"ทักษิณ"ลั่น!เดินหน้าหนุนรัฐบาลทำงานต่อ ให้สัญญา"คนเสื้อแดง"กลับมาแล้วไม่เสียข้าวสุก โต้กลับ"พรรคประชาชน"ย้ำเกลียดที่สุดคือยุบพรรค เพราะเคยโดนมาก่อน ย้อนถามขาประจำ ปู่เคยมีเรื่องกันหรือเปล่าถึงตามเห่าหอนไม่เลิก ออกตัวผลงานรัฐเกิดช้าเหตุเป็นพรรคร่วม วอน"พ่อมหาจำเริญ"ช่วยกันทำงานหน่อย ขู่ถ้าไม่ทำก็ตัวใครตัวมัน อ้อนขออีกสมัยเดียว พท.แก้ปัญหาได้หมดไม่ต้องรอถึง 9 ปี เหมือนยุคที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 17 มีนาคม 2568 ที่หอประชุมอนุสรณ์ 100 ปี มหาวิทยาลัยพิษณุโลก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีพบปะมวลชนเสื้อแดงในงานเรื่องเล่า "ประสบการณ์ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของมวลชน" ที่หอประชุมอนุสรณ์ 100 ปี มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก
นายทักษิณ บอกว่า ติดหนี้ไว้นาน ตอนนั้นบอกว่าจะมีการจัดสังสรรค์ก่อนเลือกตั้ง แต่กลัวว่าจะเป็นประเด็น จึงขอติดหนี้ไว้ก่อน พอตนกลับมาก็ถูกทวงแล้วทวงอีกว่าประชาชนอยากเจอ ในที่สุดก็ลงตัววันนี้ 17 ปีที่รอคอย ซึ่งก็ตรงกับวันที่ 17 พอดีที่ตนเดินทางมาหากัน
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ต้องขอคารวะหัวใจทุกคน ที่เด็ดเดี่ยวต่อสู้เพื่ออยากเห็นความเป็นธรรมในบ้านเมือง ที่สำคัญคือไม่เคยลืมตน ซึ่งตนจากไปนานเกินไป หากประชาชนลืมตนก็คงไม่สามารถน้อยใจได้ แต่นี่ไม่ลืมเลย เมื่อกลับมาก็อยากเจอตนอีก ตนจึงต้องมา เพราะตนเป็นคนที่รู้จักสำนึกในบุญคุณของคน ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร บุญคุณของทุกคนคือไม่เคยทิ้งตน 17 ปีไม่เคยทิ้งกัน เลือกตั้งทุกครั้งก็ไปเลือก ไปเชียร์ ไปช่วยหาเสียง แม้ครั้งที่ผ่านมาเราจะเสียหายไปเยอะ ซึ่งอาจเกิดจากความประมาทหรือเกิดจากการที่กระแสพลิกในตอนท้าย แต่เชื่อว่าในครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทย (พท.) คงจะแข็งแรงมากกว่านี้เยอะ โดยมีทุกคนคอยเป็นกำลังใจคอยสนับสนุน
นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้นอกจากมาขอบคุณในน้ำใจที่ไม่เคยลืมกันแล้ว ยังอยากมาบอกว่า วันนี้เราไม่ต้องไปต่อสู้อะไรแล้วในเรื่องของการเมือง วันนี้ตนอยากเห็นทุกฝ่ายมองประเทศไทยเป็นหนึ่ง เพราะลำพังเราสามัคคีกันอย่างไรก็ยังสู้เขายาก แต่ถ้ามีการแตกแยกเกิดขึ้นในบ้านเมือง เราก็ยิ่งสู้เขายาก เพราะการแข่งขันในโลกใหม่มันรุนแรง แข่งขันกันด้วยพลังเงิน ด้วยเทคโนโลยี วันนี้เราจะต้องแข็งแรงมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นิสัยเก่าๆ ที่ชอบอิจฉาริษยา ทำงานเป็นทีมไม่ได้ คนไทยต้องเบาลง ไม่อย่างนั้นประเทศเราจะไม่แข็งแรง
"ผมอยากบอกพี่น้องเสื้อแดงทุกคน ว่าผมจะถูกใส่ร้ายป้ายสีในอดีตอย่างไรก็แล้วแต่ วันนี้ผมให้อภัย เพราะถือว่าผมเป็นผู้รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม อยากเห็นคนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีความเป็นธรรม"
นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า ตนกลับได้เพราะพระเมตตา ดังนั้น จะต้องกลับมาทำงานให้กับบ้านเมือง ทำให้เป็นยุคศิวิไลซ์ การเมืองเข้มแข็ง แข็งแกร่ง และบริหารประเทศด้วยปัญญา ด้วยความถูกต้อง แล้วบ้านเมืองเราจะไปด้วยดี ลูกหลานเราก็จะสบาย วันนี้หลายคนยังมองว่าอนาคตลูกหลานจะเป็นอย่างไร แม้กระทั่งคนมีฐานะ อย่าวิตกว่าลูกหลานจะอยู่กับสังคมยุคใหม่อย่างไร คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักว่าภัยคุกคามทางการพัฒนามันแรงมาก เราจะต้องรีบปรับตัว โดยเฉพาะคนที่อยู่ในกระแสข่าว เพราะฟังดูแล้วก็ยังห่างไกลจากความเข้าใจโลกที่เปลี่ยนไป วันนี้เรายังจมอยู่กับเรื่องของการเกษตร การทำงานเป็นลูกจ้าง แต่ในอนาคตประเทศไทยจะเป็นลักษณะของธนาคารหน่วยกิต ไม่ใช่ประเภทจ่ายครบจบแน่ แต่เป็นการเรียนครบแล้วค่อยจบ วันนี้เราจะทำให้คนไทยเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ไม่มีอะไรยาก เพียงแต่ประชาชนต้องการการนำที่ถูกต้อง
ปีนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกว่าจะต้องสร้างโอกาสต้องแก้ปัญหาที่หมักหมมมานานให้ได้ ตนก็เลยให้คำแนะนำไปหลายเรื่อง ที่น่าจะช่วยประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น วันนี้ลองสังเกตดูว่าตนพยายามไปรู้จริงกับปัญหาหลายๆ เรื่อง แม้แต่การลงพื้นที่ภาคใต้ที่มีการสู้กันมาก่อความไม่สงบมาเป็นเวลา 20 ปี ยังไม่หยุด แน่นอนส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของอุดมการณ์ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของความไม่เข้าใจ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย สนุกสนานกับผลประโยชน์ที่ได้รับ สิ่งเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขแน่นอน
นายทักษิณ กล่าวว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตนคิดกับนายกฯอิ๊งค์ ดังๆ ว่าทำอย่างไรจะให้หนี้สินคนไทยหมด เพราะวันนี้หนี้ครัวเรือนเยอะเหลือเกิน เราจึงคิดกันว่าจะซื้อหนี้ทั้งหมด ซื้อหนี้ของประชาชนออกจากระบบธนาคารดีหรือไม่ แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน แล้วให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ยกจากเครดิตบูโรให้หมด ให้เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่องทำมาหากินใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาท เพราะตนสามารถให้เอกชนลงทุน วันนี้รัฐเป็นหนี้เยอะ เราเข้ามาหนี้ก็บานตะไทแล้ว วันนี้จะขยับอะไรทีก็เป็นหนี้ไปหมดเราต้องสร้างหนี้ให้น้อยที่สุด และสร้างโอกาสให้คนไทยมากที่สุด พูดง่ายทำยากแต่ต้องทำ
นายทักษิณ กล่าวว่า ตนเป็นนักเรียนเตรียมทหารก่อน เข้าห้องเรียนต้องปฏิญาณตน หนึ่งในนั้นคือ "ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้" และ "ตายเสียกว่าที่จะอยู่อย่างผู้แพ้" ดังนั้น สิ่งที่ตนพูด นายกฯพูด ทำแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนตอนที่เป็นพรรคไทยรักไทย เพราะพรรคมีขนาดเล็กลง มีรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงน้อยลง บางทีรัฐมนตรีกระทรวงข้างเคียงก็ทำงานด้วยกันไม่คล่องตัว พยายามทั้งนวด ทั้งบีบ ให้ช่วยกัน
"ทำงานเถอะพ่อมหาจำเริญ ช่วยกันหน่อยเถอะ ถ้าพ่อมหาจำเริญไม่ทำ ก็ตัวใครตัวมันนะครับ วันนี้ถือว่าบ้านเมืองคือหัวใจที่เราจะต้องทำให้ผ่านไปให้ได้"
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ที่อาจทำให้พรรคประชาชน (ปชน.) เข้าใจผิด ว่า ตนอาจจะพูดสั้นไปทำให้พรรคประชาชนมองว่าตนเห็นดีเห็นงามกับการยุบพรรค ดังนั้น ขอบอกว่า "ผมเป็นคนเกลียดเรื่องระบบยุบพรรคที่สุด เพราะโดนมาเยอะแล้ว และผมก็ไม่อยากเห็นพรรคประชาชน หรือพรรคอนาคตใหม่ ถูกยุบ ไม่อยากเห็นเลย แต่เราต้องแคร์ ผมโดนยุบ ผมก็เคารพกติกา ที่ผมพูดวันนั้นว่าเดี๋ยวจะหายไปอีกพรรค นั่นคือหายไปจากความทรงจำของประชาชน ซึ่งเป็นการลงโทษที่ร้ายแรงที่สุดของประชาชน เพราะการเมืองจะตั้งอีก 10 พรรคก็ได้ ถ้ายังไม่หายจากความทรงจำของประชาชน ถ้าหายไปแล้วตั้งใหม่ยังไงก็ไม่ได้ เราอยากเห็นพรรคการเมืองดีๆ อยู่กับประชาชน ไม่อยากเห็นพรรคการเมืองดีๆ ไปใช้วิธีการของพรรคการเมืองบางพรรคเก่าๆ แค่นั้น นั่นคือสิ่งที่ผมพูดวันนั้น ไม่ได้หมายความว่าไปเห็นดีเห็นงาม ขออธิบายจะได้เข้าใจถูก"
นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า ตนเป็นคนมองโลกในแง่ดี พร้อมให้โอกาส ซึ่งพี่น้องคนเสื้อแดงก็เห็นอยู่ว่าตนมีขาประจำ บางคนเป็นขาเดียวกันกับตน แต่ย้ายไปอยู่กับขาประจำก็มี เพราะฉะนั้นตนไม่ได้หวั่นไหว และแทนที่จะเป็นขาประจำ ซึ่งตนไม่อยากเห็นเขาเครียดเพราะด่าตนแทบตาย ตนก็ไม่เครียด ตนเป็นห่วงเดี๋ยวเส้นโลหิตในสมองแตกขึ้นมา อย่าไปโกรธเลย มานั่งคุยกับตน มากินไวน์กัน มีอะไรคับแค้นหัวใจก็มาคุยกัน
"ผมก็ลืมถามพ่อ พ่อเสียไป แล้วลืมถามว่า ปู่ผมมีอะไรกับปู่เขาหรือเปล่า ทำไมมันถึงไม่เลิกเห่าหอนเสียที ที่ผมพูดก็เพราะอยากเห็นบ้านเมืองสามัคคี ไม่อยากเห็นเรื่องขี้หมูรา ขี้หมาแห้ง ด่ากันไปด่ากันมา มันไร้สาระ ผมปล่อยวางหมดแล้ว"
นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า อยากให้พี่น้องคนเสื้อแดงทั้งหลายกลับบ้านไปบอกพรรคพวก ว่าเรื่องปัญหาประเทศตนรับไว้และรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กระบวนการการแก้ปัญหาต้องใช้เวลาและยากกว่าเดิม เพราะทหารวางระบบไว้เลอะพอสมควร ฟื้นยากหน่อยแต่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เราต้องสู้ ต้องทำให้ได้
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า อยู่ๆ การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็อภิปรายนายกฯคนเดียว ก็ดีเหมือนกัน แต่อภิปราย สทร.ทีแรกจะใช้ชื่อทักษิณ ซึ่งผิดกติกา พอตนไปพูด ตำแหน่งตนคือ สทร.ก็เลยเอาตรงนี้ไป เข้าใจว่าจะใช้แบบนี้ แต่ในสายตาคนที่รักตน สทร.ไม่ได้แปลว่า "เสือกทุกเรื่อง" แต่แปลว่า "สุดที่รัก" ขอให้คิดว่าเป็นสุดที่รักเยอะหน่อยก็แล้วกัน ตนอยากทำงานให้ประชาชนเลยขอเสือกทุกเรื่อง แต่ว่าเสือกแล้วทำงานได้ดี ก็ขอให้เป็นที่รักของประชาชนก็แล้วกัน
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า พี่น้องมากันหลายจังหวัดอิ่มหรือไม่ กลัวเลี้ยงไม่พอ ซึ่งตนผูกพันกับประชาชนไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ก็คิดถึงเรื่องของประชาชน และประเทศ อย่างที่เล่าให้ฟังตนเป็นคนกตัญญูพอประชาชนไม่ลืมเราก็คิดว่าประชาชนลำบากจะช่วยอย่างไร และผมจะไปพบปะพี่น้องและจะใช้เวลามากขึ้นเพื่อให้รู้จริงถึงปัญหา เพราะถ้ารู้ไม่จริงก็แก้ไม่ถูก ถ้ารู้จริงปัญหาก็จะแก้ได้ วันนี้ตนต้องการเห็นข้าราชการทุกกระทรวง คนไทยทุกหมู่เหล่ายึดผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก เพราะฉะนั้นตนว่าบ้านเมืองไปได้ บ้านเมืองของเรามีศักยภาพแต่เราขาดความสามัคคีนานไปหน่อย
"ใครเป็นพวกผมก็ลำบากหน่อย ที่ผ่านมาพวกผมที่ยอมลำบากและไม่ทิ้งผมก็ยังมีจำนวนมาก เพราะฉะนั้นวันนี้ผมพร้อมที่จะเอาโอกาสดีๆให้คนไทยกลับขึ้นมา ขอเวลานิดหนึ่ง ผมขอเวลาอีกไม่นาน ไม่ต้องรอถึง 9 ปี จำได้ไหมขอเวลาอีกไม่นาน ไม่ต้องถึง 9 ปีแน่นอน อย่างมากอีกสมัยเดียวเพื่อไทยแก้ปัญหาได้หมด แต่ถ้าอีก 2 ปีที่เหลือรับรองว่าเบาบางแน่นอน" นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า บางวันตนทำงาน 08.30 - 22.00 น.แต่ตื่น 05.00 น.ตื่นมาออกกำลังกายก่อนเดี๋ยวไม่แข็งแรง ตื่นมาออกกำลังกาย 08.30 น.พอ 22.00 น.ก็หลับแล้ว ทุกวันจะเป็นอย่างนี้ อย่างไรก็ตาม ตนอยากเห็นการแก้ปัญหารวดเร็วกว่านี้ ตอนนี้มันช้าไปหน่อย สมัยตนมันง่ายเพราะนั่งหัวโต๊ะ นั่งไล่บี้ วันนี้เงินยังอยู่ในกระทรวงต่างๆอีกเยอะ เอางบออกไปใช้ช้าไป ตนใช้คำว่าพ่อมหาจำเริญ นั่งทับเงินทับทองจำนวนมาก รีบใช้หน่อยเถอะ เงินจะได้ถึงมือประชาชนเร็วๆ ในการบริหาร เร่งระบายเงินเข้าสู่การพัฒนาโดยเร็ว มีการจัดซื้อจัดจ้างเร็วๆ ประเทศจะได้เดินหน้า ต้องใช้ทั้งไม้นุ่มและไม้แข็ง พูดไปพรรคประชาชนก็ชอบว่าตนพูดแล้วทำไม่ได้ พูดแล้วไม่ตรงปก ขอให้ไปจดไว้เลย
“ทำได้ทุกเรื่องแต่เวลามันยืดเนื่องจากเหตุการณ์มันเปลี่ยนไป อย่างเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอีกไม่นานพวกคุณจะเข้าใจมากกว่านี้ เพราะตอนนั้นที่พูดกันว่าจะไม่กู้เพราะเราไปเข้าใจว่าไม่มีใครเข้ามายุ่งกับการบริหาร เราก็จะออกเหรียญและให้ประชาชนใช้พร้อมกันทีเดียว แล้วเหรียญก็จะวนในระบบ แล้วรัฐบาลค่อยๆตั้งงบประมาณชดเชย ขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็จะดีเก็บ Vat ก็ได้มันก็จะใช้หนี้ตัวมันเอง แต่ปรากฏว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) มาถึงเป่านกหวีดบอกไม่ได้ต้องมีเงิน ต้องตั้งงบประมาณ ผลสุดท้ายคือผิดแผนแต่เราพยายามปรับปรุงแก้ไขจนได้แล้ว ต่อไปเทคโนโลยีดิจิทัลวอลเล็ตพี่น้องจะจำเหมือน 30 บาทรักษาทุกโรค จะเป็นกระเป๋าตังค์ของท่าน ท่านจะถูกเติมเงินในกระเป๋านี้โดยวิธีการต่างๆ เพราะฉะนั้นกระเป๋าดิจิทัลนี้จะเป็นอะไรที่อยู่กับท่านตลอดชีวิต แล้วท่านจะรู้ว่าโอ้ เป็นความปรารถนาดีของพรรคเพื่อไทยจริงๆ แต่วันนี้คนยังมองไม่เห็นเราก็ปล่อยให้มองไม่ออกต่อไป เราก็กำลังทำอะไรที่เป็นเรื่องสมัยใหม่และก้าวหน้า เพราะทำแบบโบราณมันเอาไม่อยู่จริงๆ พี่น้องเชื่อหรือไม่ว่าถ้าเปรียบเทียบเศรษฐกิจเหมือนบ้านเป็นฐานรากมันพัง คานคอดินทรุด มันซ่อมยากกว่าซ่อมหลังคา ตอนปีต้มยำกุ้งเป็นปีที่หลังคาพัง ซ่อมง่ายซ่อมเร็ว วันนี้ซ่อมยากขึ้นแต่ก็ต้องซ่อมเพราะเราไม่สามารถสร้างบ้านหลังใหม่ได้ต้องเอาหลังนี้ซ่อมจนได้ บังเอิญว่าเทคโนโลยีใหม่ๆมันเกิดขึ้นแทนที่จะไปขุดใหม่ก็สามารถเสริมได้ทำนองนี้ คือเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อให้การซ่อมแซมเศรษฐกิจประเทศไทยได้เร็วขึ้น"นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า พี่น้องครับเทคโนโลยีมันมาแน่นอน และผมติดตามมาตลอดเพื่อเอามาเป็นประโยชน์ให้กับประเทศไทย อีกหน่อยทุกคน ลูกหลานใช้ AI เป็นหมด ถ้ามองว่าเทคโนโลยีมาช่วยเราชีวิตจะง่ายขึ้น แต่เมื่อมองว่ามันยากเหลือเกิน ทำให้ชีวิตเราลำบากเราก็ยังโง่ต่อไป ต้องหยุดโง่ ไม่มีอะไรยาก ผมอยู่ผมจะทำผมจะช่วยคนไทยทั้งหมด
นายทักษิณ ยืนยันว่า ตนกลับมาไม่เสียข้าวสุกแน่ อันนี้เราถือว่าเราพูดกันเหมือนพูดกับคนในบ้าน เราพูดกันได้ทุกเรื่องมันจะหลุดออกไปก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมต้องการให้เน้นว่าผมพูดกับคนในบ้านผมนะ เพราะฉะนั้นผิดนิดผิดหน่อยก็ขออภัยด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายทักษิณจะเดินทางมาถึง ปรากฏว่าได้มีประชาชนจาก อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ประมาณ 10 คน เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อติดตามและทวงถามถึงเงินจำนำข้าวเปลือกจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2548/2549 และขอให้ช่วยให้ทำให้ราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำในขณะนี้สูงขึ้นด้วย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี