รัฐบาลหนุน‘ร่างกฎหมายควบคุมแอลกอฮอล์’ผ่านสภาฯฉลุย ปลดล็อกโฆษณา‘เหล้า-เบียร์’ เปิดทาง‘สุราชุมชน’ภูมิปัญญาท้องถิ่น สามารถโฆษณา ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทย
21 มีนาคม 2568 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวน และปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งถือก้าวสำคัญในการพัฒนาด้านกฎหมาย ที่คาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอนาคต
ล่าสุด วันที่ 19 มีนาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติเห็นชอบแก้ไขและกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ ในมาตรา 32 ของ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ ... พ.ศ. .... ส่งผลให้ การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะถูกแยกออกมาเป็นบทเฉพาะในกฎหมาย เพื่อให้มีการควบคุมที่ชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น และส่วนของบุคคลธรรมดาที่สื่อสารโดยไม่ได้มุ่งหวังเพื่อการค้า สามารถทำการโฆษณาได้ ขณะที่ ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ยังคงห้ามโฆษณาเชิญชวนให้บริโภคสินค้าอยู่ หรืออวดอ้างสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ แต่ผ่อนปรนให้สามารถประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ชื่อ และรายละเอียดสินค้าได้มากขึ้น และห้ามนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตราเสมือนหรือการออกแบบที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโฆษณาแอลกอฮอล์ เช่น การใช้เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับตราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
กฎหมายดังกล่าวนอกจากจะเป็นการเปิดทางช่วยผู้ประกอบการรายย่อย ยังเป็นการส่งเสริมสุราชุมชน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง สอดคล้องกับการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยตามนโยบายรัฐบาลด้วย ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ยังไม่มีผลบังคับใช้ จนกว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ขณะที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ปรับปรุงร่างระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. …. โดยมีการแก้ไขระเบียบผ่อนปรนให้เจ้าหน้าที่ – องค์กรหมู่คณะในอุทยานแห่งชาติ ต้องขออนุญาตจัดกิจกรรม ให้หัวหน้าอุทยานฯ ใช้ดุลพินิจ ดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่มิดชิด ห้ามส่งเสียงดัง ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปยังมีข้อห้าม ได้แก่
ข้อ 4 (4) การใช้สถานที่ในอุทยานฯ : กำหนดว่า “การใช้สถานที่เพื่อการใด ๆ ต้องไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรม หรือวัฒนธรรมอันดีงาม รวมถึงห้ามส่งเสียงดังอื้ออึง หรือกระทำการใดที่รบกวนหรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่บุคคลหรือสัตว์ป่า”
ข้อ 6 (7) ผ่อนปรนการดื่มแอลกอฮอล์ ที่อนุญาตเฉพาะในบริเวณที่กำหนดเป็น “สโมสร” และต้องได้รับอนุญาตจากหัวหน้าอุทยานฯ ซึ่งเน้นให้เป็นพื้นที่สำหรับเจ้าหน้าที่และกลุ่มที่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่การเปิดเสรีสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป กล่าวคือ เป็นการอนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้ในบริเวณสโมสรที่หัวหน้าอุทยานฯ กำหนด โดยไม่ต้องสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ อาจใช้ห้องประชุมหรืออาคารที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้เป็นพื้นที่นันทนาการสำหรับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ เป็นหลัก รวมถึงรองรับกลุ่มที่มาจัดกิจกรรม เช่น คณะทัศนศึกษา ไม่ใช่การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวทั่วไปดื่มได้ตามใจชอบ
ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการรับฟังความคิดเห็นแล้ว ร่างระเบียบดังกล่าวจะส่งให้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงนาม ก่อนส่งต่อไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายใน 2 เดือน
“รัฐบาลขอยืนยันว่า การปรับปรุงกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งนี้ มุ่งสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมเศรษฐกิจและการคุ้มครองสังคม โดยยังคงรักษามาตรการป้องกันผลกระทบเชิงลบต่อเยาวชนและประชาชนทั่วไป ขณะเดียวกัน เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรายย่อยและสุราชุมชน ซึ่งเป็นมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น ได้เติบโตอย่างเป็นระบบภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน เพื่อสร้างรายได้และขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของไทยให้แข่งขันได้ในระดับสากล” นางสาวศศิกานต์ กล่าว
นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะ เช่น ที่อุทยานแห่งชาติ โดยการผ่อนปรนให้ดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตอย่างเหมาะสม ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด ไม่ได้เปิดเสรีแก่นักท่องเที่ยวทั่วไป โดยมาตรการทั้งหมดนี้สะท้อนถึงแนวทางการบริหารที่ยืดหยุ่นแต่รอบคอบ คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศในระยะยาว รัฐบาลขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ทุกการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบนพื้นฐานของการดูแลสังคม ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี