ยืนกรานให้พ่นน้ำลายแค่23ชม.
พท.มัดปากฝ่ายค้าน
วอนสส.ลุกประท้วงให้น้อยที่สุด
‘รังสิมันต์’ย้ำต้องตกลงกันใหม่
โพลล์เชื่อซักฟอกล้ม‘อิ๊งค์’ไม่ได้
ประธานวิปรัฐบาล ยืนกรานให้ฝ่ายค้านพ่นน้ำลายในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแค่ 23 ชั่วโมง เท่านั้น ขณะที่ “โรม” ยังตั้งแง่ต้องได้มากกว่านั้นรอประชุม 2 ฝ่ายชี้ขาดด้านนิด้าโพลเชื่อฝ่ายค้านมีข้อมูลสำคัญแต่ล้ม“อุ๊งอิ๊งค์”ไม่ได้
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการเจรจากรอบเวลาการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 กับพรรครัฐบาล ว่า ตนเชื่อว่าในวันที่ 19 มีนาคมที่จะมีการนัดประชุมร่วมกับรัฐบาลอีกครั้งนั้น จะสามารถหาข้อสรุปได้ แต่คงต้องอยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลด้วยว่าเขาจะว่าอย่างไร ซึ่งเราก็ประกาศชัดเจนว่าเราต้องการอะไรและทางฝั่งรัฐบาลก็ทราบว่าเราต้องการอะไร หากอยากให้ทุกอย่างเดินต่อได้ ตนคิดว่าก็ควรที่จะต้องมีข้อสรุปในส่วนนี้ที่ชัดเจน ยืนยันว่าเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน
ย้ำเป็นเวทีของฝ่ายค้าน
“เวทีนี้เป็นเวทีของฝ่ายค้าน เราอยากได้เวลาในการอภิปรายเต็มที่ และเราก็อยากให้รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีในการตอบข้อชี้แจงต่างๆ ในประเด็นที่ฝ่ายค้านกล่าวหาที่มากเพียงพอ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อฝ่ายรัฐบาลเอง หากรัฐบาลเชื่อว่าตัวเองมีผลงานเยอะโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรกับเรื่องนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวว่าเวลาในการอภิปรายมันจะเยอะเกินไป เพราะถึงที่ตรวจหากนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่ทำงานได้ดี ท่านก็สามารถที่จะตอบชี้แจงในสภาได้อยู่แล้ว” นายรังสิมันต์ กล่าว
ย้ำต้องได้30 ชั่วโมง
เมื่อถามว่า เบื้องต้นยังยืนยันว่าฝ่ายค้านจะขอเวลา 30 ชั่วโมงใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรายืนยันเหมือนเดิม แต่ขั้นตอนแรกก่อนที่จะคุยกันเรื่องจำนวนชั่วโมงนั้น เรายืนยันว่าไม่ควรที่จะนำแนวคิดเรื่องกรอบเวลาสองวันมาวางก่อน เพราะไม่ได้ตอบอะไรเลย หรือว่ารัฐบาลไม่มีผลงานเพียงพอที่จะชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านได้มาก จึงไม่ต้องการเวลาเยอะเพื่อจะตอบชี้แจงใช่หรือไม่
เมื่อถามถึง กรณีที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เสนอสูตร 23+7 คือฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง และฝ่ายรัฐบาล 7 ชั่วโมง มองว่ามีความเป็นไปได้มองน้อยเพียงใด นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตกลงนี่คือเวทีของใคร เป็นการเสนอญัตติโดยนายวิสุทธิ์หรือพรรค พท. หรือเป็นการเสนอญัตติโดยฝ่ายค้าน ฝ่ายค้านรู้ดีที่สุดว่าเราต้องการเวลาเท่าไหร่ และเราก็พยายามเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้นายกรัฐมนตรีมีเวลาชี้แจงต่อสภาเยอะๆ เราอยากเห็นนายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นผู้นำในสภา เชื่อว่าประชาชนจำนวนมากอยากเห็นนายกรัฐมนตรีแสดงข้อมูลหักล้างในข้อกล่าวหาที่ฝ่ายค้านเตรียมไว้
รอเจรจารอบสุดท้าย
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าหากทั้งสองฝ่ายมีเวลาเยอะ ซึ่งคงจะไม่ได้เยอะแบบเจ็ดวันเจ็ดคืนอยู่แล้ว แต่อยู่ในระดับที่เหมาะสม ตนคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนายกรัฐมนตรี ต่อประชาชน และต่อการทำงานในสภา ยืนยันว่าวันนี้ฝ่ายค้านต้องมีเวลาที่เพียงพอ และคนที่จะตอบได้ว่าเพียงพอหรือไม่นั้น ไม่ใช่นายวิสุทธิ์ที่ทำหน้าที่เป็นประธานวิปรัฐบาล
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคอื่นเรื่องกรอบเวลาแล้วบ้างหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นั่นจะเป็นขั้นตอนของนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน
เมื่อถามถึง ความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขคำในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอให้อดใจรออีกนิด เดี๋ยวคงจะมีการเปิดเผยได้ในไม่ช้า” ต่อข้อถามว่า จะเป็นสัปดาห์หน้าเลยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า “คิดว่าน่าจะราวๆ นั้น ไม่ช้าหรอก เบื้องต้นอาจจะมีเรื่องของเงื่อนเวลา ที่ตอนนี้อยู่ระหว่างการประสานงานทั้งทางด้านธุรการต่างๆ ด้วย แต่คิดว่าจะมีรายละเอียดออกมาในเร็วๆ นี้
โพลเชื่อมีประท้วงวุ่นวาย
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น“นิด้าโพล”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “จะได้อภิปรายแค่ไหน” จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในสภา จากการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อความวุ่นวาย หากมีการประท้วงในสภาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 49.08 ระบุว่า จะมีความวุ่นวายบ้าง รองลงมา ร้อยละ 26.26 ระบุว่า จะไม่มีความวุ่นวายเลย และร้อยละ 24.66 ระบุว่า จะมีความวุ่นวายมาก
เมื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ระบุว่าจะมีความวุ่นวายมาก และจะมีความวุ่นวายบ้าง (จำนวน 966 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับความวุ่นวายในระหว่างการอภิปราย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 55.38 ระบุว่า จะมีความวุ่นวาย แต่ประธานในที่ประชุมจะควบคุมสถานการณ์ได้ รองลงมา ร้อยละ 24.53 ระบุว่า จะมีความวุ่นวายมาก จนกระทั่งต้องมีการพักการประชุมบ่อยครั้ง ร้อยละ 23.29 ระบุว่า จะมีการประท้วงกันจนการอภิปรายไปต่อไม่ได้ ร้อยละ 21.74 ระบุว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ และประท้วงด้วยการเดินออกจากห้องประชุม (Walk Out) ร้อยละ 20.50 ระบุว่าจะมีความวุ่นวาย จนกระทั่งประธานไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ร้อยละ 20.39 ระบุว่า จะมีการใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย ไม่เหมาะสมในสภา ร้อยละ 13.25 ระบุว่า จะมีความวุ่นวายมาก จนกระทั่งมีการรวบรัดขอปิดการอภิปรายและลงมติเลย ร้อยละ 4.45 ระบุว่า จะมีการต่อยตีกันเหมือนการประชุมสภาในต่างประเทศ และร้อยละ 3.00 ระบุว่า จะมีการปลุกม็อบนอกสภา
ฝ่ายค้านมีข้อมูลสำคัญ
ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลของฝ่ายค้านในการอภิปรายที่อาจนำไปสู่การล้มรัฐบาลได้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 66.79 ระบุว่า จะมีข้อมูลสำคัญในการอภิปราย แต่ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า จะไม่มีข้อมูลสำคัญในการอภิปราย และไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ ร้อยละ 11.30 ระบุว่า จะมีข้อมูลสำคัญในการอภิปราย จนถึงขั้นล้มรัฐบาลได้ และร้อยละ 2.60 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของฝ่ายค้านตามข้อเสนอของประธานสภา ให้ถอนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 37.48 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรยืนยันตามญัตติเดิม และรอจนกว่าประธานสภายอมบรรจุในวาระการประชุม รองลงมา ร้อยละ 32.44 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรทำตามข้อเสนอเพื่อจะได้เปิดอภิปรายได้ ร้อยละ 10.08 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ร้อยละ 9.16 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรขอถอนญัตติ และเลิกล้มที่จะอภิปราย ไม่ว่าจะเป็นในหรือนอกสภา ร้อยละ 6.57 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรยืนยันตามญัตติเดิม และออกไปอภิปรายนอกสภาแทน และร้อยละ 4.27 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรขอถอนญัตติ และออกไปอภิปรายนอกสภาแทน
ฝ่ายค้านล้มรัฐบาลไม่ด้
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีจะเป็นไปตามกำหนดการเดิมหรือมีการเปลี่ยนแปลง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.73 ระบุว่า จะเป็นไปตามกำหนดเดิม รองลงมา ร้อยละ 38.32 ระบุว่า จะมีการเลื่อนออกไประยะหนึ่ง ร้อยละ 4.43 ระบุว่า จะไม่มีการอภิปรายเกิดขึ้น และร้อยละ 2.52 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงนักการเมืองที่ประชาชนสนใจจะฟังในการเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.99 ระบุว่าเป็น นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร รองลงมา ร้อยละ 34.35 ระบุว่าเป็นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน และร้อยละ 11.83 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน
พท.แนะฝ่ายค้านต้องถอย
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี ความคืบหน้าการเจรจากรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีกับพรรคฝ่ายค้าน ที่ยังไม่สามารถตกลงกรอบเวลากันได้ ว่า รัฐบาลใจกว้างและยอมถอยสุดๆแล้ว เหลือแต่ฝ่ายค้าน ที่ยังไม่ยอมถอย ถ้าตกลงกันได้การอภิปรายก็สามารถเดินหน้าได้ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้การกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจล่าช้า หรืออาจไม่ทันสมัยประชุมนี้ที่จะปิดสมัยประชุมในวันที่ 10 เมษายน การที่ฝ่ายค้านเสนอกรอบเวลาอภิปรายเฉพาะฝ่ายค้านอย่างเดียว 30 ชั่วโมง ขอเวลาอภิปราย 3 วัน ไม่รวมลงมติอีก 1 วัน นั้น มากเกินไป ไม่สมเหตุสมผล รัฐบาลเสนอในกรอบเวลา 30 ชั่วโมง ให้เป็นของฝ่ายค้าน 20 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 10 ชั่วโมง ใช้เวลาอภิปราย 2 วัน ไม่รวมลงมติอีก 1 วัน ถ้าฝ่ายค้านยอมถอย การกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจก็สามารถเดินหน้า หรือในกรอบเวลา 30 ชั่วโมง ให้เป็นของฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 7 ชั่วโมง ที่รัฐบาลถอยสุดๆแล้ว ถ้าฝ่ายค้านไม่ยอมถอยก็ไม่สามารถตกลงกันได้ เวลาบีบเข้ามาทุกขณะสมัยประชุมนี้จะปิดในวันที่ 10 เมษายน ถ้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้รัฐบาลไม่ได้เดือดร้อนจึงต้องถามฝ่ายค้านว่าแท้จริงแล้วมีข้อมูลเด็ดหรือมีความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่
“ รัฐบาลใจกว้างและถอยสุดๆแล้วอยู่ที่ฝ่ายค้านว่าจะยอมถอยหรือไม่ เก่งไม่กลัว กลัวช้า ฝ่ายค้านต้องรีบหาข้อสรุปเพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เดินหน้า” นายอนุสรณ์ กล่าว
ยืนกรานให้เวลาฝ่ายค้าน 23 ชม.
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ในวันที่ 18 มี.ค.พรรคเพื่อไทยจะประชุมเพื่อหารือถึงกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีที่ชัดเจนว่าควรใช้เวลาเท่าใด ส่วนการให้เวลาฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง และฝ่ายรัฐบาล 7 ชั่วโมงในการอภิปรายนั้น ต้องรอดูว่าที่ประชุมพรรคเพื่อไทยจะเห็นว่าอย่างไร แต่ถ้าจะให้เวลาฝ่ายค้านอภิปรายถึง 30 ชั่วโมง ใช้เวลา 3 วันและลงมติอีก 1 วันเป็นเวลาที่มากเกินไป จะพูดอะไรฝ่ายเดียว 30 ชั่วโมงแค่อภิปรายนายกฯ คนเดียว จากกรอบเวลา 30 ชั่วโมง เต็มที่คงให้ฝ่ายค้านได้แค่ 23 ชั่วโมงเท่านั้น
เลี่ยงประท้วงให้น้อยที่สุด
นายวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ฝ่ายค้านยอมตัดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ยังไม่ทราบว่าเปลี่ยนไปใช้คำว่าอะไร เมื่อเปลี่ยนคำแล้วขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ จะอนุญาตหรือไม่
เมื่อถามว่าหากฝ่ายค้านถอดชื่อนายทักษิณออกจากญัตติเปลี่ยนไปใช้คำอื่น เช่น พ่อนายกฯ หรือคำอื่นๆ ยืนยันหรือไม่พรรคเพื่อไทยจะไม่ประท้วงตอนอภิปราย นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเรายิ่งประท้วงก็ยิ่งเสียเวลาอภิปรายของฝ่ายรัฐบาลที่มีอยู่น้อยอยู่แล้ว จะพยายามหลีกเลี่ยงการประท้วงให้มากที่สุด การจะประท้วงต้องดูว่าคำพูดนั้นสร้างความเสียหายให้คนนอกหรือไม่ เพราะบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงไม่สามารถมาชี้แจงได้ในสภาฯ ถ้าเข้ามาตอบได้คงไม่เป็นไร หากกล่าวถึงคนนอกจนเกินเลย สร้างความเสียหาย และประธานไม่ทักท้วง เราก็ต้องทักท้วงบ้าง เพราะเขาไม่สามารถมาชี้แจงได้ ส่วนตัวแม้อยากให้ประท้วงน้อยที่สุด แต่คงไปห้ามปาก ส.ส.คนอื่นไม่ให้ประท้วงไม่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี