‘สุริยะ’เผย‘นายกฯ’สั่งลงดาบ‘แพ่ง-อาญา’หากผลสอบพบเป็นความผิดผู้รับเหมา เหตุคานเหล็กถล่ม‘พระราม 2’บอกใช้‘พ.ร.บ.จัดจ้าง’ขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมาได้ ไม่ต้องรอ‘สมุดพก’เสร็จเม.ย.นี้ ชี้เกิดซ้ำซากไม่ได้หละหลวม แต่เกิดจากประมาท ยันถนนสร้างทันกรอบเดิมสิ้นปี 68 แน่นอน
เมื่อเวลา 11.20 น.วันที่ 17 มีนาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมหารือถึงการวางมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างถนนและเส้นทาง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีเกิดเหตุคานเหล็กถนนพระราม 2 ในโครงการทางทางพิเศษสายพระราม3-ดาวคะนอง ว่า วันนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ตนเชิญหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (รฟม.) มารายงานถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งมีผู้เสียชีวิต โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการว่าหากมีการตรวจสอบแล้ว หากเกิดจากความผิดของบริษัทผู้รับเหมา หรือผู้ควบคุมงาน ก็ให้ใช้กฎหมายที่มีอยู่ ตามบทลงโทษสูงสุดมาตรา 109 หมวด 12 ในพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้าง ปี 2560 ว่าด้วยการทิ้งงาน
เมื่อถามว่ามีการรายงานถึงมาตรการสมุดพกเพื่อตัดแต้มผู้รับเหมาหรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ทางอธิบดีกรมบัญชีกลางระบุว่า มาตรการปัจจุบันตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง สามารถนำเรื่องดังกล่าวเข้ามาใช้ได้เลย ไม่ต้องรอมาตรการสมุดพก ซึ่งแต่ละกรมต้องใช้ดุลยพินิจ และทางเจ้าหน้าที่ก็ห่วงว่าอาจถูกฟ้องร้องได้ อย่างไรก็ตามคิดว่าควรตรวจสอบให้ชัดเจน และหากเป็นความบกพร่องของผู้รับเหมา ก็ยืนยันว่าจะใช้มาตรการสูงสุด
เมื่อถามว่าจะสามารถเอาผิดผู้รับเหมาได้หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้เพิ่งเกิดเมื่อ 2 วันที่แล้ว ซึ่งการทางพิเศษจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง คงใช้ระยะเวลาการตรวจสอบไม่เกิน 1 เดือน
ส่วนจะมีมาตรการอะไรในการป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ในช่วงนี้ยังมีการก่อสร้างต่อเรื่อยๆ และมีประชาชนที่สัญจรผ่านยังบริเวณดังกล่าวห่วงเรื่องความปลอดภัย ตนจึงเสนอให้วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ วสท. ตรวจสอบกระบวนการและจะจัดจ้างที่ปรึกษา เพื่อดูกระบวนการทั้งหมด คำนวณความปลอดภัยในการก่อสร้างสูง ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงได้มีการขอร้องที่ปรึกษาโดยไม่จ่ายค่าจ้าง แต่ขณะนี้คิดว่าต้องมีการจ้างให้เป็นกิจจะลักษณะ เพื่อให้มีบุคลากรมาช่วยดูแล
เมื่อถามว่าจะต้องมีการเอาผิดบริษัทที่ปรึกษาด้วยหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า หากเป็นความผิดพลาดของที่ปรึกษา ก็ต้องดำเนินคดีอาญา รวมไปถึงฟ้องทางแพ่ง และหากผิดพลาดก็ต้องยึดใบอนุญาตของที่ปรึกษาด้วย
เมื่อถามว่า หากโครงการนี้แล้วเสร็จ ประชาชนจะมั่นใจได้หรือไม่ว่า โครงสร้างจะแข็งแรง นายสุริยะ กล่าวว่า ทุกโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จยังไม่มีโครงการไหนที่ไม่แข็งแรง เพราะตอนออกแบบใช้มาตรการที่เป็นไปตามวิศวกรรม เพียงแต่อุบัติเหตุที่เกิดระหว่างการก่อสร้างเกิดจากความประมาทจากผู้รับเหมา
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน จะต้องมีการไปตรวจสอบระหว่างการก่อสร้างหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้เกิดจากวัสดุในการก่อสร้าง แต่เกิดจากบริษัทผู้รับเหมาและลูกจ้างไม่ได้ทำตามขั้นตอน ซึ่งวัสดุในการก่อสร้างกรมทางหลวงตรวจสอบตลอดเวลาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าการเกิดเหตุซ้ำแบบนี้ถือเป็นการหละหลวมในเรื่องของมาตรฐานหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ตนได้กำชับกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท รฟม. และหน่วยที่ต้องก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ รวมถึงกำชับให้ตัวอธิบดีไปพูดคุยกับผู้รับเหมา โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้เชิญผู้รับเหมามาย้ำเรื่องความปลอดภัย แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นมาอีก
“ผมจึงได้มีการเสนอมาตรการสมุดพก ที่จะให้มีการตัดคะแนนผู้รับเหมา โดยมีเหตุการณ์จนถึงการสูญเสีย ก็จะมีการขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมารายนั้น ไม่สามารถเสนอราคาประมูลงานได้ จึงจะทำให้ผู้รับเหมาทำงานด้วยความระมัดระวัง เพราะหากโดนขึ้นบัญชีดำ 2 ปี อาจจะทำให้บริษัทนั้นล้มละลายได้ แต่ทางกรมบัญชีกลางเสนอว่าไม่จำเป็นต้องรอมาตรการสมุดพก ออกมาตรการที่กรมบัญชีกลาง มีอยู่สามารถดำเนินการได้ แต่เจ้าหน้าที่เป็นห่วงเนื่องจาก จะต้องมีการใช้ดูแลพินิจของหน่วยงาน” นายสุริยะ กล่าว
เมื่อถามว่าได้มีการขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมา ในเหตุการณ์ครั้งก่อนหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งก่อนยังไม่มีการขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมา เนื่องจากอยู่ระหว่างการทำมาตรการสมุดพก ของกรมบัญชีกลางและหน่วยงานรับผิดชอบสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ
เมื่อถามว่ามาตรการสมุดพก จะแล้วเสร็จและสามารถบังคับใช้ได้เมื่อใด นายสุริยะกล่าวว่า จะสามารถบังคับใช้ได้ก่อนสิ้นเดือนเมษายน
ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ ที่ไม่สามารถเอาผิดผู้รับเหมาได้ นายสุริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยพยายามแล้วแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะในสัญญาไม่มีการ กำหนดข้อห้ามรับงานไว้ จึงมีความคิดทำมาตรการสมุดพกขึ้นมา เพื่อวางแนวทางการทำงานกับผู้รับเหมาให้ได้
เมื่อถามว่ากระทรวงคมนาคม จะทบทวนเกี่ยวกับการแบ่งสัญญาการรับเหมาหรือไม่ เนื่องจากถนนพระราม 2 มีการซอยสัญญาก่อสร้างค่อนข้างมาก นายสุริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการซอยสัญญา แค่ไม่กี่กิโลเมตรก็มีหลายสัญญา เช่นถนนพระราม 2 มีถึง 14 สัญญา และบางสัญญาณไม่แล้วเสร็จ ทำให้เกิดฟันหลอ ที่เหลือก็ต่อเนื่องไม่ได้ ก่อนจึงสั่งการไปว่า ต่อไปนี้ต้องแบ่งสัญญาเท่าที่จำเป็น จะไม่ให้มากเกินไป
เมื่อถามว่าในโซเชียลมีเดียมีการตั้งคำถามเรื่องความเชื่อ จะมีการนำยักษ์มาแบกเสา เช่นเดียวกัน ถนนวิภาวดี - รังสิต หรือไม่ นายสุริยะ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว โดยระบุว่า การที่ประชาชนไม่มั่นใจ ตนเข้าใจความรู้สึก จึงมีความคิดจะออกมาตรการ หากการก่อสร้างมีอุบัติเหตุมีแนวคิดห้ามผู้รับเหมารับงาน และมาตรการนี้จะทำให้ผู้รับเหมาระมัดระวัง มากยิ่งขึ้น แต่ระหว่างนี้ยังมีการก่อสร้างอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็จะจ้างสภาวิศวกรรมสถานฯ มาช่วยตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อให้ได้มาตรฐานมากขึ้น
ส่วนที่มีเสียงเรียกร้องจากโซเชียลมีเดีย ให้ รมว.คมนาคม พิจารณาตัวเองจากตำแหน่งนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงดำเนินการมาตลอด เมื่อมีมาตรการต่างๆออกมาชัดเจน รวมไปถึงการขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมา เชื่อว่าเรื่องความปลอดภัยจะดีขึ้นอย่างแน่นอน และยืนยันว่าการก่อสร้างถนนพระราม 2 จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ตามกำหนดการเดิมอย่างแน่นอน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี