‘วันนอร์’เปิดไฟเขียวศึกซักฟอก
ใช้‘สทร.’แทน‘ทักษิณ’
ปล่อยให้คนฟังตีความกันเอง
ปธ.วิปให้เวลาฝ่ายค้าน23ชม.
‘เท้ง’เอาคืนถอนหงอกเทวดา
ซัดกลับทำตัวเองช่วยไม่ได้
“เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ผู้นำฝ่ายค้าน อุ่นเครื่องเปิดศึกน้ำลายกับ “ทักษิณ” ตอกกลับทำตัวเอง ทั้งยังอุบไต๋ลบชื่อแม้วในญัตติซักฟอก ขอรอประชุมก่อน เหน็บเพื่อไทย ต้องรอเทวดาสั่งการ ด้าน คปท.เตือนฝ่ายค้าน ต้องเข้มแข็งอย่าต่อรองกับรัฐบาล “เทพไท” ชี้แม้วแค่โชว์ความเก๋า ข่มพรรคส้ม
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิจารณ์พรรคประชาชนว่า เสนอชื่อนายทักษิณลงไปในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่ออะไร พร้อมกล่าวเหน็บแนมว่านี่หรือพรรคคนรุ่นใหม่นั้น
นายณัฐพงษ์กล่าวว่านายทักษิณเองก็ให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าตนเองมีส่วนในการบริหารราชการแผ่นดิน คนที่เป็นบุคคลสาธารณะเข้าถึงอำนาจของรัฐในการบริหารราชการแผ่นดิน ย่อมต้องถูกตรวจสอบถ่วงดุลได้
“การที่พวกเราบรรจุชื่อนายทักษิณเข้าไปในญัตติ ไม่ได้เกิดจากใครเลย เกิดจากการกระทำของตัวนายทักษิณเอง ที่ต้องถูกตรวจสอบโดยฝ่ายนิติบัญญัติเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรีที่ปล่อยให้ผู้เป็นบิดา คอยชี้นำชักใยตัวเองในการบริหารราชการแผ่นดิน”นายณัฐพงษ์ กล่าว
ห้ามไม่ได้รำคาญพรรคคนรุ่นใหม่
เมื่อถามว่านายทักษิณใช้คำว่า“น่ารำคาญ” แสดงว่าน่าจะฟิวส์ขาดใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า “ท่านจะรู้สึกรำคาญหรือไม่ ตนคงห้ามไม่ได้ แต่ถ้าดูตามการให้สัมภาษณ์ ท่านเองก็บอกว่าถ้าพรรคคนรุ่นใหม่ เราทำงานแบบนี้ อาจจะเสียไปอีกพรรค ตนก็ไม่แน่ใจว่าเสียไปอีกพรรคหมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงเสี่ยงที่จะถูกยุบพรรค ท่านเองก็ไม่ควรพูด ในฐานะที่ท่านเองเคยถูกยุบพรรค ถูกตัดสิทธิทางการเมือง น่าจะเข้าใจหัวอกของคนที่โดนยุบพรรคด้วยกัน แต่ถ้าท่านหมายถึงเสียคะแนนนิยม ตนคิดว่าคงตัดสินแทนประชาชนไม่ได้”
แซะ‘เพื่อไทย’ตัดสินใจเองไม่ได้
ส่วนที่นายทักษิณระบุว่าฝ่ายค้านรีบไป ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 2 ปี นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าช้าเกินไปด้วยซ้ำในการถ่วงดุลตรวจสอบ กระบวนการอภิปรายที่ล่าสุดยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้สังคมยังต้องรออยู่ว่าจะเดินหน้าได้หรือ ทั้งที่ พวกเราบอกว่าเรามีความพร้อมเดินหน้าเต็มที่ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าฝั่งรัฐบาลเองไม่ได้ส่งผู้มีอำนาจในการตัดสินใจตัวจริงในการเจรจาวิป ซึ่งตนอยู่ในห้องประชุมวิปวันนั้น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ก็ออกมาพูดชัดเจนว่าตัดสินใจแทนคนในพรรคไม่ได้ ตนก็ไม่เข้าใจว่าการตัดสินใจแทนคนในพรรคได้นั้นหมายถึงใคร เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ตนคิดว่าการเดินหน้าการทำงานอย่างเต็มที่ การส่งผู้มีอำนาจในการตัดสินใจตัวจริงมาเจรจาพูดคุย น่าจะเป็นทางออกที่ถูกต้อง
เย้ยรอคำสั่งผู้มีอำนาจตัวจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่าแบบนี้สะท้อนว่ามีคนอยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถบอกได้ว่านายวิสุทธิ์ หมายถึงใคร แต่สิ่งที่บอกได้คือห้องประชุมในวันนั้น พวกเราพร้อมที่จะยืดหยุ่นบางส่วน แต่กรอบในการยืดหยุ่นทางฝั่งรัฐบาลเองไม่สามารถตัดสินใจได้ จึงเป็นที่มาที่ต้องส่งให้นายวิสุทธิ์กลับไปคุยก่อน
เมื่อถามว่ามีอะไรอยากจะฝากไปถึงผู้ตัดสินใจตัวจริงหรือไม่นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าอยากฝากให้ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลัง อยากจะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ ตนคิดว่าสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือการที่ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง รัฐบาลก็ทำหน้าที่รัฐบาล ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเต็มที่
ส่วนที่นายทักษิณไล่ฝ่ายค้านให้ไปถามคนก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การตั้งญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงการเจรจาคำที่บรรจุในญัตติและกรอบระยะเวลา ตนสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง แต่ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ เป็นเพราะตัวแทนฝั่งพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาล ไม่ได้ส่งผู้มีอำนาจในการตัดสินใจตัวจริง
เมื่อถามว่าเป็นการดิสเครดิตพรรคประชาชนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนสื่อสารมาโดยตลอดว่าอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล อยู่ในฐานะที่ปรึกษา แต่การประชุมวิปร่วมตนเป็นคนเข้าประชุมด้วยตนเอง
“นายทักษิณ อาจจะยังไม่ทราบว่าภารกิจในอบจ.ลำพูน ผมเองก็มีส่วนสนับสนุนอยู่ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นเรื่องแพลตฟอร์มในการเก็บข้อมูล เร็วๆนี้จะเห็นอะไรอีกหลายอย่างที่ออกมาจากทางหัวหน้าพรรคด้วยเช่นเดียวกัน” นายณัฐพงษ์ กล่าว
พร้อมคุยถ้าเปลี่ยนสูตร 23+7
เมื่อถามว่านายวิสุทธิ์ออกมาระบุว่าสูตรเวลาอภิปรายอาจจะยืดหยุ่นให้เป็น 23+7 แล้ว คือฝั่งฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง รัฐบาล 7 ชั่วโมง รับได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อยู่ในกรอบที่พูดคุยกันได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมให้ชัดเจนคือไม่ว่าจะเป็นสูตรใดก็ตาม ถ้ายืนพื้นอยู่ที่ประมาณ 30 ชั่วโมง การอภิปราย 2 วันเป็นไปไม่ได้แน่นอน ถ้ายังไม่ปลดล็อกเรื่องนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เดินหน้าต่อได้ยาก
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวอีกว่าสำหรับเรื่องคำที่ใช้แทนนายทักษิณ ขอรอเจรจาเรื่องเวลาก่อนดีกว่า ส่วนให้ช้อยส์ชื่อได้หรือไม่ว่ามีอะไรบ้างนั้น ลองดูตามที่ท่านประธานสภาเคยให้ข่าวก็ได้มีการเปิดเผยรายชื่ออยู่เช่น บุคคลในครอบครัว อยู่ในกรอบประมาณนั้น ผู้สื่อข่าวถามว่าหล่อตามที่นายทักษิณ อยากได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าถ้าเป็นชื่อที่นายทักษิณเคยเรียกตัวเอง ก็พอเป็นไปได้อยู่ แต่การบรรจุคำในญัตติ ก็ต้องเป็นทางการ
เมื่อถามว่าโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่าได้การบ้านจากพรรคประชาชนและพลังประชารัฐไปเตรียมตัวแล้ว นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในฝ่ายค้านจะมีกระบวนการเตรียมเนื้อหาไปตามแต่ละพรรค แต่ในพรรคประชาชน ตนเชื่อมั่นว่าไม่มีข้อสอบรั่วแน่นอน อยากให้รัฐบาลเตรียมพร้อมตอบข้อซักถามของพวกเราให้ดี
‘เจี๊ยบ’โต้เดือด’แม้ว’ระบบนาย
ด้าน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.พรรคก้าวไกล ผู้สนับสนุนพรรคประชาชน และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจโพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้การให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่พาดพิงถึงพรรคประชาชนและนายธนาธรว่า“พวกเรากับธนาธรคือเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เราไม่เรียกใครว่านาย และไม่ยอมรับการเมืองระบอบนายใหญ่เหนือหัว”
“ไม่ต้องการติดหนี้บุญคุณธนาธร จึงเลือกใช้วิธีกู้ยืมเงิน เพื่อก่อตั้งพรรคประชาชนและได้ทยอยผ่อนคืนไปบ้างแล้ว ก่อนที่ศาลจะตัดสินว่าเงินกู้ดังกล่าวถือเป็นรายได้และส่งผลให้พรรคถูกยุบตามมา”นางอมรัตน์ ระบุ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนายทักษิณให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ถึงคำถามที่ว่า“ในการอภิปรายที่จะมีการพาดพิงตัวของนายทักษิณนั้น จะเกี่ยวกับประเด็นชักใยนายกรัฐมนตรี”และว่า”เป็นพรรคคนรุ่นใหม่ ต้องพยายามทำอะไรให้สร้างสรรค์ ต้องทำอะไรที่ดูแล้วน่าเชื่อถือ อย่าเป็นที่น่ารำคาญ หากทำอะไรที่น่ารำคาญ เดี๋ยวจะเสียไปอีกพรรค” และตอบคำถามที่ว่า ฝ่ายค้านระบุว่านายทักษิณเป็นนั่งร้านคอยอยู่ด้านหลังนายกรัฐมนตรี แรงเกินไปหรือไม่
“ต้องถามว่าประเด็นนี้ได้ปรึกษาผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่(ธนาธร)แล้วหรือไม่ เขาได้ปรึกษากันยังว่าจะเล่นประเด็นนี้”
คปท.ฉะสงครามนั่งร้าน’แม้ว-ธร’
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pichit Chaimongkol หัวข้อ “สงครามนั่งร้าน” ระบุว่า...ที่จริง ทักษิณ พูดกระทบ ธนาธร มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมาก คน 2 คน เคยไปนั่งคุยกันที่ฮ่องกงมาแล้ว แล้วที่ได้นั่งคุยกันได้ที่นั่น ทั้งคู่ก็อยู่ในสถานะ นั่งร้านของพรรคในสังกัดตัวเองทั้งสิ้น ทักษิณ นั่งร้าน เพื่อไทย ธนาธร นั่งร้านก้าวไกล สถานะของคนในพรรคก็อยากที่จะแยกให้เห็นความแตกต่าง
“วิวาทการเมืองยกแรกนี้ ถ้าเปรียบเหมือนรายการมวย ดูเหมือนว่า ทักษิณ จะดึงธนาธร มาชกก่อนเวลา ก่อนที่จะเปิดศึกซักฟอกจริง แต่ดูน้ำหนัก มวยก่อนเวลา มันเป็นคู่จริงที่ วงการมวยการเมืองเขารู้ดีว่า ทั้งคู่คือตัวจริงของทั้ง 2 ฝั่ง แต่ท้ายสุด การเมืองไทยจะวนมาเป็น สงครามนั่งร้าน แบบนี้ไม่ได้ มันน่าเบื่อเกินไป ฝ่ายค้านในเวลา ต้องพิสูจน์ตัวเอง ชกให้สุดหมัด อย่าแยบไปต่อรองไป ให้มวยในเวลามีราคากว่ามวยนอกเวลาซักหน่อย คนดูจะได้ประโยชน์”นายพิชิต ระบุทิ้งท้าย
‘เทพไท’กาง6ข้อ‘แม้ว’โชว์เก๋าข่มส้ม
ขณะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราชโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก”เทพไท-คุยการเมือง” หัวข้อว่า..ทักษิณ โชว์เก๋า ข่มพรรคส้ม ระบุว่า ขอวิเคราะห์คำให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ กรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) กรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมจะอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีชื่อนายทักษิณอยู่ในญัตติด้วย ซึ่งแยกเป็นประเด็นต่างๆได้ดังนี้ 1.นายทักษิณถามว่า ใส่ชื่อตนในญัตติเพื่ออะไร ตนไม่ได้เป็น ส.ส.ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี จะทำไปเพื่ออะไร หรือจะดิสเครดิตเพื่อวางเผื่อการเลือกตั้งครั้งหน้า เหลืออีก 2 ปี ขอให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งรีบเลือกตั้ง ไม่ต้องหาเสียง แสดงให้เห็นว่านายทักษิณมองว่าคู่แข่งสำคัญของพรรคเพื่อไทยในปี 2570 คือพรรคประชาชน 2.นายทักษิณตำหนิพรรคประชาชนว่า เป็นพรรคคนรุ่นใหม่ ต้องพยายามทำอะไรให้สร้างสรรค์ ต้องทำอะไรที่ดูแล้วน่าเชื่อถือ อย่าเป็นที่น่ารำคาญ หากทำอะไรที่น่ารำคาญ เดี๋ยวจะเสียไปอีกพรรค ซึ่งไม่แน่ใจว่านายทักษิณหมายถึงพรรคใด แต่ถ้าเป็นพรรคที่เคยต่อสู้กับนายทักษิณมายาวนาน น่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่กล้าเอ่ยชื่อพรรค เพราะตอนนี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่
3.เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านระบุว่านายทักษิณเป็นนั่งร้าน คอยอยู่ด้านหลังนายกรัฐมนตรี แรงเกินไปหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ต้องถามว่าประเด็นนี้ได้ปรึกษาผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่แล้วหรือไม่ เขาได้ปรึกษากันยังว่าจะเล่นประเด็นนี้ ซึ่งนายทักษิณพยามแสดงให้เห็นว่า ตนเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำจิตวิญญาณของพรรคประชาชน เพื่อตอกย้ำความหวาดระแวงของสังคม เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำจิตวิญญาณของทั้ง2พรรค
ทักษิณพยายามแก้ต่างให้รัฐบาล
4.เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านไม่ยอมถอนชื่อนายทักษิณออกจากญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีจะทำอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของประธานสภาฯ ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาล แสดงให้เห็นว่าสามารถสั่งการกดดันการทำหน้าที่ของประธานสภาได้ จึงโยนการตัดสินใจที่ประธานสภาเพียงคนเดียว 5.เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอให้นายกรัฐมนตรีพานายทักษิณ เข้าไปนั่งชี้แจงในสภาด้วย นายทักษิณกล่าวว่า “กติกาได้หรือเปล่า ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน โถ่ เป็นคนรุ่นใหม่ ทำอะไรให้มีรักษากติกาบ้าง” ซึ่งประเด็นนี้นายทักษิณคงไม่เข้าใจว่า เป็นข้อเสนอแบบประชดประชันของพรรคประชาชน
6.นายทักษิณบอกว่า ช่วงนี้นายกรัฐมนตรีทำงานหนักหน่อย เพราะปัญหาเศรษฐกิจต้องช่วยกันฟื้น ซึ่งตอนสมัยปี 2540 ที่มีปัญหาเศรษฐกิจตอนนั้น เป็นเหมือนบ้านที่หลังคาพัง ซ่อมง่าย แต่วันนี้พังโดยฐานราก ต้องใช้เวลาในการซ่อม แต่ต้องใช้เวลาหน่อย ต้องให้เวลารัฐบาล ซึ่งนายทักษิณพยายามแก้ต่างให้รัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เคยหาเสียงไว้ว่าเป็นมือแก้เศรษฐกิจ จนถึงบัดนี้เป็นรัฐบาลมา2ชุดแล้ว ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ จึงพยายามโยนความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับรัฐบาล คสช.
วิปรบ.ยันชงตีความประชามติ17มีค.
ในส่วนของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)ให้สัมภาษณ์กรณีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่6ในวันที่17มี.ค.นี้ที่จะเสนอญัตติด่วน เรื่อง ขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง(2)ในประเด็นทำประชามติก่อนการแก้รัฐธรรมนูญจะผ่านฉลุยหรือไม่ว่าอย่าไปว่าอย่างนั้น เราจะไปตัดสินใจแทนคนอื่นไม่ได้ แต่เราก็หวังว่ามันจะฉลุย หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น
พร้อมยืนยันอีกว่าจะใช้ญัตติให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยของตนเป็นหลัก
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับและมองว่าเรื่องต่างจากการยื่นครั้งก่อนหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า วันก่อนที่เสนอไป นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เสนอเข้าไป ขณะนั้นมีความสับสนหลายเรื่องหลายอย่าง ครั้งนี้ตนมีความมั่นใจว่าจะทำสำเร็จถึงยื่นเข้าไป แต่เราจะว่า 100% ไม่ได้ เพราะเราบังคับใจใครไม่ได้ วันนั้นกับวันนี้มันต่างกัน “น้ำใสเปลี่ยนใจปลา กาลเวลาเปลี่ยนใจคนนะ”นายวิสุทธิ์ กล่าว
เผย‘ภท.’ไม่ติดใจชงตีความ
เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยแล้วใช่หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการเจรจาวิปรัฐบาล แต่จากการสอบถามเขาว่ายังติดใจหรือไม่ เขาบอกว่าไม่ได้ติดใจ ก็ฟังเขาไป ถึงเวลาวันจันทร์นี้รู้เรื่อง
“มีการทักทายว่าคุณว่ายังไง ผมจะทำเรื่องนี้เข้าไปเขาว่าเขาไม่ได้ขัดข้อง วันนั้นอาจมีการสับสนบ้าง อะไรบ้างเกิดขึ้นได้ แต่วันนี้หลายอย่าง เราก็บอกในเมื่อมันไปไม่ได้ ทำไมไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทำได้หรือไม่ได้ก็แค่นั้นเอง จะได้จบข้อกังขาของทุกฝ่าย ไม่ต้องมากล่าวหากันว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ มันจะได้เรียบร้อยสักทีหนึ่ง ก็ไม่ได้มีอะไร ถ้าศาลรัฐธรรมนูญให้ทำเราก็ทำ ถ้าไม่ให้ทำเราก็หยุดแค่นั้นเอง แสดงว่าเราได้ทำแล้ว เจตนาเราคือเราได้ทำแล้ว นี่คือเจตนาหลัก”นายวิสุทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าหากสุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญสามารถให้แก้รัฐธรรมนูญได้เลย และมีการทำประชามติ 2 ครั้ง คิดว่าจะสามารถเสร็จทันในปีนี้หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ปีนี้ไม่น่าเสร็จ แต่เราพยายามทำให้ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ได้ในสมัยนี้ก็บุญแล้ว
ดิเรกฤทธิ์เขย่าชั้น14
ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความระบุว่า...การเมืองทุจริต เศรษฐกิจย่ำแย่ปชช.เดือดร้อน และบ้านเมืองจะวุ่นวาย เพราะความยุติธรรมที่ล้าช้า...
“กรณีนักโทษชั้น 14”แพทยสภาและปปช.จะทำงานเสร็จกี่โมง?
“การจับทุจริตเลือก สว.” ดีเอสไอ.กกต.และ ศรธน.ทำอะไรบ้างและจะเสร็จกี่โมง?
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี