ประธาน กกต.แจงปมร่วม DSI สอบสวนฮั้ว เลือก สว.จะทำให้ช่วยทำงานคล่อง เผยมียื่นร้อง 220 เรื่อง กกต.ตรวจสอบเองทำเสร็จแล้ว 115 เรื่อง ย้ำไม่พักงานเลขาฯแสวง เผยคืบหน้าสอบคำร้อง"สว.หมอเกศ"จบแน่ เม.ย.นี้
วันที่ 19 มีนาคม 2568 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการตรวจสอบทุจริตฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ว่า ตัวเลขการร้องเรียนเรื่อง สว.มีทั้งหมด 577 เรื่อง มีการพิจารณาแล้ว 228 เรื่อง เสร็จสิ้นแล้ว 82 เรื่อง โดยมี 9 เรื่อง ที่ส่งฟ้องศาลฎีกาฯ
ล่าสุดในการพิจารณาวานนี้(18มี.ค.)โดยพิจารณาเกี่ยวกับการกระทำความผิดเลือก สว. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.ตามมาตรา 77(1)โดยระบุถึงการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือก สว.ไม่ว่าจะเป็นการให้ เสนอว่าจะให้ หรือการจัดเลี้ยง มีมติให้ส่งศาลฎีกาพิจารณาอีก 1 เรื่อง ทำให้ตอนนี้เหลือคำร้องที่อยู่ระหว่างการพิจารณา 267 คำร้อง โดยอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของคณะอนุวินิจฉัย 107 เรื่อง ซึ่งคณะกรรมการพยายามทำตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่ากรณีผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เข้ามาร่วมทำงานด้วยจะทำให้การพิจารณาเร็วขึ้นหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ปกติเรารับเรื่องคำร้องสว.มาโดยตลอด และคำร้องที่เกี่ยวพันกับพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือก สว.มาตรา 77 (1) หรือเรื่องฮั้ว ซึ่งมี 220 เรื่อง ทางกกต.ดำเนินการพิจารณาตรวจสอบเอง ทำเสร็จแล้ว 115 เรื่อง
ส่วนกรณีดีเอสไอนั้น กกต.มีมติเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมาให้รับเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอนั้นได้แจ้งมาว่ามีเรื่องการกระทำฝ่าฝืน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.ที่ประชุมกกต.จึงมีมติให้รับมาดำเนินการสอบสวน โดยถือว่า เป็นความปรากฏ พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง โดยเชิญผู้แทนดีเอสไอเข้ามาร่วมอีก 3 คน เชื่อว่าการทำงานร่วมกัน จะสามารถพิจารณาได้โดยไม่ชักช้า
เมื่อถามว่าตัวแทนจากดีเอสไอ 3 คน เข้ามาร่วมทำงานจะเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่าง 2 หน่วยงานใช่หรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ใช่ เพราะกฎหมายให้อำนาจตามมาตรา 42 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต.เราสามารถขอให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอื่นมาเป็นกรรมการในคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้ โดยกรอบการทำงานทุกเรื่องรวมถึงเรื่องฮั้วจะมีกรอบการปฏิบัติหน้าที่ว่าควรจะเสร็จเมื่อไหร่ ซึ่งเราเคยมีประกาศออกมาเมื่อปี 2566 เรื่องกำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินงานกระ บวนการยุติธรรม ออกตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการดำเนินการในกระบวน การยุติธรรมที่กำหนดว่า ในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่กกต.จะเริ่มจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนยาวที่สุดไม่เกิน 90 วัน หลังจากนั้นจะนำเรื่องเข้ามาที่สำนักงานกกต. ส่วนกลาง นำโดยเลขาธิการกกต.ซึ่งจะมีเวลาอีก 60 วัน และไปที่อนุกรรมการวินิจฉัยตรงนี้ ก็จะมีเวลาอีก 90 วัน โดยอาจจะมีการสอบสวนเพิ่มให้โอกาสพยานเข้ามาให้ถ้อยคำ รวมแล้วระยะเวลาทั้งหมดไม่ควรจะเกิน 1ปี ที่จะต้องเสนอให้ที่ประชุมกกต. พิจารณา
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้อง พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.กรณีนี้กกต.ต้องสอบสวนเองหรือทำงานร่วมกับทางดีเอสไอ นายอิทธิพร กล่าวว่า โดยหลักแล้วการสืบสวนไต่สวนเริ่มจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน และมาที่ส่วนกลาง คือเลขาธิกา กกต. เป็นไปตามขั้นตอนที่ตนกล่าวข้างต้น ซึ่งสำนวนที่มีการส่งเข้ามาล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 มี 2 ข้อหาคือฝ่าฝืนมาตรา 77(1) และ(4) ที่ประชุมเห็นว่า มีประเด็นที่ต้องสอบเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจน เพื่อใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยได้ จึงให้สำนักงานกกต บอกกับเจ้าพนักงานสืบสวนไต่สวนดำเนินการสอบเพิ่มเติม คาดว่าเดือนเม.ย.นี้ น่าจะเสนอที่ประชุมกกต.พิจารณาได้
"กกต.มีหน้าที่ชัดเจนว่า คำร้องใดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ที่เกี่ยว ข้องกับกกต. เป็นงานของเรา ส่วนการกระทำที่เกิดขึ้น หากเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอื่น ซึ่งไม่ใช่กฎหมายเลือกตั้งก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งจากข่าวประชา สัมพันธ์ของดีเอสไอระบุว่า หากในการทำงานของดีเอสไอ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการฝ่าฝืนพ.ร.ป. ว่าด้วยกันได้มาซึ่งสว. เขาก็จะแจ้งมาที่กกต. เพื่อพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป เพราะฉะนั้นการดำเนินงานจะไม่มีความซับซ้อนกัน จะมีแต่การส่งเสริมกัน" ประธานกกต.กล่าว
เมื่อถามว่าคำร้องของกกต. และดีเอสไอ มีส่วนไหนที่เป็นคำร้องเดียวกัน หรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า คำร้องดีเอสไอ มีอยู่ 3 เรื่อง แต่มาร้องที่เราที่รับมาแล้วเฉพาะมาตรา 71(1) มี 200 กว่าเรื่อง เพราะฉะนั้นในส่วนของดีเอสไอ ได้รับคำร้องและตรวจสอบแล้ว เห็นว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย การเลือกสว. เขาจึงแจ้งให้กกต.ทราบ ซึ่งอำนาจหน้าที่ของกกต.ดูเรื่องการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาสว. จึงรับมาสอบสวน
เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มสว.สำรองร้องต่อประธานกกต.ให้พักงานเลขาธิการ กกต.ระหว่างที่มีการสอบ สวนทุจริตเลือกสว.นายอิทธิพรกล่าวว่า เป็นกระบวนการที่หากมีผู้มายื่นคำร้อง เราจะทำได้ก็ต่อ เมื่อคำร้องเข้าข่ายตามระเบียบสืบสวน ไต่สวน หรือไม่ก็เข้าสู่ระเบียบการรวบรวมข้อเท็จจริง เราจะทำอะไรเกินกว่านี้ไม่ได้ เพราะจะเป็นการกระทำเกินกว่าอำนาจหน้าหน้าที่ ทุกอย่างจะต้องมีการเสนอเรื่องมาโดยสำนักงาน กกต.หากไม่มีการเสนอขึ้นมาเราก็อาจจะหยิบยกได้ แต่โดยหลักแล้ว จะต้องให้สำนัก งานเป็นผู้เสนอความเห็นมาในเบื้องต้นว่า เป็นคำขอคำร้อง พี่ก็อยู่กับพี่ ขึ้นอยู่บนพื้นฐานอะไร ตามระเบียบใด ถ้าไม่มีพื้นฐาน ก็ไม่สามารถรับเรื่องไว้ได้ - 002
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี