"ทักษิณ"ขึ้นเวที"The World's Next" โชว์วิสัยทัศน์ ปั้นดิจิทัลเต็มระบบได้เห็นแน่ในปีนี้ ฟุ้ง"สเตเบิลคอยน์"เสร็จภายใน 3 เดือน หวังทุบค่าไฟไทย เหลือ 2.50 บาท ดึงดูดนักท่องเที่ยว ผุดไอเดียเอไอช่วยหมอ หลัง รพ.ขาดแคลนบุคลากร ฝันภายใน 12 เดือน เนรมิตร"ดิจิทัลเอ็มบาสซี"
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมงาน MFC’s 50th Anniversary_The World's Next Opportunities and Beyond เปิดโอกาสลงทุนแห่งอนาคต และจะร่วมเสวนาในหัวข้อ "โอกาสและอนาคตของการลงทุน" โดยในช่วงแรกเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นในหัวข้อ "โอกาสและอนาคตของการลงทุน" ซึ่งพิธีกรตั้งคำถามว่า อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกเรา และการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ในระดับโลกและภูมิภาค ในความคิดคุณคืออะไร
ด้าน นายทักษิณ กล่าวว่า สำหรับพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้คำมั่นสัญญามุ่งมั่นอยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบกระจายศูนย์ (Blockchain) และสกุลเงินดิจิทัล (คริปโทเคอร์เรนซี) ซึ่งเชื่อว่าเรามีความพร้อมและสามารถบรรลุเป้าหมายได้ รวมถึงยังวางแผนจะมีแซนด์บ็อกซ์ ที่ จ.ภูเก็ต โดยใช้คริปโทเคอร์เรนซีเป็นสกุลเงินในการแลกเปลี่ยน รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล (Stablecoin) ของคริปโทเคอร์เรนซี ด้วยการรองรับจากพันธบัตรรัฐบาล และเตรียมแผนตรงนี้ไว้ภายใน 3 เดือน
"ปัจจุบันเรากำลังทำดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อปูทางสิ่งเหล่านี้ นำดิจิทัลไอดีให้ประชาชนได้ใช้ และเราจะมาสร้างบล็อกเชนของประเทศ ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ทุกคนจะเห็นภายในปีนี้แน่นอน" นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้กลับประเทศ ได้พูดคุยกับหลายคนที่อยากมาลงทุนในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์ และเอไอ ตนมั่นใจว่าไทยมีความสามารถและสามารถดึงดูดนักลงทุนได้ แต่ผู้จะมาลงทุนในประเทศไทยส่วนหนึ่งก็ได้มีการถามถึงพลังงานสีเขียว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำให้ราคาพลังงานในประเทศไทยถูกลงให้ได้ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดพลังงานสีเขียวราคาต่ำ
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนมีความฝันอยากให้คนไทยมีความรู้ด้านเอไอ ภายใน 10 ปีนี้ เพราะเอไอมีอิทธิพลและบทบาทในชีวิตของเรามาก ตนพยายามหาวิธีว่าไทยสามารถปรับเอไอมาใช้อย่างไรได้บ้างให้เท่าทันโลก เช่น โรงพยาบาลเขต มีหมอ 1 คน ต่อไปอาจเห็นเอไอช่วยหมอวินิจฉัย ประเมินโรคในบางพื้นที่ คิดว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ และไม่ต้องรอ เราต้องเริ่มในวันนี้
ด้านพิธีกรถามต่อว่า ในประเทศไทยถ้าเราไม่ลงมือทำ จะมีผลอะไรตามมา นายทักษิณ กล่าวยืนยันว่า เราต้องลงมือทำตอนนี้เลย โดยเฉพาะเอไอ สิ่งที่เรามีในปัจจุบันคือโครงสร้างพื้นฐาน แต่ถ้าเรานำเทคโนโลยีมาผนวกด้วยก็จะทำให้มีศักยภาพ และมีความสำคัญต่อโลกใบนี้มากขึ้น แต่ถ้าเราไม่นำเทคโนโลยีเข้ามา ก็จะล้าหลัง ตามหลังประเทศอื่นในโลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงการเทคโนโลยีที่ปัจจุบันต้องการบุคลากรจากต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ พวกเรายังมีข้อได้เปรียบที่สามารถดึงดูดคนที่ต้องการมาลงทุนฮับในประเทศไทย ทั้งการแพทย์ อาหาร และการท่องเที่ยว จะช่วยให้เราเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ
นอกจากนี้ พิธีกรยังตั้งคำถามว่า หนึ่งสิ่งที่อยากเห็นในประเทศไทย อีกใน 12 เดือนข้างหน้า นายทักษิณ กล่าวว่า ตนอยากหาสักที่ในกรุงเทพฯ ให้เป็นดาต้าเซฟโซน ทำให้โซนนั้นเป็นดิจิทัลเอ็มบาสซี หรือสถานทูตดิจิทัล ที่หลายประเทศมาอยู่ตรงนั้น และจะทำให้ประเทศไทยเป็นเอไอฮับ นี่คือความฝันของตน และจะทำให้เป็นจริงได้มันจะไม่ใช่ความฝัน มันยาก มันท้าทาย แต่มันเป็นจริงได้ เราต้องทำให้ต้นทุนค่าพลังงานต่ำที่สุด เพื่อให้ได้ก่อน มิฉะนั้นเราจะไม่สามารถทำเหล่านี้ได้
จากนั้นเป็นคำถามของผู้ที่มาร่วมงาน โดย นายทอม เครือโสภณ ได้สอบถามเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ในไทย ซึ่ง นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้มีพลังงานนิวเคลียร์หลากหลาย ซึ่งเทคโนโลยีนี้ค่อนข้างใช้เยอะแล้ว เช่น ในจีน ญี่ปุ่น แต่ก็ยังแพงอยู่ สำหรับพลังงานสีเขียว เช่น โซล่าร์เซลล์ ถือว่าต้นทุนพลังงานลดลงไปมากแล้ว อาจจะเหลือ 1 บาทด้วยซ้ำ ถ้าเราสามารถใช้พลังงานสีเขียวมากขึ้น โดยที่ต้นทุนต่ำ และใช้น้ำมัน ถ่านหิน น้อยลง ตนคิดว่าจะทำให้ต้นทุนลดต่ำลงอีก 6 - 7 เซนต์ (สกุลเงินต่างประเทศ) แต่ขณะเดียวกันเรื่องการบริหารจัดการไฟฟ้า เราจะต้องเพิ่มการใช้สมาร์ทกริด (Smart Grid) มากขึ้น คือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน
เมื่อถามถึงเรื่องค่าไฟจาก 11 เซนต์ เป็น 3 เซนต์ จะมีวิธีการลดต้นทุนพลังงานอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ทั่วโลกเวลาพูดถึง 2 เซนต์ เราต้องมีแผนการเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นเราจะไม่สามารถแข่งขันได้ แต่มันไม่ง่าย เพราะตอนนี้เราต้องใช้พลังงานจากถ่านหิน และนำเข้า แต่ก็ไม่พอเพราะฉะนั้นต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ทำให้ต้นทุนพลังงานสูง และปัจจุบันเราต้องใช้รูปแบบนี้ แต่โซลาร์เซลล์ก็ดีขึ้น แต่ต้องวางแผน และคิดแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้ลดต้นทุนได้ในการผลิตพลังงาน ซึ่งปัจจุบันสิ่งที่ทำได้ 8 เซนต์ น่าจะเป็นไปได้ 2 เซนต์ น่าจะอีกไกล แต่ 11 เซนต์ ไป 8 เซนต์ เราจะทำให้ได้ ไม่เช่นนั้นเราจะแข่งขันกับใครไม่ได้เลย เพราะหลายประเทศอยากมาลงทุน ตนได้คุยกับหลายบริษัท 6 - 7 เซนต์ ยอมรับได้ แต่มันต้องลดให้เหลือ 2.50 บาท ตอนนี้ 4.12 บาท ตอนนี้ต้องมีแผนการ
เมื่อถามด้วยว่า เราจะเตรียมตัวอย่างไร ในฐานะคนวางนโยบายในการรับมือกับสังคมดิจิทัล ให้แข่งขันอย่างยุติธรรม นายทักษิณ กล่าวว่า เราพูดถึงเรื่องนี้มา 20 - 30 ปีแล้ว แต่ตอนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ก็จะให้แท็บเล็ตฟรี เพื่อพยายามจะลดช่องว่างทางเทคโนโลยี แต่ตอนนั้นถูกรัฐประหารจึงยกเลิก ทั้งนี้ ปัจจุบันเรามีสมาร์ทโฟน สำหรับอุปกรณ์ดิจิทัล รัฐบาลก็พยายามเอาสมาร์ทโฟนมาแทนอนาล็อกโฟน เราน่าจะฝึกคนไทย อบรมให้การศึกษา ให้ทันการใช้เอไอได้มากขึ้น เราไม่ต้องเขียนซอฟต์แวร์ เองเอไอสามารถช่วยเราทำตรงนี้ได้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี