทองธารเป็นเหมือนไข่ในหิน
และด้วยบทบาทของนายทักษิณ แม้จะบอกว่าเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนแต่หลายบทบาทก็เกี่ยวข้องกับการเมืองไทย ดังนั้นก็ควรถูกอภิปรายได้แม้จะไม่มีตำแหน่ง แน่นอนว่าการอภิปรายบุคคลภายนอกหากพูดไม่ดีก็มีโอกาสถูกฟ้องหมิ่นประมาท แต่หากอภิปรายแบบมีหลักฐาน พูดด้วยความเป็นมืออาชีพ แล้ว น.ส.แพทองธาร สามารถตอบได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องอ่านตะกุกตะกัก ถ้าสอบผ่านก็เหมือนติดปีก เพราะจะไม่ต้องอภิปรายไปอีก 1 ปี แล้วในปีนี้ก็จะได้พิสูจน์ตนเองได้ว่านโยบายต่างๆ จะออกมา!!!
หมายเหตุ : สามารถรับชมรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ดำเนินรายการโดย บุญระดม จิตรดอน ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ทุกวันอังคาร-พฤหัสบดี เวลา 11.00-12.00 น. โดยประมาณ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี