เยี่ยม‘อุยกูร์’โปร่งใส-ตรวจสอบได้
‘บิ๊กอ้วน’โต้จัดฉาก!
ร่ำไห้ดีใจได้กลับบ้านเรื่องจริง
เหน็บไม่ใช่ดาราฮอลลีวู้ดสั่งร้องได้
ท้าคนกังขาให้หาล่ามมานั่งแปล
“ภูมิธรรม”ลุยภารกิจเยี่ยมอุยกูร์วันที่สองโต้จัดฉาก!อ้างสื่อที่พามาได้เห็นความจริงทั้งหมดตั้งแต่ลงรถพบพร้อมกัน ถ้าใครคิดว่าจัดฉาก ท้าไปหาล่ามมานั่งดูได้ ยันทุกอย่างโปร่งใส ติงอย่าเอาประเด็นนี้มาด้อยค่าความจริงส่วนที่มีการแสดงความรู้สึกร่ำไห้ เพราะดีใจได้กลับบ้านห้ามไม่ได้เป็นภาพที่เกิดจริงพวกเขาไม่ใช่ดาราฮอลลีวูดที่สั่งให้ร้องก็ร้องได้เลย ด้านชาวอุยกูร์เผยขอบคุณรัฐบาล-ผู้นำจีนดูแลดี พาไปเที่ยวสร้างบ้านให้ มีเสรีภาพ100%
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกล่าวสรุปภาพรวมวันแรกในการตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับจีนว่า รลงพื้นที่วันที่ 19 มีนาคม เห็นได้ว่าแต่ละจุดเดินทางลำบาก อยู่ในพื้นที่ห่างไกล แยกไป 3 เมืองใหญ่ของคานซือ ในมณฑลซินเจียงห่างกัน 400-500 กิโลเมตร ถือว่าได้ข้อมูลพอสมควร สำหรับวันนี้จะไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 5-6 ชั่วโมง
นายภูมิธรรมชี้แจงความจำเป็นต้องให้สื่อนำเสนอข่าวด้วยการเบลอหน้าชาวอุยกูร์ว่า เหตุเขาขอความร่วมมือมา เพราะบางคนไม่สบายใจ กลับมาแล้วก็ได้ชีวิตใหม่แล้ว อยากอยู่อย่างสงบ ไม่อยากเป็นบุคคลที่ถูกจับตามองจากสาธารณะ อีกทั้ง บางคนเคยถูกชักจูงจากกลุ่มมุสลิมที่ต้องการเปลี่ยนแปลง เขาก็กลัวว่าถ้ากลับมาแล้ว ก็ไม่ยากไปแตะหรือเกี่ยวข้องอีก จึงยินดีให้เราสัมภาษณ์ แต่ขอให้เขาได้ใช้ชีวิตส่วนตัว ถือเป็นหลักสิทธิมนุษยชน สิทธิส่วนตัว ที่พวกเขาทำได้ ซึ่งสื่อที่มาทำข่าวได้เห็นหน้าจริงๆ เปรียบเทียบว่าเป็นคนที่อยู่ในเครือข่ายและมีชื่อถูกส่งมาจริงหรือไม่
“ไม่ควรหยิบมาเป็นประเด็นด้อยค่าความเป็นจริง เราต้องอยู่กับความเป็นจริง เราเชิญสื่อมวลชนที่มียอดคนดูคนติดตามจำนวนมาก เพราะต้องการให้เรื่องนี้เป็นที่รับรู้ของคนในประเทศ ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง ทุกคนที่มาได้เห็นความจริงทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้นลงจากรถก็ได้พบพร้อมกัน”นายภูมิธรรมกล่าว
และว่า ส่วนเกณฑ์การเลือกครอบครัวชาวอุยกูร์ที่ไปพบมีสองอย่างคือ ขอพบกับ 40 คนที่เราส่งกลับเป็นกลุ่มหลัก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากพบกับคนที่กลับมาช่วงปี 2558 ซึ่งถ้าเราได้เจอทั้งสองส่วนเราก็สบายใจขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ติดตาม ส่วนเกณฑ์อื่นไม่มี ที่สำคัญคือ เขาต้องสมัครใจ เราไม่มีสิทธิละเมิดสิทธิ์เขา เราไม่ใช่มาเยี่ยมผู้ต้องหา แต่เรามาเยี่ยมถามสารทุกข์สุกดิบ ถ้าพูดกันตามหลักเรื่องนี้จบตั้งแต่เขาขึ้นเครื่องบินจีนกลับแล้ว ซึ่งเป็นอำนาจอธิปไตยของประเทศเขา ภารกิจของไทยจบแล้ว แต่เราไม่ได้มีภารกิจเพื่อทำแค่นี้ เพราะยังคงมีความกังวลใจ ตั้งแต่เราเริ่มต้นตัดสินใจ ซึ่งก็ยากลำบากเพราะเกี่ยวพันหลายส่วนและมีมุมมองที่ต่างกัน แต่เราเลือกทางที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากที่สุด และทราบว่ายังมีคนห่วงใย เราจึงพยายามเชิญสื่อทุกส่วนมาเห็นจริงๆ ถือว่าจีนอำนวยความสะดวกได้อย่างมาก
“เราเปิดกว้าง ถ้าใครคิดว่ามีการจัดฉาก ก็ไปหาล่ามมานั่งดูได้ หรือถ้าคิดว่าจะเอาเรื่องนี้เป็นประเด็นหลัก ก็พิสูจน์ได้ทั้งหมด เพราะเราทำครั้งนี้เราโปร่งใสหมด ส่วนการแสดงความรู้สึกมันห้ามไม่ได้ เขาไม่ใช่ดาราฮอลลีวูด บอกให้ร้องไห้ก็ร้องได้เลย อันนี้มาถึงเขาน้ำตาซึม น้ำตาคลอ พอถามว่าดีใจไหม หรือรู้สึกอย่างไร น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างที่เห็น ผมแตะมือเขาเบาๆ แต่เขาบีบมือแน่น แม้กระทั่งผู้หญิงที่เป็นพี่สาว ก็บีบมือผม เป็นการแสดงออกได้ชัดเจนจริงๆ แทบไม่ต้องอธิบายอะไรเลย ดูภาพ ฟังเสียง ดูสายตา ดูอารมณ์ความรู้สึก ภาพตอบทั้งหมด และเป็นภาพที่เกิดขึ้นจากความจริง ตอบได้ง่ายกว่า และพวกเขาไม่ใช่ดาราหนังไทยหรือดาราซีรีย์ฮอลีวูด ฉะนั้นดูแล้ววิเคราะห์เอา พร้อมขอให้สื่อบางส่วนใจกว้างขึ้นหน่อย ผมให้ความสำคัญกับประชาชนมากที่สุด ดูแล้วก็ตัดสินใจได้”นายภูมิธรรม กล่าว
สำหรับผลลัพธ์จากการพูดคุย ยิ่งตอกย้ำหรือไม่ว่าเป็นการตัดสินใจถูกต้องในการส่งตัวกลับมา นายภูมิธรรมกล่าวว่า เดิมคิดว่า ได้ตัดสินใจกับคณะที่เกี่ยวข้อง เราพยายามทำดีที่สุดแล้ว ถ้าพูดตามตรงเราไม่อาจรับประกันใครได้ 100% เพราะไม่ใช่ตัวเรา แต่เรามั่นใจในจีน สิ่งที่เขาให้คำมั่นกับเราตั้งแต่ระดับนายกฯ หรือผู้นำระดับสูงของเขา ก็ให้คำมั่นกับนายกฯไทยว่าไม่ต้องห่วง เขาจะดูแลอย่างดี นี่คือผู้นำระดับโลก ก็ควรรับฟังได้ และเราไม่ได้ปล่อยผ่านในรายละเอียด ขอให้เขาออกแถลงข่าวยืนยัน เขาก็ออกหนังสือสำคัญทางการทูตที่ทั่วโลกรับรองมาว่า เขาจะมารับและดูแลสุขภาพคนเหล่านี้ และหางานให้ทำ แต่ก็ยังมีคนตั้งคำถามอีก เราจึงให้คนตามไปทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และทูตไทย ครั้งนี้ตนเดินทางมาเอง ระดับรองนายกรัฐมนตรี และยังมีรัฐมนตรียุติธรรม พร้อมกับสื่อมวลชนอย่างอิสระ
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ตนได้ขอโทษบางคนด้วยใจจริง เพราะเรารู้สึกว่าเขามีโทษหลบหนีเข้าเมืองไม่เกิน 2 ปี หรือบางคนก็ 3 เดือน แต่มันหนัก เราจึงรู้สึกและขอโทษที่ทำให้ต้องอยู่ในประเทศของเรา 10 กว่าปี ดีใจแทนที่เขาได้กลับบ้าน ตนเห็นแล้วก็สบายใจ เชื่อว่าสิ่งที่ตนและทีมไทยจัดการทั้งหมด ก็ฝากประชาชนตัดสินจากความเป็นจริงที่เรานำเสนอโดยสื่อของไทยทุกสื่อ
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมพล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ถูกไทยส่งกลับเป็นวันที่สอง ซึ่งมีระยะทางห่างจากโรงแรมที่พักในตัวเมืองคาซือประมาณ 270 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางกว่า 2ชั่วโมง
โดยพ.ต.อ.ทวีได้สอบถามความเป็นอยู่ หลังถูกส่งกลับมาบ้านเกิด ซึ่งชายชาวอุยกูตอบว่ารัฐบาลท้องถิ่นได้พาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และยังพาตนกับครอบครัวไปเที่ยวข้างนอกในเมืองอื่น ทำให้ตนรู้สึกสบายใจ สมาชิกในครอบครัวก็ปลอดภัย ตอนนี้ตนรู้สึกว่าได้ชีวิตใหม่เป็นปกติแล้ว ขณะนี้ตนอายุ 36 ปีก่อนออกนอกประเทศ ได้แต่งงานแล้วมีลูก 3 คน มีอาชีพเป็นช่างตัดผม มีร้านตัดผมเป็นของตัวเอง ทั้งนี้ ก่อนที่ตนออกนอกประเทศ บ้านหลังนี้ยังไม่มี รัฐบาลสนับสนุนเงิน 28,500 หยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 140,000 บาทให้มาสร้างบ้านให้ครอบครัว
ชายชาวอุยกูร์ยังเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนถูกจับว่า กลุ่มก่อการร้ายได้โกหกทำให้ตนหลบหนีออกนอกประเทศผิดกฎหมาย แต่ตอนนี้ได้กลับบ้านแล้ว ปัจจุบันมาเป็นชาวนายืนยันว่าไม่มีการบังคับ มีเสรีภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ ยืนยันไม่เคยถูกทำร้าย โอกาสนี้ต้องขอบคุณประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากประเทศไทย ตนรู้สึกประทับใจและขอบคุณรัฐบาลท้องถิ่นอีกครั้ง กลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแต่ซินเจียงพัฒนา แต่ทั้งประเทศจีนทันสมัยมาก เมื่อตนกลับมาก็จะดูแลครอบครัวเป็นหลัก ตอนที่กลับมาแรกๆก็เครียด รู้สึกว่ารัฐบาลท้องถิ่นมีน้ำใจต่อตนและครอบครัว ตอนนี้ก็สบายใจ ไว้วางใจ
จากนั้นพ.ต.อ.ทวีสอบถามเรื่องการศึกษา ซึ่งชายชาวอุยกูร์ตอบว่า ตนไม่ได้เรียนหนังสือ แม้แม่เป็นครูอยากให้เรียน แต่ตนไม่เชื่อฟัง พร้อมยืนยันไม่เคยมีการเขียนจดหมายกลับมา พ.ต.อ.ทวีกล่าวต่อว่า วันนี้มาเยี่ยมเพราะจะมาดูว่าปลอดภัย ชีวิตดีขึ้นหรือไม่ ได้ยินแบบนี้รู้สึกสบายใจ ขออวยพรให้มีความสุขสมหวัง
สำหรับบรรยากาศการพูดคุยกับครอบครัวชาวอุยกูร์นี้ ญาติของชาวอุยกูร์ดูมีความสุข แม่กอดลูกชาย ขณะที่ลูกสาวของชายคนนี้ได้กอดพ่อตัวเอง จากนั้นครอบครัวนี้ได้ร้องเพลงพื้นถิ่นโชว์ ความหมายของเพลงระบุถึง ดวงดาวที่สองสว่างบนฟ้า เป็นประกายเหมือนตาของแม่ ก่อนที่มารดาจะร้องอีก 1 บทเพลง ซึ่งเป็นเพลงที่ชื่นชมและขอบคุณคุณแม่ ที่ดูแลลูกมาจนเติบโต พร้อมกันนี้ ครอบครัวยังได้เชิญพ.ต.อ.ทวีและคณะชิมขนมของว่างที่จัดไว้ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี