ปธ.วิปรบ.ซัดฝ่ายค้านต่อรองเยอะ
หยุมหยิมเป็นเด็ก
อภิปราย 24-25/ลงมติ 26 มี.ค.
ฝ่ายค้านได้จ้อ 28 ชม.-รบ. 7 ชม.
‘ปชน.’โวลั่นรอบนี้มีหมัดเด็ด
จ่อชำแหละโยงถึง‘ยิ่งลักษณ์’
วิป 3 ฝ่ายเคาะกรอบเวลาศึกซักฟอก จ้อ 24-25 มีนาคม นัดลงมติ 26 มีนาคม หากประท้วงวุ่นลาม อาจยืดไปลงมติ 27 มีนาคม “ฝ่ายค้าน” ได้ 28 ชม. “รัฐบาล-ครม.” 7 ชั่วโมง ด้าน ‘ปกรณ์วุฒิ’ยันเลี่ยงไม่ได้พุ่งเป้า’คนนอก’ขณะที่‘สมคิด’ยันนายกฯไม่หวั่นซักฟอก ตอก‘ดีลแลกประเทศ’ใช้คําหรู แต่กินไม่ได้ โวรู้ข้อสอบหมดแล้ว’ฝ่ายค้าน’ทํารั่วเอง’หญิงไหม’ยังเคืองไม่หาย‘ฝ่ายค้าน’ได้เวลาซักฟอกถึงตีห้าครึ่ง ทำปชช.อาจพลาดช็อตเด็ด หวัง รัฐบาลรักษาสัจจะ ไม่ต้องไหลวันเพิ่มโอดถอย จนไม่รู้จะถอยอย่างไรแล้ว โยนความกดดัน’นายกฯคงร้อนรนสุด รองมาก็’พ่อ’แย้ม‘หมัดเด็ด-ไฮไลท์’มีกระจายทุกวัน-หลายเวลา
เมื่อวันที่ 19มีนาคม2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และตัวแทนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือ วิป3ฝ่าย โดยมี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ,นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ,นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปรัฐบาล , นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการวิปรัฐบาล พร้อมด้วย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร,นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน,นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน,นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะวิปฝ่ายค้าน เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเรื่องกรอบระยะเวลาในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา151
โดยก่อนเริ่มประชุม นางมนพร แจ้งต่อที่ประชุมว่า จากที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้มีหนังสือสอบถามไปที่ ครม.เรื่องการกำหนดเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อวันที่ 18มี.ค.ที่ผ่านมา ทาง ครม.มีหนังสือแจ้งกลับมาว่า ครม.มีความพร้อมในการที่มาตอบข้อชี้แจง ช่วงวันที่ 24-25มี.ค.และลงมติในวันที่ 26มี.ค.เนื่องจากในวันที่ 27มี.ค.นั้น นายกรัฐมนตรีได้กำหนดวาระการประชุม ครม.
ด้าน นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ฝ่ายค้านเห็นความสำคัญของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายค้านสามารถตรวจสอบได้ โดยที่ฝ่ายรัฐบาลไม่สามารถใช้สิทธิปฏิเสธ จึงควรให้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ตามเนื้อหาที่ได้เตรียมมา ส่วนจะเป็นกี่วันนั้น คงจะขยับเขยื้อนและพูดคุยกันได้ แต่อย่างน้อย อยากจะขอให้ฝ่ายรัฐบาลไม่บิดเวลาฝ่ายค้านมากจนกระทบกับเนื้อหาที่เราได้เตรียมไว้
วิป3ฝ่ายเคาะจ้อ24-25มี.ค.ลงมติ26มี.ค.
ต่อมา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์หลังร่วมประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วม (วิป) ประกอบด้วย วิปรัฐบาล,วิปฝ่ายค้านและครม.เพื่อหารือเรื่องกรอบเวลาในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องเกิดขึ้น เพราะเป็นการตรวจสอบถ่วงดุลสำคัญ โดยจะเริ่มต้นวันที่ 24 -26มี.ค.นี้ ซึ่งวันอภิปราย 24-25 มี.ค.จะเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00น.เป็นต้นไป อภิปรายจนถึงเวลาประมาณ 23.30 น.ของวันที่ 25มี.ค.แล้วจะนัดลงมติวันที่ 26มี.ค.โดยกำหนดกรอบเวลาการอภิปราย แบ่งเป็นฝ่ายค้าน 28 ชั่วโมง , ฝ่ายรัฐบาล รวมกับ ครม.7ชั่วโมงและประธานที่ประชุม2ชั่วโมง
ฝ่ายค้านยันเลี่ยงไม่ได้พาดพิงคนนอก
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวต่อว่า ยังมีเงื่อนไขสำคัญที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันจากที่ผ่านมามีบางเหตุการณ์ประท้วงกันจนฝ่ายค้านไม่สามารถอภิปรายต่อได้ ทำให้ใช้เวลายังไม่หมด หากมีการบีบเวลาว่ายังไงต้องลงมติในวันที่ 26มี.ค.ดังนั้นการอภิปรายวันสุดท้ายวันที่ 25มี.ค.ถ้าเวลาฝ่ายค้านยังไม่หมด อภิปรายไม่ครบ อาจนำไปสู่เหตุการณ์อภิปรายนอกสภาฯเหมือนที่ผ่านมา จึงตกลงร่วมกัน ในการอภิปรายวันสุดท้าย หากเวลาของฝ่ายค้านยังไม่หมด ต่อให้จะใช้เวลาเกินเที่ยงคืนก็จะใช้เวลาต่อไปให้เต็มโควตา หากเกินเที่ยงคืนไปแล้ว ก็อาจจะต้องไปลงมติในวันที่ 27มี.ค.เบื้องต้นตกลงกันแล้วทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลและ ครม.จะไม่ประท้วงพร่ำเพื่อและไม่มีเหตุผล ทุกฝ่ายพยายามให้การอภิปรายครั้งนี้ราบรื่นที่สุด เมื่อถามว่า จะหารือกันในฝ่ายค้านหรือไม่ว่าจะลดการอภิปรายพาดพิงถึงบุคคลภายนอก เพื่อลดแรงประท้วง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ในญัตติมีระบุอยู่แล้ว แม้จะไม่ระบุชื่อ แต่การพูดถึง หรือเอ่ยถึงอะไรเป็นอีกเรื่อง คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่พูดถึงบุคคลภายนอก เพราะระบุในญัตติอยู่แล้ว ตนไม่สามารถไปสั่งการ หรือแทรกแซงเนื้อหาพรรคอื่นได้
เมื่อถามว่า แต่มันก็เป็นไปได้ว่า หากมีการอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอก สส.รัฐบาล ก็อาจมีการประท้วง นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เป็นเหตุผลที่เรามีเงื่อนไขที่ตกลงร่วมกัน ทางฝ่ายรัฐบาลและ ครม.ก็ได้ขอโควตาเวลาเผื่อการประท้วงไว้แล้ว ฝ่ายค้านเห็นด้วย ก็จะได้บริหารจัดการเวลาให้อยู่ในกรอบ หากเห็นว่าจะต้องมีการประท้วงกันจริงๆ ก็ข้ามไปลงมติในวันที่ 27มี.ค.
หนีไม่พ้นชำแหละโยงถึง’ยิ่งลักษณ์’
ด้าน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภา กล่าวว่า เรื่องแก้ไขญัตติ เปลี่ยนจากชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นคำว่า บุคคลในครอบครัว นายณัฐพงษ์ มองว่า ทำให้สามารถอภิปรายได้กว้างขึ้นและธีมในการอภิปรายครั้งนี้คือ ‘ดีลแลกประเทศ’ หมายความว่า เรามองพรรคเพื่อไทยนำประโยชน์ของประเทศมาแลกกับผลประโยชน์ของคนในครอบครัวและเชื่อว่าในการอภิปรายจริง จะมีการใช้คำอีกหลากหลาย มากกว่าคำว่าบุคคลในครอบครัว เพราะคำนี้เป็นภาษาทางการในญัตติ ซึ่งค่อนข้างมีความเหมาะสม
ส่วนกรณีที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ระบุ เมื่อเปลี่ยนเป็นคำว่าบุคคลในครอบครัวแล้ว จะสามารถอภิปรายพาดพิงถึงบุคคลอื่นในครอบครัวชินวัตรได้ เช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายณัฐพงษ์ เห็นว่า ก็มีความเป็นไปได้ ถ้าอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง เพราะเรามองว่าการบริหารที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้เอาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นตัวตั้ง แต่เอาผลประโยชน์ของบุคคลในครอบครัวชินวัตรเป็นตัวตั้งมากกว่า
นายณัฐพงษ์ เปิดเผยอีกว่า ข้อมูลในการอภิปรายหลายส่วนเป็นข้อมูลเชิงลึก ที่ไม่เคยมีการเปิดเผยต่อสื่อมวลชนมาก่อน ซึ่งคาดว่าคงไม่ถึงขั้นลงมติถอดถอนนายกรัฐมนตรี แต่จะมีกระบวนการยื่นฟ้องร้องเอาผิดตามกฎหมายต่อไป โดยใช้ข้อมูลจากการอภิปรายเป็นหลักฐาน หากนายกรัฐมนตรีไม่สามารถตอบชี้แจงได้ชัดเจน กระบวนการนี้ก็จะทำให้มีแนวโน้มสูง ที่จะทำให้นำไปสู่การยื่นถอดถอนได้ในอนาคต
วันแรกเริ่มจ้อ08.00น.เลิก05.30น.
ด้าน นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะตัวแทนฝ่าย ครม.กล่าวว่า ฝ่ายรัฐบาลและครม.พยายามจะใช้เวลาทั้งการประท้วงของ สส.รัฐบาล วันละ1ชั่วโมง ทั้ง2วัน ขณะที่เวลาในการชี้แจงของนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีใน ครม.ที่ถูกพาดพิง จะใช้เวลาประมาณ5ชั่วโมง โดยในวันแรกจะใช้เวลาอภิปรายประมาณ 10ชั่วโมง อภิปรายจนถึงวันที่ 25มี.ค.เวลาประมาณ 23.30น.และลงมติในวันที่ 26 มี.ค.เวลา 10.00น.ซึ่งได้กำชับฝ่ายค้านไปว่า ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรพาดพิงบุคคลภายนอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรอบเวลาในการที่จะอภิปรายนั้น โดยวันที่ 24 มีนาคม ฝ่ายค้านจะใช้เวลา 17 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลรวมกับ ครม.จะใช้เวลา 3.5ชั่วโมงและประธานในที่ประชุมจะใช้เวลา 1ชั่วโมง รวมทั้งสิ้นจะเป็น 21.5 ชั่วโมง โดยคาดว่าหากมีการเริ่มอภิปรายในเวลา 08.00 น. จะเลิกเวลาในเวลา 05.30 น. ของวันที่ 25มีนาคม จากนั้นจะกลับมาเปิดการประชุมอีกครั้งในเวลา 08.00น.วันเดียวกัน ซึ่งในวันนี้ฝ่ายค้านจะใช้เวลา 11ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลรวมกับ ครม.ใช้เวลา 3.5ชั่วโมงและประธานในที่ประชุม 1 ชั่วโมง ในวันที่ 25มีนาคม จะใช้เวลาทั้งสิ้น 15.5ชม.แล้วจะเลิกการประชุมในเวลา 23.30น.
‘ไหม’คาใจซักฟอกตี5ใครจะรอฟัง
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ชัดเจนมาก ที่จะทำให้ประชาชนไม่พอใจ จึงอยากให้รอฟังว่า เราจะพูดถึงเรื่องนี้ และมีหมัดเด็ดอย่างไรและต้องฝากประชาชนให้ช่วยติดตามด้วย เพราะภายหลังมีการเคาะเวลาล่าสุด ปรากฏว่า เราจำเป็นต้องอภิปรายตั้งแต่ 08.00-05.30น.ของอีกวัน ซึ่งข้อดี คืออาจจะไม่ค่อยมีคนประท้วงในช่วงนั้น ทำให้เราสามารถอภิปรายได้อย่างเต็มที่ แต่ข้อเสียคือ ประชาชนอาจจะพลาดการรับชมสด เพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยู่หน้าทีวีอีกต่อไป นอกจากคนอภิปราย และนักข่าว ส่วนตัวเด็ดๆ จะมาในช่วงเวลาไหนนั้น ตนยังบอกไม่ได้จริงๆ แต่ยืนยันว่า จะมีการกระจายไฮไลต์ทุกวันแน่นอน แต่จะอยู่ในช่วงเวลาไหน ยังบอกไม่ได้ เพราะเดี๋ยวโดนว่าเข้าไปยุ่งย่ามวุ่นวายกับพยานหลักฐาน
พุ่งเป้านายกฯ-ครอบครัวแค่ตัวเสริม
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวยืนยันว่า มีการจัดกลุ่มผู้อภิปรายแน่นอน ทั้งเรื่องนโยบาย การคอร์รัปชั่น และปัญหาอื่นๆ แต่ไม่มีกลุ่มที่เป็นเรื่องบุคคลในครอบครัวโดยเฉพาะ ย้ำว่า เราอภิปรายที่ตัวนายกรัฐมนตรี สำหรับคนที่เกี่ยวข้อง หรือคนในครอบครัวเป็นส่วนเสริมเข้ามา ดังนั้น ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เราไม่ได้อภิปราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯแต่เราอภิปราย น.ส.แพทองธาร จากปัญหาที่การที่เขาไม่ได้เป็นนายกฯตัวจริง ส่วนการตอบโต้ผ่านโปสเตอร์อภิปราย ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนนั้น เป็นธรรมดาของการเก็งข้อสอบ ซึ่งมีการเก็งผิดบ้างเป็นเรื่องปกติ การรีบออกตัวไปหน่อย ก็อาจจะทำให้ดูร้อนตัว หรือร้อนรน เพราะยังไม่ได้มีการเปิดเผยว่า จะพูดเรื่องอะไร การออกมาพูดเรื่องหลงประเด็น เราก็งงว่า ฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลกันแน่ที่หลงประเด็น
ถล่มการเข้าสู่อำนาจ-‘แม้ว’กลับไทย
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า สำหรับธีมในการที่อภิปราย ดีลแลกประเทศนั้น อธิบายมาจากการที่ประเทศต้องสูญเสียไปเท่าไหร่ กับการที่นายกฯเข้าสู่อำนาจและเพื่อให้บิดาได้กลับมาบ้าน เราต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและการนำผลประโยชน์ประเทศมาต่อรอง เมื่อถามรัฐบาลดูร้อนตัวใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวติดตลกว่า”อั๊วะไม่ร้อน แต่ลื้อดูร้อน เพราะในช่วงนี้มีการโปรโมทผลงานเป็นระยะ เหมือนเตรียมตัวที่จะรับการอภิปราย ซึ่งเราก็เก็งคำตอบเช่นเดียวกันว่า รัฐบาลจะตอบว่าอะไร ผ่านการที่เขาดูร้อนรนแบบนี้ ก็ขอบคุณที่ร้อนตัว และโชว์ผลงานใหญ่เลย”เมื่อถามย้ำว่า คนไหนดูร้อนที่สุด น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า คิดว่า นายกฯน่าจะเป็นคนร้อนที่สุดอยู่แล้ว เพราะเราไม่ได้อภิปรายคนอื่น รองลงมาอาจจะพ่อนายกรัฐมนตรี เพราะกรณีที่เราถามว่า จะอภิปรายเรื่อง นายทักษิณ ได้หรือไม่ แทนที่เขาจะตอบว่า ไม่เห็นจะเป็นอะไร แต่เขากลับตอบกว่า เป็นการไม่ทำตามกติกา จึงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเหมือนกัน เพราะคิดว่าจะใจกว้างมากกว่านี้ พร้อมย้ำอีกว่า มีหมัดเด็ดหลายเรื่อง รอบนี้ของจริง มีคนร้อนแน่นอน
พท.แฉรู้หมดแล้วจะซักฟอกอะไรบ้าง
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านตั้งหัวข้อเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า“ดีลแลกประเทศ”ว่า เป็นคำหรู รูปสวย แต่กินไม่ได้ เป็นความอยากทำอะไรก็ได้แบบประหลาดๆ คิดว่าตัวเองเก่ง ฝ่ายค้านควรพูดด้วยสาระและเหตุผลว่า นายกฯ บริหารประเทศไม่ดีอย่างไร นายกฯจึงจะตอบให้ฟังได้ “ผมพูดได้เลยว่า ฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องอะไรบ้าง ทั้งเรื่องปลาหมอคางดำ ปัญหาแรงงาน การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน เอ็มโอยู 44 รวมถึงภาวะความเป็นผู้นำของนายกฯ ผมเฉลยข้อสอบให้ฝ่ายค้านเอาไปทำได้เลย เพราะเชื่อว่าฝ่ายค้านพูดเรื่องเหล่านี้แน่ และขอบอกว่า ข้อสอบไม่ได้รั่ว แต่เพราะฝ่ายค้านพูดออกมาเองว่า จะพูดเรื่องอะไรบ้าง และฝ่ายค้านห้ามบอกนะว่า ข้อสอบรั่ว เพราะพวกคุณบอกเองหมดเลย โจทย์ในญัตติก็มี อย่างนี้พวกคุณไม่ต้องมาเล่นข้างนอกหรอก ไปเล่นข้างในเลย อย่ากลัว” นายสมคิด กล่าว
นายกฯตื่นเต้นบ้างเพราะถล่มครั้งแรก
ผู้สื่อข่าวถามว่า น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ออกมาระบุว่า มีหลายเรื่องที่ไม่เคยเป็นข่าว นายกฯฟังแล้วต้องอ้าปากค้างแน่ นายสมคิด กล่าวว่า ไม่เป็นไร ก็อภิปรายมา นายกฯ ก็ตอบไป ถ้ามีเหตุผลนายกฯก็ตอบหมด ยกเว้นประเภทมั่วมา ถ้าบอกว่านายกฯบริหารผิดพลาดอย่างไร ตรงนี้เราเตรียมไว้หมดแล้ว ขอให้อยู่ในเหตุและผล แต่ถ้านอกเรื่องก็ไม่เป็นไร เพราะในสภามีคนคอยดูอยู่ พรรคเพื่อไทย (พท.) มีปากทุกคน เพียงแต่ช่วงนี้พรรคขอให้ทุกคนสงบปากสงบคำ ให้ไปคุยในสภา ดังนั้นขอยืนยันว่า ฝ่ายค้านจะพูดเบาหรือแรงไม่มีปัญหา เรารับได้ เมื่อถามว่า นายกฯดูจะหวั่นๆ เหมือนกันเพราะมีการกำชับให้สมาชิกคอยช่วยเหลือด้วย นายสมคิด กล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้หวั่นไหว แค่กำชับให้ช่วยเหลือกัน เป็นเรื่องปกติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ใครมีข้อมูลอะไรก็เตรียมไว้เพื่อยื่นให้นายกฯตอบ ไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่อาจจะเป็นครั้งแรกของนายกฯ เลยมีความตื่นเต้นอยู่บ้างเท่านั้น ยืนยันว่าไม่มีอะไร
‘วิสุทธ์’ซัดต่อรองหยุมหยิมเป็นเด็ก
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ช่วงเจรจาต่อรองเวลา เป็นการเจรจากันหลังจากตนไม่ได้อยู่ในห้องประชุม เหตุผลที่ตนออกจากห้องประชุมก่อนที่จะเจรจากันแล้วเสร็จ เพราะฝ่ายค้านต่อรองขอเวลาแบบหยุมหยิมเป็นเด็ก ซึ่งตนไม่เห็นด้วย จึงออกจากห้องประชุม และให้ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะวิปคณะรัฐมนตรี (ครม.) และวิปจากพรรคร่วมรัฐบาล เป็นผู้เจรจา เมื่อถามว่า มองว่าการอภิปรายจะราบรื่นหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า “ไม่ราบรื่นเท่าไร”เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยจะปรับรูปแบบการรับมือหรือไม่ รวมถึงกรณีพาดพิงคนนอก นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะประท้วงตามข้อบังคับ ส่วนที่มีการแก้ไขญัตติและระบุคนในครอบครัวของ น.ส.แพทองธาร นั้น ผู้ที่อภิปรายถึงต้องรับผิดชอบทางคดีด้วยตนเอง เพราะคนที่เขาจะพาดพิง ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อาจได้รับความเสียหาย ซึ่งพวกเขามีสิทธิฟ้องร้องได้ หากอภิปรายทำให้เสียหาย ต้องพร้อมรับการฟ้องร้องด้วยตนเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี