'เท้ง'ห่วงภาพลักษณ์ไทย หลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรจำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่รัฐบาล ชี้หากยึดหลักสิทธิมนุษยชน ประเทศไหนก็ว่าไทยไม่ได้ เตือนอย่าใช้วิธีเจรจาหลังบ้าน หลัง'ทักษิณ'แนะคุยทูต EU
เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาประกาศคว่ำบาตรจำกัดวีซ่าจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยที่เกี่ยวข้องกับการส่ง 40 ชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนว่า สิ่งที่พวกเราเรียกร้องมาโดยตลอดคือ การดำเนินนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล ที่ควรพิจารณาด้วยความรอบคอบ ไม่ควรใช้นโยบายต่างประเทศที่เป็นไผ่ลู่ลม และควรจะต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชนสากล รัฐบาลต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใด ภายใต้ภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ 2 มหาอำนาจแข่งขันกันอยู่ การดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด หากตั้งอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง ไม่ว่าฝ่ายใดก็จะลงโทษหรือต่อว่าประเทศไทยไม่ได้
เมื่อถามว่าการจำกัดวีซ่าในระดับเจ้าหน้าที่รัฐบาล อาจหมายถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีด้วย จะทำให้ประเทศไทยมีความเสียหายอย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์ ระบุว่าอยู่ที่การดำเนินงานของสหรัฐอเมริกา ตนเองไม่อยากเห็นภาพรวมของประเทศได้รับความเสียหาย ขณะเดียวกันถ้าไปถึงจุดนั้นจริง ๆ อยู่ที่ความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะต้องใช้ความพยายามในการแก้ไข
ส่วนที่นายทักษิณ แนะนำให้เชิญทูต EU มาพูดคุยเรื่องนี้โดยตรงเพื่อทำความเข้าใจนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สหภาพยุโรปมีความชัดเจนเรื่องหลักการสิทธิมนุษยชนสากล เขาคงไม่ยอมเสียหลักการ แม้เราจะเรียกมาเจรจา แต่รัฐสภายุโรปมีมติแล้วว่า ไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของประเทศไทย เรื่องนี้อย่าเพิ่งใช้วิธีการเจรจาหลังบ้าน แต่สิ่งที่ไทยควรทำคือ การแสดงออกหน้าบ้านอย่างชัดเจนว่า เคารพในหลักการสิทธิมนุษยชนสากล
ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าในอดีตสหรัฐอเมริกาเคยใช้มาตรการนี้กับรัฐบาลเผด็จการ และผู้ก่อการร้าย จะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะไม่อยากให้ประเทศไทยเสียหายไปมากกว่านี้ ก่อนที่จะพัฒนาเรื่องเศรษฐกิจเพื่อดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนในต่างประเทศ ก็หนีไม่พ้นเรื่องดัชนีตัวชี้วัด เรื่องความเป็นประชาธิปไตย มีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของชาวโลก
ทั้งนี้ที่รัฐบาลไทยเตรียมพาคณะไปเยือนจีน เพื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของคนอุยกูร์ สิ่งสำคัญคือ ต้องไม่ตกเป็นกระบวนการฟอกขาว ทำให้นานาชาติเชื่อมั่นว่าการไปจีนมีความอิสระอย่างแท้จริง ตัวแทนที่ไปไม่ได้มีจากฝั่งรัฐบาลไทยอย่างเดียว แต่สามารถเชิญตัวแทนจากนานาชาติไปด้วย และคนที่เข้าไปดูกระบวนการภายในจีนต้องมีอิสระ ไปดูส่วนไหนก็ได้ หรือพบใครก็ได้ โดยไม่ได้ถูกจำกัดโดยรัฐบาลจีน ซึ่งจะเป็นกระบวนการที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับ แต่หากปิดกั้นตัวแทนที่ไปร่วม ไม่ได้เป็นที่ยอมรับจากนานาชาติก็อาจจะถูกตั้งข้อสงสัยได้อยู่ดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี