อย่าใช้กระแสสังคมบีบซักฟอก30ชม.
‘อนุทิน’ฉะฝ่ายค้าน
แลกถอดชื่อ‘แม้ว’พ้นญัตติ
‘เท้ง’อุบคำใช้แทน‘ทักษิณ’
ชี้‘ไพ่ใบสุดท้าย’ต่อรองเวลา
‘บิ๊กป้อม’เอือมรบ.ขอลุยเอง
“อนุทิน” เชื่อฝ่ายค้านขอจ้อซักฟอก30 ชม. แลกถอดชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติซักฟอกพุ่งเป้านายกฯคงเคลียร์ด้วยเหตุผล แบ่งเวลากันได้ แนะดูอดีตยึดธรรมเนียมปฏิบัติ ขอเปิดทางรัฐมนตรีชี้แจง ถามกลับใช้กระแสสังคมกดดันเคยสำเร็จหรือไม่ ด้าน‘เท้ง’บอกนายกฯไฟเขียวซักฟอกเดือนหนึ่งยังได้ ฝากมาโต้ตอบในสภาดีกว่า รับที่ยังไม่เปิดคำในญัตติแทน’ทักษิณ’เพราะต้องเก็บเป็น’ไพ่ใบสุดท้าย’ต่อรองเวลาอภิปราย ฝากงธรรมนัส’ปชน.ไร้งูเห่าแน่นอน ย้อน’อนุทิน’ถ้าคิดว่าสังคมกดดัน คงเป็นเพราะตัวท่านเอง
เมื่อวันที่ 14มีนาคม2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีฝ่ายค้านยังไม่แก้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยผู้นำฝ่ายค้านขอเวลาอภิปราย 30 ชั่วโมง เพื่อแลกกับการแก้ไขญัตติและจะนัดหารือใหม่อีกครั้งวันที่ 19 มี.ค.ว่า คุยกันด้วยเหตุด้วยผลน่าจะมีจุดลงตัวอยู่แล้วฝ่ายค้านอยากอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายรัฐบาลก็พร้อมที่จะชี้แจงต้องดูว่าในอดีตที่ผ่านมามีการแบ่งเวลากันอย่างไรเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ จะกำหนดให้คนนี้กี่ชั่วโมงก็ว่ากัน ไม่ต้องไปห่วงนายกฯเป็นผู้ถูกอภิปรายอยู่ท่านเดียว ท่านคงไม่ใช้เวลามากมายนัก ควรให้เป็นอิสระกับท่านด้วยซ้ำ คงไม่ตอบอะไรเยอะแยะขนาดต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง คงไม่ใช่ขนาดนั้น
‘หนู’ติงอย่างใช้สัมคมกดดันจ้อ30ชม.
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านพยายามใช้กระแสสังคมกดดันรัฐบาลให้ทำตามข้อเรียกร้องนั้น นายอนุทิน ย้อนถามว่า ใช้วิธีแบบนั้นเคยประสบความสำเร็จเมื่อไหร่ช่วยบอกหน่อย มันไม่มี นี่ต้องใช้เหตุใช้ผล ทำงานด้วยกันในสภาฯมีเหตุมีผลก็ฟังกัน เมื่อวาน(13มี.ค.)มีคนมาบอกว่าทั้งหมด30 ชั่วโมง แต่ให้รัฐบาลแค่ 2 ชั่วโมง ก็คงไม่ไหว ขอมากกว่านี้หน่อย อย่ากังวลเรื่องเวลา ยิ่งให้รัฐบาลมีเวลาชี้แจงก็จะสามารถนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนฟังเวลาเราชี้แจงผู้ที่เป็นรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือชี้แจงอะไรในรัฐสภา“เราไม่ได้ชี้แจงให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคฝ่ายค้านเท่านั้น แต่เราชี้แจงให้ประชาชนฟังทั่วประเทศ ถ้าไปจำกัดเวลาก็อาจจะชี้แจงได้ไม่ครบถ้วน จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง เวลา 30 ชั่วโมงแบ่งได้อยู่แล้ว คงไม่ใช่ประเด็นอะไร ไม่ต้องถึงขั้นระดับหัวหน้าพรรคแค่ระดับกรรมการประสานงาน(วิป)คุยกันได้
‘เท้ง’ยันถล่ม2วันไม่พอ/ต้อง30ชม.
ด้าน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเจรจาต่อรองวันและเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ไม่ใช่ว่าเราไม่ยอมเจรจาพูดคุยกับฝ่ายรัฐบาล กรอบ 30 ชั่วโมง เป็นกรอบเนื้อหาที่เรายืนยันว่ามีเท่านี้ ถ้าน้อยกว่านี้จะทำให้เนื้อหาที่เตรียมมาตกหล่น ขณะเดียวกันฝั่งรัฐบาลก็มีกรอบของเขา ไม่ยอมถอยให้เราก้าวหนึ่ง จึงเป็นที่มา ที่ไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ ส่วนกรอบเวลา20+10ของรัฐบาล พอไปได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ถ้าจะใช้กรอบนี้จริงๆ2วันก็ไม่พอ เพราะเต็มที่ประชุมกัน1วัน ใช้เวลาประมาณ15ชั่วโมงแล้ว 2วัน30 ชั่วโมงพอดี ไม่ต้องเผื่อเวลาประท้วงหรือประธานวินิจฉัยอะไรเลย เพราะฉะนั้นมุมมองของพวกเรายืนยันว่า ควรจะต้องมีการขยายกรอบวันประชุมด้วย ซึ่งต้องให้รัฐบาลไปหารือกัน
อุบชื่อแทน’แม้ว’-ไว้ต่อรองยืดเวลา
เมื่อถามว่า กลับมาประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 19มีนาคม ล่าช้าไปหรือไม่ เพราะจะอภิปรายกันภายในสิ้นเดือนนี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยังพอมีเวลาอยู่ ถ้ายึดตามสมัยประชุมที่จะปิดสมัยในวันที่ 10 เมษายนนี้ ดังนั้น สัปดาห์หน้า ตนคาดหวังว่าจะได้ข้อสรุป แต่ถ้ายังไม่ทัน ก็ยังพอมีกรอบเวลาอยู่ เรายังอยากเห็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นในสมัยนี้ ไม่อยากให้รัฐบาลเอาเรื่องกรอบวันและเวลามาทำให้เราเดินหน้าต่อไม่ได้ เมื่อถามว่าตัดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากญัตติแล้ว สะเด็ดน้ำหรือยัง จะเปลี่ยนเป็นคำว่าอะไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า“สะเด็ดน้ำแล้ว”แต่ขอยังไม่เปิดเผยชื่อ เพราะเรื่องการปรับคำ รวมถึงการตกลงเรื่องเวลาในการอภิปรายเกี่ยวข้องกัน ขอให้รอประชุมร่วมกันกับรัฐบาลแล้วจะแก้ญัตติส่งกลับไปทีเดียว เมื่อถามว่า การเปลี่ยนชื่อเป็นไพ่อีกใบหนึ่งที่ถือไว้ต่อรองเรื่องเวลากับรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จะว่าเป็นแบบนั้นก็ไม่ผิด เพราะสิ่งที่ฝ่ายค้านมีในตอนนี้คือการปรับถ้อยคำในญัตติ รวมไปถึงการตรวจสอบรัฐบาล ตนคิดว่า สิ่งที่สังคมไม่อยากเห็น คือ ในเมื่อตอนนี้ จะให้ปรับถ้อยคำเราก็ยอม เพราะฉะนั้นก็อยากจะเห็นรัฐบาลเปิดโอกาสให้พวกเราอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อย่างเต็มที่
อ้างนายกฯไฟเขียวรบ.ต้องเพิ่มเวลา
นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า เรื่องการปรับคำในญัตติ เป็นเรื่องของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรตนคิดว่าการเลือกใช้คำ ก็ส่งผลกับการที่รัฐบาลจะยอมหรือไม่ยอมให้เราเดินหน้าต่อ หากดูจากท่าทีของ สส.พรรคเพื่อไทย จะเห็นได้ว่าการใช้คำมีส่วนสำคัญที่เขาจะให้เราเดินหน้าต่อหรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีตอบรับว่า “ได้” หลังจากฝ่ายค้านขอเวลา30ชั่วโมง นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ในเมื่อผู้นำฝั่งรัฐบาล นายกรัฐมนตรีพูดออกมาชัดเจนว่า ไม่มีปัญหา ซึ่งที่จริงมีการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่าเดือนหนึ่งก็ได้ ในเมื่อนายกฯไฟเขียวอยากมาตอบชี้แจงด้วยตัวเองขนาดนี้ ผมคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไร ที่ฝั่งรัฐบาลต้องกั๊กเวลากับพวกเรา ควรเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำงานอย่างเต็มที่มากกว่า
ยืนกราน’ปชน.’ไม่มีงูเห่าแน่นอน
เมื่อถามว่า ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า จะมีงูเห่าจากฝ่ายค้านถึง 10คน นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า รอดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจและลงมติจริงดีกว่า ตนเชื่อว่าพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาชน ไม่มีงูเห่าแน่นอน ส่วนจะคาดโทษอะไรหรือไม่ปล่อยให้เป็นการจัดการของแต่ละพรรค ส่วนในพรรคประชาชนตนมั่นใจว่า สส. ของเราไม่มีแน่นอน แต่หากมีก็มีกระบวนการจัดการภายในพรรคอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้ความเห็นว่าให้เวลารัฐบาลน้อยไป นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าพวกเราไม่ได้ปิดกั้น อยู่ที่ทางคณะรัฐมนตรีอย่างเดียวด้วยซ้ำ กรอบที่พวกเราได้ให้ไปแล้วก็เคยบอกตามหน้าสื่อว่า30 ชั่วโมง ถ้ารัฐบาลอยากได้มากขึ้นก็เปิดจำนวนวัน ให้นานขึ้นได้พวกเราไม่ได้ติดอะไร
ท้านายกฯมาตอบโต้เองในสภาฯ
เมื่อถามว่า นายอนุทิน เย้ยฝ่ายค้านว่า ใช้สังคมกดดัน เคยทำอะไรสำเร็จบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า “ท่านอนุทินจะรู้สึกว่าสังคมกดดันหรือไม่กดดัน ก็อยู่ที่การกระทำของฝ่ายรัฐบาลด้วย ฝ่ายค้านเองก็เช่นเดียวกัน การอภิปรายในสภาการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดล้วนอยู่ในสายตาประชาชน ถ้าท่านรู้สึกว่าสังคมกดดัน ก็อาจจะเป็นการกระทำของตัวท่านเอง” เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีอารมณ์ดีถึงขั้นฮัมเพลง “ชายคนนั้น” เมื่อฝ่ายค้านถอนชื่อนายทักษิณออกจากญัตติ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า “ผมคงไม่ร้องเพลงโต้ตอบอะไรท่านนายกฯ นะครับ แต่อยากให้นายกฯ มาโต้ตอบฝ่ายค้าน ในการประชุมสภามากกว่า“
‘บิ๊กป้อม’ลุยเพราะนายกฯไร้ฝีมือ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.มีความมุ่งมั่นนำทัพสส.สู้ศึกอภิปรายนายกฯเพื่อชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องของนายกฯ สาเหตุที่ พล.อ.ประวิตร จะร่วมอภิปรายด้วยตัวเองก็เพราะให้ความสำคัญกับการทำงานของพรรคที่ต้องมีบทบาทในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภา พปชร.จะไม่เข้าร่วมกับรัฐบาลที่มีปัญหาโดยการนำของนายกฯท่านนี้ ที่ไปไม่ได้ ใครเข้าไปก็เปรอะเปื้อน เพราะมีแต่เรื่องไม่ดี พรรค พปชร.จึงไม่มีทางไปร่วมด้วยเด็ดขาด ถ้าดูในแง่ประวัติการณ์ทำงานของพรรค เรามีสิทธิได้ สส.ถึง 60คน การไปออกรายการเคลียร์ทุกประเด็น ทำให้ภาพพจน์ของพรรคดีขึ้น ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ยิ่งทำให้สังคมเข้าใจพรรคและหันมาสนับสนุนเรามากขึ้น ขอให้รอดูการอภิปรายของ พล.อ.ประวิตร มีคุณภาพไว้ใจได้แน่นอน แค่ท่านไปอภิปรายก็มีน้ำหนักสมบูรณ์แล้ว เพราะเห็นว่า นายกฯไม่ไหวแล้วจริงๆ ซึ่งในการอภิปรายต้องมีอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่ตนไม่อยากพูดอะไรเกินไป ขอให้รอฟังวันอภิปรายเลยดีกว่า
‘ธนกร’ขอให้2ฝ่ายถอยคนละก้าว
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการประสานงาน (วิป) 3ฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านและครม.ได้ประชุมเพื่อเจรจาหารือเรื่องกรอบเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา151 แต่ยังหาข้อสรุปร่วมกันไม่ได้ ถือเป็นการเจรจาที่ล้มเหลว ตนมองว่า ต่างฝ่ายยังตั้งแง่ตั้งป้อม ไม่ยอมลดราวาศอกกันอยู่ แม้ว่าทางผู้นำฝ่ายค้านจะยอมตัดชื่อบุคคลภายนอกออกแล้วก็ตาม แต่เรื่องกรอบเวลาก็ควรจัดสรรให้เกิดความเหมาะสม เนื่องจากเป็นการยื่นอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว การที่ฝ่ายค้าน ขอเวลาอภิปรายยาวถึง 30 ชั่วโมงเหมาะสมหรือไม่นั้น ต้องกลับไปทบทวนให้เหมาะสมควรจะกระชับเนื้อหาและใช้เวลาสภาให้เกิดความคุ้มค่าได้ประโยชน์ เนื่องจากยังมีกฎหมายที่สำคัญที่รอพิจารณาในการให้ความช่วยเหลือประชาชนอีกหลายเรื่อง เพื่อให้ทันในสมัยประชุมสภานี้
ชูสูตร20+10ซักฟอก2วันลงมติ1 วัน
นายธนกร กล่าวว่า ตามที่ฝั่งรัฐบาลเสนอว่าอยากให้ใช้เวลาในการอภิปราย 20+10 คือให้เวลาฝ่ายค้านอภิปรายทั้งหมด 20ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลเป็น10ชั่วโมง แบ่งเป็นของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ฝ่ายรัฐบาล และประธานในที่ประชุม โดยจะอภิปรายระหว่างวันที่ 24-25มีนาคมและลงมติวันที่ 26มีนาคมนั้น ตนมองว่า อภิปราย 2 วัน และลงมติอีก 1 วันถือเป็นกรอบเวลาที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป จึงขอให้ฝ่ายค้านพิจารณารับข้อเสนอแต่หากไม่มีใครยอมใคร ก็จะเดินหน้าต่อไม่ได้ ทุกฝ่ายควรถอยคนละก้าวเพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเดินหน้าต่อไปได้ ต่างฝ่ายไม่ควรดื้อดึงเล่นแง่ใส่กัน เพราะมีอีกหลายเรื่อง กฎหมายอีกหลายตัวที่ต้องเร่งทำ เร่งแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ก่อนที่จะปิดสมัยประชุมในวันที่ 10 เมษายนนี้ กรอบเวลา 2 วันในการอภิปราย และลงมติอีก 1วัน ถือว่าสมเหตุสมผล
“เทพไท”เหน็บฝ่ายบริวารอย่าใจแคบ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท - คุยการเมือง” ระบุว่า...น้ำล้างถ้วย เผ็ดกว่าน้ำแกง ผมเคารพการตัดสินใจของพรรคประชาชน ที่ยอมถอนลบชื่อนายทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ทำหนังสือด่วนแจ้งมา เพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้เดินหน้าต่อไปได้
แต่เมื่อได้ติดตามความคืบหน้าการประชุมวิป3ฝ่าย ปรากฏว่ายังตกลงไม่ได้ในเรื่องเงื่อนไขเวลาการอภิปรายที่พรรคประชาชนขอไปเป็นเวลา 30 ชั่วโมง แต่วิปฝ่ายรัฐบาลและวิปคณะรัฐมนตรียังไม่เห็นพ้องด้วย จึงทำให้การเจรจาต้องเลื่อนออกไป
ผมอยากจะเสนอแนะให้การกำหนดวันเวลาอภิปราย ไม่ควรเป็นเรื่องข้อตกลงของวิป3ฝ่าย เพราะไม่สามารถหาจุดลงตัวได้ ต่างฝ่ายต่างชิงไหวชิงพริบ ต้องการความได้เปรียบกัน ซึ่งควรจะให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นคนกลางในการกำหนดวันอภิปรายที่เหมาะสม โดยพิจารณาถึงเนื้อหาและบุคคลผู้อภิปรายว่ามีจำนวนเท่าไหร่ การนำเงื่อนไขอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวมากำหนดวันเวลาเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะสมัยการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว คือนายบรรหาร ศิลปอาชา และพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เคยใช้เวลาอภิปรายถึง4วัน ดังนั้นการอภิปรายนางสาวแพทองธารเพียงคนเดียว ควรจะใช้เวลาใกล้เคียงกัน
เย้ย น้ำล้างถ้วย เผ็ดกว่าน้ำแกง
ผมอยากจะเสนอความเห็นนี้ไปยังฝ่ายรัฐบาลว่า ควรใจกว้างเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบ เมื่อฝ่ายค้านยอมถอยแก้ไขชื่อนายทักษิณ ออกจากญัตติแล้ว ควรจะให้เวลาพอสมควรกับฝ่ายค้านในการอภิปราย ไม่ควรจะใจแคบหรือใช้เวลาบีบบังคับการทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้าน
การใช้ระยะเวลาอภิปรายมากน้อยเพียงใดไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะเรื่องนี้ตัวนายกรัฐมนตรี ก็มีความพร้อมให้ตรวจสอบ เพราะเคยให้สัมภาษณ์ไว้แล้วว่าพร้อมจะตอบคำถามและตั้งองครักษ์ขึ้นมาช่วยเหลือ รวมทั้งรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ก็พร้อมจะสนับสนุนข้อมูล และตอบข้อซักถามในกรณีถูกพาดพิง ยังคงมีแต่แกนนำและส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคนเท่านั้น ที่พยายามเกี่ยงเงื่อนไขเพื่อให้ฝ่ายตัวเองได้เปรียบมากที่สุด
อย่าลืมว่าการอภิปรายครั้งนี้ เป็นการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านต่อฝ่ายบริหาร แต่คนที่เดือดร้อนมากที่สุดคือฝ่ายบริวาร ซึ่งแบบนี้ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า “น้ำล้างถ้วยเผ็ดกว่าน้ำแกง”
รทสช.หนุนส่งศาลตีความแก้รธน.
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต4และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงการประชุมร่วมรัฐสภาที่จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 17มีนาคมนี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาใน 2ญัตติเกี่ยวกับประเด็นอำนาจของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ญัตติขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ที่เสนอโดยสมาชิกวุฒิสภา และญัตติขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
นายอัครเดชระบุว่าแต่เดิมในเรื่องนี้ ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 4/2564 ออกมาแล้วว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องมีการทำประชามติให้ได้รับความเห็นชอบจากประชาชนก่อนว่าสมควรให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถ้าประชาชนเห็นสมควร จึงจะสามารถเดินหน้าขอแก้ไขตามมาตรา 256 เพื่อปูทางไปสู่การจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)และการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ในเมื่อขณะนี้เกิดปัญหาขึ้นว่ามีสมาชิกรัฐสภาบางส่วนเห็นต่างว่าสามารถเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญในที่ประชุมสภาได้ทันที โดยไม่ต้องทำประชามติ รับฟังความเห็นจากประชาชนก่อน พรรครวมไทยสร้างชาติ จึงได้ประชุมและพิจารณาในเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับประเทศชาติและคนไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ จึงได้มีมติเห็นสมควรว่า ให้เห็นชอบกับทั้ง 2 ญัตติดังกล่าว ในการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความขอบเขตอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการพิจารณาในวันจันทร์นี้ เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย เกิดความกระจ่างชัดเจนและไม่เป็นประเด็นปัญหาในภายหลังที่อาจจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติได้
“การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งการทำประชามติแต่ละครั้งต้องใช้งบประมาณมากถึง 4,000 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนและรอบคอบ พรรครวมไทยสร้างชาติ จึงเห็นควรว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวให้เกิดความกระจ่างแจ้งอีกครั้ง” นายอัครเดช กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี