มติรัฐสภาส่งศาลรธน.
ตีความอำนาจสภา
เดินหน้าแก้ไขรธน.
ต้องประชามติก่อน
มติรัฐสภาไฟเขียว ส่งศาล รธน.ตีความ“หน้าที่-อำนาจรัฐสภา”แก้ไขรธน.ต้องทำประชามติก่อนหรือไม่ “หมอเปรม”แซะอย่าผูกแก้รธน.กับการเลือกตั้ง เหตุรัฐบาล อาจอยู่ไม่ครบเทอม ด้าน“วิสุทธิ์”แจงชงรัฐสภามีมติส่งศาลรธน.วินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของรัฐสภา เพื่อให้มีหลักเกณฑ์ทำรธน.ฉบับใหม่
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมร่วมรัฐสภา นายมี นายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมพิจารณา ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง(2) ของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ว.เป็นผู้เสนอและญัตติของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอซึ่งค้างการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 14 ก.พ.2568หลังที่ประชุมมีมติให้พิจารณาทั้ง 2 ญัตติไปพร้อมกัน เนื่องจากมีเนื้อหาในทำนองเดียวกันเกี่ยวกับการเพิ่มหมวด 15/1กรณีการจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยที่ยังไม่ไดทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชนว่า ต้องการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่นั้นจะกระทำได้หรือไม่
โดย นพ.เปรมศักดิ์ อภิปรายว่าตนขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐสภาจะลงมติเห็นชอบต่อการเพิ่มหมวดใหม่ว่า ด้วยจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อนการออกเสียงประชามติของประชาชนได้หรือไม่ และหากรัฐสภามีอำนาจแล้ว การออกเสียงประชามตินั้นจะทำภายหลังจากที่มีการแก้ไขและพร้อมกับที่ให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบได้หรือไม่ ที่มีคนบอกว่าการเสนอศาลรัฐธรรมนูญอาจเป็นการประวิงเวลาและไม่ทันต่อการเลือกตั้งสส. ปี 2570 ทั้งที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่กระทบต่อการเลือกตั้ง ส.ส.เพราะการเลือกตั้งย่อมเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ สภาจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ไม่มีใครทราบ
“การกำหนดเวลาของการแก้ไข ไม่สุขุมรอบคอบเพราะการแก้ไขรัฐธรมนุญเป็นงานใหญ่ ต้องอาศัยการหลอมรวมความคิดเปรียบประชาธิปไตยเป็นประชาธิปไตยไม่ใช่รถไฟความเร็วสูง ที่ต้องไปถึงเป้าหมายอย่างรวดเร็วแต่เป็นรถไฟธรรมดา ที่ต้องทยอยส่งผู้โดยสารให้ถึงบ้านปลอดภัย การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บอกว่าต้องเร่งรัด เร่งรีบแต่ต้องแก้ไขให้เป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่ใช่สนองอำนาจการเมืองและต้องรักษาเอกลักษณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงรวมถึงคำนึงถึงหลักการที่ประชาชนยอมรับและไม่เตะหมวด1หมวด2”นพ.เปรมศักดิ์ย้ำ
ด้าน นายวิสุทธิ์ อภิปรายว่าตามที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนกับคณะเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ … พ.ศ. … ต่อรัฐสภา โดยมีหลักการแก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มเติมหมวด15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และของตนกับคณะที่เข้าชื่อเสนอ อันเป็นหลักการเดียวกัน ประธานสภาฯได้คำสั่งให้บรรจุทั้ง 2 ฉบับ เข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและที่ประชุมรัฐสภา และมีการพิจารณาในวาระแรกรับหลักการ วันที่ 13-14 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น โดยตนและสมาชิกที่มีชื่อท้ายญัตตินี้เห็นว่าประธานได้บรรจุแล้ว แต่ปรากฏว่าเกิดความขัดแย้งและความเห็นต่างของสมาชิกรัฐสภา ทั้งที่เกี่ยวข้องกับอำนาจของรัฐสภา โดยฝ่ายหนึ่งเห็นว่ารัฐสภาไม่มีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณาลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง2ฉบับ เนื่องจากยังไม่ได้จัดทำให้มีการออกเสียงประชามติว่าประชาชนประสงค์ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ หรือไม่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564
นายวิสุทธิ์กล่าวว่าเพื่อให้มีหลักเกณฑ์ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในหมวดที่ 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น ภายหลังที่ประชุมรัฐสภาได้เห็นชอบการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแล้วจึงไปดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ เมื่อสมาชิกรัฐสภา มีความเห็นขัดแย้งกัน จึงทำให้รัฐสภา ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามหน้าที่ และอำนาจที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการทำหน้าที่ของรัฐสภา จึงถือเป็นกรณีที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว และยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในปัญหาดังกล่าว ตนจึงเสนอญัตติด่วนนี้ เพื่อให้รัฐสภาได้มีมติให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ว่ารัฐสภาจะพิจารณาและลงมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยที่ยังไม่มีผลการออกเสียงประชามติ ประชาชนประสงค์จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่
จากนั้น ให้สมาชิกรัฐสภาทั้งซีก สว.และ ส.ส.ทั้งพรรคร่วมรัฐบาสและพรรคฝ่ายค้านต่างลุกขึ้นอภิปรายแสดงความเห็นทั้งสนับสนุนญัตติและไม่สนับสนุน โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายเห็นว่าการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาจจะไม่รับไว้พิจารณาเหมือนที่เคยเกิดขึ้น หรือรับไว้พิจารณา แต่ไม่มีคำวินิจฉัยที่ชัดเจนหรือไม่วินิจฉัยเพิ่มเติมจากปี2564 จะทำให้รัฐสภากลับมาสู่จุดเดิม สิ่งที่จะทำได้คือต้องอาศัยเจตจำนงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรนายกฯต้องโน้มน้าวสมาชิกรัฐสภาซีกรัฐบาลซึ่งภารกิจดังกล่าวไม่มีศาลรัฐธรรมนูญช่วยได้เพราะต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้เดินหน้าได้ ไม่มีหลักประกันใดว่าสส.และสว.กลุ่มที่หัวใจเดียวกันจะร่วมลงมติสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ด้านน.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ทุกฝ่ายล้วนตระหนักกันแล้วว่ารัฐธรรมนูญ 2560 มีปัญหา และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ตั้งแต่”ต้นน้ำ”ที่เกิดจากการแต่งตั้งผู้ยกร่างโดย คสช.”กลางน้ำ”คือบรรดาสารัตถะที่ไม่เป็นประชาธิปไตยในบทบัญญัติส่วนต่างๆ และ “ปลายน้ำ” คือการจำกัดการแก้ไขเพิ่มเติมไว้อย่างยากลำบาก พรรคเพื่อไทยไม่ยอมอีกแล้ว ให้วัฏจักรความล้มเหลวกลับมา เราต้องการทำให้สำเร็จในรัฐบาลนี้ ตามนโยบายที่พรรคเพื่อไทยให้คำมั่นสัญญากับประชาชน ไม่ว่าในที่ประชุมรัฐสภาจะเห็นต่างอย่างไร แต่สิ่งสำคัญที่สุดของประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาคือ ต้องทำให้รัฐสภาทำหน้าที่ได้ตามกลไกและอำนาจหน้าที่ ความเห็นต่างในเรื่องอำนาจหน้าที่เป็นเหมือนกำแพงกั้นไม่ให้เดินหน้าแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อไปได้ จึงต้องเสนอศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เพียงเตะถ่วงเวลาให้ยืดเยื้อออกไป แต่เพื่อทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของเราไม่สะดุด เพื่อให้รัฐธรรมนูญใหม่ “ทำได้” ไม่ใช่แค่ “ได้ทำ”
“หากพิจารณากันไปแล้วเกิดมีปัญหาล้มวาระร่างรัฐธรรมนูญไปเสียหมด ฝ่ายที่ดึงดันจะรับผิดชอบเวลาที่เสียไปมากกว่าเดิม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความผิดหวังของประชาชนอย่างไร เดินไปก็มีแต่ทางตัน และต้องใช้เวลาเท่าไรอีกไม่ทราบเพื่อกลับไปเริ่มต้นใหม่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จึงเป็นการเปิดประตูบานแรก เดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ทำให้ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดสูญเปล่า ไม่ทำลายความหวังของพี่น้องประชาชนต่อรัฐสภาแห่งนี้สูญสิ้นไป” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว
หลังจากอภิปรายแสดงความเห็นกันอย่างกว้างแล้ว จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติผลปรากฎว่ามติรัฐสภา 303 เสียงเห็นด้วย กับการส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ต่อเสียงไม่เห็นด้วย151 เสียงและงดออกเสียง 120 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ประธานได้สั่งปิดประชุมเวลา18.37น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี