รุมอัดรบ.!‘พระราม2’ถล่มซ้ำซาก
จี้‘สุริยะ’ลาออก
พปชร.ซัดต้องรับผิดชอบ
ปล่อยให้เกิดเหตุบ่อยครั้ง
สส.ปชน.ชี้ไม่ใส่ใจแก้ปัญหา
แฉสมุดตัดคะแนนยังไม่เรมใช้
โฆษกพรรคพลังประชารัฐเรียกร้องความรับผิดชอบจากรัฐบาล กรณีคานสะพานถนนพระราม 2 ถล่มทำให้มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิตจำนวนมากชี้เกิดเหตุซ้ำซากต่อเนื่อง ซัดถ้าเป็นตปท.ที่เจริญแล้ว รมต.ที่มีสปิริตจะรับผิดชอบด้วยการลาออก ไม่เกาะเก้าอี้ เมินความเสียหายของปชช.ขณะที่ “สส.สมุทรสาคร” จี้ถาม “สุริยะ” ใส่ใจแก้ปัญหา “ถนนพระราม 2”บ้างหรือไม่ สอนมวยแก้ปัญหาที่รากเหง้าของต้นตอดีกว่าด้านอดีต สส.สามารถฉะพูดได้อย่างไรว่าเป็นเหตุสุดวิสัย
กรณีเกิดเหตุทางยกระดับทางทรุดตัวซึ่งเป็นโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก สัญญาที่ 3 ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมานั้น
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ออกมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากรัฐบาล กรณีคานสะพานถนนพระราม 2 ช่วงซอย 17-25 ถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ผู้บาดเจ็บมากกว่า 27 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมากว่า ปัญหาการก่อสร้างถนนพระราม 2 ล่าช้า กินเวลานานและก่อให้เกิดปัญหาการจราจรและเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วง ปี 2567-68 เกิดเหตุหลายครั้ง เกิดความสูญเสียจำนวนมาก เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2667 เกิดเหตุลวดสลิงขาด ทำให้กระเช้ารถเครน หล่นทับคนงาน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2567 นั่งร้านก่อสร้างตอม่อทางยกระดับ พระราม 2 ล้มขวางถนนพระราม 2 (โครงการก่อสร้างทางด่วนมอเตอร์เวย์ พระราม 2) ไม่มีผู้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 แผ่นเหล็กก่อสร้างทางยกระดับ หล่นลงใส่กระโปรงรถยนต์ที่วิ่งบนถนนพระราม 2 รถยนต์ได้รับความเสียหาย 1 คัน ไม่มีผู้เสียชีวิต
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2567 สะเก็ดไฟที่เกิดจากการก่อสร้างสะพานยกระดับ ร่วงใส่รถยนต์ที่วิ่งผ่านมาถนนพระราม 2 ช่วงบริเวณวัดยายร่ม ไม่มีผู้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 คานเหล็กก่อสร้างทางยกระดับ พระราม 2 ถล่มทับ คนงานก่อสร้างมีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 5 ราย ติดอยู่ใต้ซากกว่า 30 ราย บาดเจ็บ 27 ราย เป็นชาย 20 ราย หญิง 7 ราย
พล.ต.ท.ปิยะกล่าวต่อว่า ส่วนที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและรมว. คมนาคม จะกำหนดสมุดพก และคุยกับกรมบัญชีกลางเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆนั้น เป็นมาตรการที่ช้าเกินไปและไม่ได้ผล กระทรวงคมนาคม ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้างและวิศวกรรมจราจรอยู่จำนวนมาก ต้องเร่งประสาน วิศวกรรมสถาน,สภาวิศวกร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง โดยต้องให้ความสำคัญกับการสืบสวนอุบัติเหตุ หรือ AI : accident investigation ซึ่ง เป็นการแสวงหาและรวบรวมหลักฐาน เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อสรุปว่าสาเหตุเกิดขึ้นจากสิ่งใด เป็นความผิดของผู้ใด และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดได้รวดเร็ว ไม่ใช่ปล่อยให้คดีล่าช้ามากว่า 4 เดือน แล้วปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินพี่น้องประชาชนจำนวนมากมาย ถ้าคนทำผิด ถูกดำเนินคดี และติดคุก อย่างเป็นธรรมและเสมอภาค ใครทำผิดก็ขึ้นแบล็กลิสต์ ทุกคนอยู่ในกติกาเดียวกัน มาตรฐานเดียวกัน ทุกคนจะใช้ความระมัดระวังและป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุเกิด ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุเป็นรายวันเช่นนี้
“หากเป็นต่างประเทศที่เจริญแล้ว รัฐมนตรีที่มีสปิริตจะรับผิดชอบด้วยการลาออก ไม่ทู่ซี้ เกาะเก้าอี้ เฉยเมยกับความสูญเสียของพี่น้องประชาชน และรมว. คมนาคมให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ว่าจะเร่งรัดการก่อสร้าง ในถนนพระรามให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน 2568 เหลือเวลาอีกไม่ถึง 3 เดือน การก่อสร้างยังไม่ถึงไหน เป็นการสร้างฝันลมๆแล้งๆ หลอกลวงประชาชนไปวันๆ” โฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าว
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐพงษ์สุมโนธรรม สส.สมุทรสาคร พรรคประชาชน (ปชน.) พร้อมสส.กทม. พรรค ปชน. ลงพื้นที่ตรวจดูเหตุคานสะพานก่อสร้างทรุดตัวบนถนนพระราม2 พร้อมเปิดเผยว่า ตนในฐานะ สส.เขตพื้นที่ที่เคยเกิดเหตุการณ์คานถล่มบนถนนพระราม 2 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา วันนี้มาลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ในเขตพื้นที่ที่ติดต่อกันก็มาเกิดอุบัติเหตุการก่อสร้างขึ้นอีกแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในยุคนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม จึงต้องตั้งคำถามว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว ได้มีมาตรการอะไรเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุขึ้นอีก
“แต่ที่น่าตกใจคือ สมุดบันทึกตัดคะแนนผู้รับเหมา ยังไม่เริ่มใช้ จะเริ่มใช้ได้เดือนเมษายน ซึ่งเกิดคำถามว่าปล่อยเวลาผ่านไป ไม่ได้มีการเอาใจใส่แก้ปัญหาหรืออย่างไร แม้ผมจะเห็นว่าการใช้มาตรการสมุดบันทึกผู้รับเหมา เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาความปลอดภัย เพราะจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเกิดเหตุแล้วถึงจะตัดคะแนน แล้วก่อนก่อสร้าง ระหว่างการก่อสร้าง มีมาตรการควบคุมเพียงพอแล้วหรือไม่” นายณัฐพงษ์ กล่าว
และว่า การก่อสร้างขนาดใหญ่ จำเป็นต้องมีการควบคุมทุกขั้นตอน เพราะมีผลต่อความปลอดภัย เมื่อเกิดเหตุการณ์บ่อยๆซ้ำๆ ก็ต้องมาดูแล้วว่า มีปัญหาที่โครงสร้างหรือไม่ จึงต้องแก้ที่โครงสร้าง มาตรการควบคุมเรื่องคน เรื่องเครื่องจักรเพียงพอหรือไม่ กฎหมายมีช่องโหว่หรือไม่ กฎหมายควบคุมเครื่องมือที่เป็นของใหม่ของประเทศไทยมีแล้วหรือไม่
ทั้งนี้ การเก็บหลักฐานหน้างาน ทำถูกต้องตามหลักวิชาหรือไม่ มี Third Party เข้ามาร่วมสังเกตการณ์หรือไม่ เพื่อให้การตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้น ถูกต้อง ตรงไปตรงมา เมื่อรู้สาเหตุจะได้ป้องกันแก้ไขได้ถูกต้องเข้าใจดีว่าอยากเร่งให้เสร็จโดยเร็วตามที่รัฐมนตรีประกาศ แต่ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งก็ควรมีการเปิดเผยข้อมูลความคืบหน้าให้ประชาชนได้ทราบอยู่เป็นประจำด้วย
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเราทุกคน เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัย อาจไม่ใช่แค่ที่ถนนพระราม 2 แต่อาจเกิดที่ไหนอีกก็ได้ หากรากเหง้าปัญหาไม่ได้ถูกแก้ไขที่ต้นตอ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนหน้างาน ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือประชาชนที่ต้องสัญจรผ่านโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่จะปลอดภัย จึงจำเป็นต้องหาสาเหตุอย่างตรงไปตรงมา สรุปบทเรียนและแก้ปัญหาที่ต้นตอ”นายณัฐพงษ์ กล่าว
สอดคล้องกับความเห็นของนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ชำนาญด้านโครงการและแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชน และท่าอากาศยาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในประเด็น “พูดได้ไง?”ว่า วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากการก่อสร้างทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ซึ่งจะเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ที่กำลังก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย หลังเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ผู้แทนวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)คนหนึ่งได้ไปตรวจดูพื้นที่พร้อมให้สัมภาษณ์สรุปได้ว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ “เป็นเหตุสุดวิสัย” ที่เกิดจากสภาพการเปลี่ยนแปลงของดิน ทำให้การรับน้ำหนักปูนกว่า 10 ตันเกิดการเอียง จนตัวแม่แบบหลุดออกมาและถล่ม ตนในฐานะวิศวกรและสมาชิก วสท. คนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว เนื่องจากการอ้างว่า “เป็นเหตุสุดวิสัย” นั้น เป็นการให้สัมภาษณ์โดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดตามหลักวิศวกรรม
นายสามารถกล่าวว่า “เหตุสุดวิสัย” หมายถึงสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้รับผิดชอบ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ แม้ว่าจะใช้ความระมัดระวังหรือพยายามป้องกันแล้วก็ตาม แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้จริงหรือ? และผู้รับผิดชอบได้ใช้ความระมัดระวัง หรือได้พยายามป้องกันแล้วจริงหรือ ตนไม่เชื่อว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ ถ้าผู้รับผิดชอบใช้ความระมัดระวังหรือพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ตามหลักวิศวกรรม
“ด้วยเหตุนี้ การฟันธงลงไปว่า เป็นเหตุสุดวิสัย ในทางกฎหมายอาจถูกใช้เป็นข้ออ้างเพื่อยกเว้นความผิด หากมีการระบุไว้ในสัญญาว่า กรณีเกิดเหตุสุดวิสัย ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น วสท.เป็นสมาคมวิชาชีพด้านวิศวกรรมที่มีความสำคัญ เป็นที่เชื่อถือและยอมรับของสังคม ดังนั้น การแสดงความคิดเห็นในนาม วสท.ต้องใช้ความเป็นมืออาชีพ ต้องยึดหลักวิศวกรรมเป็นสำคัญ สร้างความน่าเชื่อถือ ต้องไม่ทำให้สังคมเกิดความคลางแคลงใจ ทั้งหมดนี้ ด้วยความหวังดีต่อ วสท. อยากให้ วสท.เป็นที่เชื่อถือและยอมรับจากสาธารณชนตลอดไป”นายสามารถกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี